เป็น blog ที่เริ่มเขียนค่ะ เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจตัวเองและคนอื่น ๆ ว่าอย่าคิดแต่ทำงานอย่างเดียวไม่ดูแลครอบครัว เจ้าตัวเองต้องเผชิญปัญหานานับประการ แต่ก็ต้องยืนเป็นจุดหลักของครอบครัว
ข้าพเจ้ามีบุตรชาย อยู่คนเดียว ข้าพเจ้าทำงานตั้งแต่เช้า ตลอด จันทร์ถึงศุกร์ พอว่างก็ต้องขึ้นเวรเสริมบ้าง
มีบุตรหนึ่งคนรักมากดั่งแก้วตาเหมือนลูกคนอื่น ๆ ที่ตั้งใจรอให้เขาเกิด และทะนุถนอมดั่งแก้วตา มีอะไรหาให้ เมื่อว่างก็คุยกับลูกเฝ้าดูพัฒนาการเขาตลอดเวลา ตามกระตุ้น
แต่สิ่งหนึ่งที่ข้าพเจ้าไม่เคยสังเกตเหมือนน้องพยาบาลคนอื่น ๆ เขาเห็นเลย หรือเป็นเพราะเส้นผมบังภูเขาก็ไม่ทราบไม่ทันรู้ตัว ดีที่น้องทัก เพราะน้องเห็น หลาย ๆครั้งเขาใคร่ครวญว่าจะดีหรือเปล่าหนอไปท้วงน้องอย่างนั้น
สุดท้ายน้องก็ทัก "พี่ค่ะน้องโบวี่ทำไมถึงเล่นแต่พัดลมอย่างเดียว หยุดอยู่สิ่งเดียว " ข้าพเจ้าไม่ทันสังเกต เพราะทุกอย่างแทบปกติ
ข้าพเจ้า ไปหาแบบประเมิน มาประเมินเด็กออทิสติก รู้สึกเข้าข้างตัวเองมากไป
น้องที่คลินิกประเมินให้แตกต่างกัน ข้าพเจ้าเริ่มปฏิเสธ รับไม่ได้ เพราะทำใจไม่ได้
สุดท้ายตั้งสติไว้ได้ เราไปพบหมอเด็กที่โรงพยาบาลจังหวัดเพื่อให้ประเมินให้ น้องโบวี่ดื้อมาก hyperactivity
น้องได้รับการกระตุ้น พัฒนาการ เพราะเขาไม่สนใจอะไรนาน หรือสมาธิสั้นก็ได้ แต่สามารถกระตุ้นได้
หมอบอกว่าเด็กตอบได้ดี แต่ต้องพยายามสอนให้เขาอยู่นิ่ง ๆ
เ รา ได้แบบฝึกหัด มาฝึกที่บ้าน
คุณแม่กลับมาต้องพาน้องเล่น เกมร้อยลูกปัด เราดัดแปลงลูกปัดผ้าซื้อมาหลาย ๆ อัน หลายสี หรือประยุกต์ไม้หนีบผ้าบ้าง เมื่อน้องเบื่อ
ทุกครั้งให้น้องพูดชื่อสีว่า "สีอะไรครับ"
"สีแดงครับแม่" พร้อมร้อยลงเชือก และพาเขามองลูกปัด เปลี่ยนสีเรื่อย ๆ อาการน้องโบวี่ดีขึ้น
หมอให้น้องออกน้องบ้าน เพราะเราเลี้ยงลูกอยู่แต่ในห้อง เพราะคุณยายท่านเป็นคนสะอาดมาก กลัวแต่หลานสกปรก "ยุงไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม" AQ ไม่ค่อยดี ต้องมาส่งเสริม
ตอนนี้น้องโบวี่ดีขึ้น อยู่ชั้น ป.1
แต่เขามีความจำดีมาก แต่ด้านสังคมต้องกระตุ้น แค่นี้ก็ดีแล้วสำหรับข้าพเจ้า
อย่ามัวแต่เพลินกับงานนะค่ะ ต้องให้เวลากับลูก แค่ 5 นาทีก็มีความหมาย
เป็นบทเรียนชีวิตอีกแบบ เหมือนโบราณว่า " สิบตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง แต่หากเรารีบแก้ไข ทุกอย่างก็ดีขึ้น "
สวัสดีค่ะ
ยินดีที่รู้จัก ขอเป็นกำลังใจให้ ทั้งคณแม่และคุณลุกค่ะ
ขอบคุณค่ะ
งานนี้สู้ สู้ เพื่อลูกค่ะ (ไม่ใช่สู้เพื่อแม่)
ขอบคุณกำลังใจจากคุณตันติราพันธ์มากอีกครั้งค่ะ
เป็นกำลังใจให้เช่นกันค่ะ คุณเพชรน้อย ดูท่าว่าน้องโบวี่จะดีกว่าคนที่มีอาการอีกหลายๆคนนะคะ ยิ่งคุณแม่รู้เร็ว โอกาสที่น้องจะได้พัฒนาศักยภาพด้านที่เขาเป็นเยี่ยม (ความจำอย่างที่คุณแม่บอก) และเสริมส่วนอื่นที่จำเป็นในการอยู่ในสังคมอย่างมีความสุขก็มีมากตามไปด้วย อัจฉริยะของโลกหลายๆคนก็เป็นเด็ก"ไม่ปกติ" (ตามนิยามของคนทั่วๆไป) นะคะ เพียงแต่สมัยก่อนไม่มีใครมากำหนดชื่ออาการพวกนี้ให้เป็น"โรค"เสียมากกว่า
- ขอบคุณคะกับกำลังใจ สู้ต่อค่ะ