เจ้าหญิงป่วน ณ ปัตตานี
เด็กหญิง ประเสริฐ (أُخْتٌ صَغِيْرَةٌ ) รัศมีแห่งดวงตา เจ้าหญิงป่วน ณ ปัตตานี

หรือเรากำลังบริโภคเนื้อหมูกัน(โดยไม่ได้ตั้งใจ)


แต่ในปัจจุบัน พวกบริษัทข้ามชาติกำลังเผชิญปัญหาจากการสูญเสียรายได้ ถึง 75%ของรายได้จากการส่งสินค้าไปขายในประเทศมุสลิม ซึ่งนับเป็นเงินได้ถึงหลักพันล้านดอลล่าร์สหรัฐ สุดท้ายพวกเขาจึงตัดสินใจที่จะระบุเป็นรหัส ซึ่งจะให้องค์การอาหารเท่านั้นทราบว่ามันถูกทำมาจากอะไร แต่ผู้บริโภคทั่วไปไม่สามรถทราบได้เลย ดังนั้นเขาจึงเริ่มใช้ E-Codes

หรือเรากำลังบริโภคเนื้อหมูกัน(โดยไม่ตั้งใจ)


เกือบทุกประเทศในตะวันตกรวมถึงยุโรป เนื้อหมูเป็นทางเลือกลำดับแรกๆในการบริโภค มีฟาร์มเลี้ยงหมูมากมายในหลายๆประเทศ เฉพาะในประเทศฝรั่งเศสก็มีมากกว่า 42,000 ฟาร์ม หมูเป็นสัตว์ที่มีปริมาณไขมันในร่างกายสูงที่สุดเมื่อเทียบกับสัตว์อื่นๆ แต่ชาวยุโรปและอเมริกันพยายามหลีกเลี่ยงไขมัน แล้วไขมันจากสุกรเหล่านี้จะมีที่ไปอย่างไร ? รายงานที่ติดตามมาของผู้ปฏิบัติการทางการแพทย์ได้เปิดเผยว่า ไขมันหมูอาจถูกบริโภคโดยมุสลิมทั่วโลกด้วยความไม่รู้

เพื่อนผม( Dr. M. Amjad Khan) คนหนึ่งชื่อ Shaikh Sahib ที่ทำงานในองค์การอาหาร ที่เมือง Pegal ของฝรั่งเศส งานของเขาคือการขึ้นทะเบียนทุกผลิตภัณฑ์, สินค้า, อาหารและยา เมื่อบริษัทใดต้องการวางสินค้าในตลาด นั่นหมายถึงสินค้านั้นต้องได้รับการยืนยันโดยองค์การนี้ เขา Shaikh Sahib ทำงานในห้องปฏิบัติการการควบคุมคุณภาพ เขาจึงรู้รายละเอียดและส่วนผสมในอาหารหรือสินค้า ซึ่งส่วนใหญ่แล้วส่วนประกอบเหล่านั้นจะมีชื่อเฉพาะทางวิทยาศาสตร์ บ้างก็ชื่อในทางคณิตศาสตร์ เช่น E-904, E-141

ในช่วงแรกชัยคฺคนนี้พบเรื่องนี้เข้าโดยบังเอิญ เขาเกิดความรู้สึกแปลกและอยากรู้ เขาจึงถาม Department Incharge (ซึ่งเป็นชาวฝรั่งเศส) แต่กลับได้รับคำตอบว่า “ทำงานของคุณไปเถอะ ไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น” แต่นั้นมันยิ่งเพิ่มความกังขาให้แก่ชัยคฺคนนี้ เขาจึงค้นหามันตามแฟ้มต่างๆ และสิ่งที่เขาพบก็พอที่จะสามารถทำให้มุสลิมทั่วโลกต้องประหลาดใจ

หมูทุกตัวจะถูกฆ่าในโรงฆ่าสัตว์ภายใต้การควบคุมของหน่วยงานอาหาร ซึ่งหลังจากการผ่านขั้นตอนการฆ่าแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการจัดการไขมันหมูในโรงฆ่าสัตว์ซึ่งองค์การอาหารถือว่านั้นเป็นปัญหาหลัก โดยในอดีตที่ผ่านมาประมาณ 60 ปี พวกเขากำจัดมันโดยการเผา หลังจากนั้นก็ได้มีการเปลี่ยนมาใช้ระบบการนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยช่วงแรกพวกเขาได้ทดลองใช้ไขมันเหล่านั้นทำสบู่ และมันก็ประสบความสำเร็จ จากนั้นจึงเกิดโครงข่ายอย่างสมบูรณ์ที่จะนำไขมันเหล่านี้ก็เข้าสู่กระบวนการทางเคมี,บรรจุหีบห่อ และวางขายในท้องตลาด ขณะที่ผู้ประกอบการหลายรายก็สนใจซื้อสินค้าเหล่านั้น

ในขณะเดียวกัน ทุกรัฐในยุโรปก็มีการตั้งเงื่อนไขข้อกำหนดที่ว่า อาหาร,ยา และ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดส่วนตัว ควรมีฉลากระบุส่วนประกอบ ดังนั้นไขมันหมูจึงเป็นส่วนประกอบหนึ่งที่ถูกระบุด้วยในช่วงนั้น(40 ปีที่ผ่านมา) แต่การระบุที่สินค้าว่ามีส่วนประกอบจากไขมันหมูเกิดนั้นทำให้ประเทศมุสลิมทั้งหลายออกมาแบนสินค้าเหล่านั้น ส่งผลให้เกิดการขาดดุลการค้าแก่บริษัทต่างๆ

ย้อนกลับไปในอดีต ถ้าคุณค่อนข้างมีความเกี่ยวพันธ์กับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คุณอาจพอทราบถึงปัจจัยกระตุ้นให้เกิด Civil War(สงครามทางวัฒนธรรม) ในปี 1857 ขณะนั้น ลูกกระสุนของปืนไรเฟิลถูกผลิตขึ้นในยุโรป และส่งมายังภูมิภาคนี้ผ่านทางทะเล ซึ่งการขนส่งใช้เวลานานเป็นเดือน ดินปืนจึงได้รับความเสียหายจากน้ำทะเล พวกเขาก็ได้เกิดความคิดในการเคลือบชั้นผิวหน้าของลูกกระสุนด้วยไขมันหมู โดยก่อนที่จะใช้ต้องมีการถูชั้นไขมันนั้นออกด้วยฟันก่อน เมื่อข่าวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ทหารซึ่งส่วนใหญ่เป็นมุสลิมและมังสวิรัติก็เกิดการปฏิเสธที่จะต่อสู้ จึงส่งผลให้เกิด Civil War ขึ้น

เมื่อกลุ่มประเทศยุโรปรู้ดังนั้น จึงเปลี่ยนการระบุคำว่า “ไขมันหมู”เป็น “ไขมันสัตว์” ใครก็ตามที่อาศัยอยู่ในยุโรปตั้งแต่ ศตวรรษที่ 70’s จะทราบเรื่องนี้ดี และเมื่อเจ้าหน้าที่จากประเทศมุสลิมถามบริษัทต่างๆว่า ไขมันสัตว์ที่ว่านั้นหมายถึงอะไร? พวกเขาก็จะบอกว่า ไขมันวัว และไขมันแกะ แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีคำถามเกิดขึ้นว่า ถึงจะเป็นไขมันวัว หรือ แกะจริง ก็ยังถือว่าต้องห้ามอยู่ดี เนื่องจากสัตว์เหล่านั้นไม่ได้ถูกเชือดตามหลักการอิสลาม ดังนั้นการแบนสินค้าจึงเกิดขึ้นอีกครั้ง

แต่ในปัจจุบัน พวกบริษัทข้ามชาติกำลังเผชิญปัญหาจากการสูญเสียรายได้ ถึง 75%ของรายได้จากการส่งสินค้าไปขายในประเทศมุสลิม ซึ่งนับเป็นเงินได้ถึงหลักพันล้านดอลล่าร์สหรัฐ สุดท้ายพวกเขาจึงตัดสินใจที่จะระบุเป็นรหัส ซึ่งจะให้องค์การอาหารเท่านั้นทราบว่ามันถูกทำมาจากอะไร แต่ผู้บริโภคทั่วไปไม่สามรถทราบได้เลย ดังนั้นเขาจึงเริ่มใช้ E-Codes

ส่วนประกอบลับที่ใช้รหัสว่า E ปรากฏอยู่ที่ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ของบริษัทที่มีสาขาในหลายๆประเทศ ไม่เว้นแม้กระทั่ง ยาสีฟัน ครีมโกนหนวด หมากฝรั่ง ช็อกโกแลต ลูกอม ขนมปังกรอบ แผ่นข้าวโพดอบกรอบ ทอฟฟี่ อาหารกระป๋อง ผลไม้กระป๋อง หรือผลิตภัณฑ์ยา เช่น วิตามินรวม เป็นต้น และเนื่องจากสินค้าเหล่านี้ถูกอุปโภคบริโภคในประเทศมุสลิมทุกประเทศ สังคมของเราจึงกำลังเผชิญกับปัญหาต่างๆ เช่น ความรู้สึกไร้ยางอาย หยาบคาย และ ความสำส่อนทางเพศ

ดังนั้น ผมจึงขอให้ทุกประเทศมุสลิมตรวจสอบส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์สำหรับใช้ในชีวิตประจำวันและจับคู่หรือหารหัส E-Codes ด้านล่างนี้ ถ้าพบว่ามีส่วนผสมของผลิตภัณฑ์มีอยู่ในรายการด้านล่างนี้ ก็ให้หลีกเลี่ยงเพราะมันอาจจะมีไขมันหมูเป็นส่วนประกอบ


E100( Curcumin/Turmeric, ขมิ้น) - หะล้าล - ถ้าเป็นขมิ้นล้วนๆ, ถ้าเป็นของเหลวต้องตรวจสอบว่าใช้อะไรเป็นตัวทำละลาย, หะรอม - ถ้ามีส่วนผสมของอีมัลซิไฟเออร์ที่ได้จากหมูหรือวัตถุกันเสีย polysorbate 80 (อ้างอิงจาก mcg)

E110( Sunset Yellow FCF / Orange Yellow S),
E120(
Cochineal / Carminic Acid), E 140(Chlorophyll
),
E141(
Copper Complex of Chlorophyll ), E153(Carbon Black / Vegetable Carbon (Charcoal)
),
E210(
Benzoic Acid ), E213(Calcium Benzoate
),
E214(
Ethyl 4-hydroxybenzoate ), E216(Propyl 4-hydroxybenzoate
),
E234(
Nisin ), E252(Potassium Nitrate(Saltpetre)
),
E270(
Lactic Acid ), E280(Propionic Acid
),
E325(
Sodium Lactate ), E326(Potassium Lactate
),
E327(
Calcium Lactate ), E334(Tartaric Acid
),
E335(
Sodium Tartrates ), E336(Potassium Tartrates (Cream of Tartar)
),
E337(
Potassium Sodium Tartrates ), E422(Glycerol
),
E430(
Polyoxyethane (8) Stearate ), E431(Polyoxyethane (40) Stearate
),
E432(
Polysorbate 20 ), E433(Polysorbate 80
),
E434(
Polyoxyethane (20) Sorbitan Monopalmitate / Polysorbate 40 ), E435(Polysorbate 60
),
E436(
Polysorbate 65 ), E440(Pectin/Amidated Pectin
),
E470(
Sodium, Potassium and Calcium Salts of Fatty Acids ), E471(Mono-and Diglycerides of Fatty Acids
),
E472(
Various Esters of Mono-and Diglycerides of Fatty Acids ), E473(Sucrose Esters of Fatty Acids
),
E474(
Sucroglycerides ), E475(Polyglycerol Esters of Fatty Acids
),
E476(
Polyglycerol Esters of Polycondensed Esters of Caster Oil
), E477,
E478(
Lactylated Fatty Acid Esters of Glycerol and Propane-1,2-Diol ), E481(Sodium Stearoyl-2-Lactylate
),
E482(
Calcium Stearoyl-2-Lactylate ), E483(Stearyl Tartrate
),
E491(
Sorbitan Monostearate ), E492(Sorbitan Monolaurate
),
E493(
Sorbitan Monolaurate ), E494(Sorbitan Mono-oleate
),
E495(
Sorbitan Monopalmitate ), E542(Edible Bone Phosphate (Bone-Meal)
),
E570(
Stearic Acid ), E572(Magnesium Stearate
),
E631(
Sodium Inosinate ), E635(Sodium5-Ribonucleotide
),
E904(
Shellac ).


(ตัวที่ระบายสีเหลือง ในเว็บ MCG แจ้งไว้ว่าหะล้าลและในเว็บ eathalal
ก็ไม่มีในรายการสารที่ผลิตจากสัตว์)

มันเป็นหน้าที่ของมุสลิมทุกคนที่จะต้องปฏิบัติตามวิถีแห่งอิสลาม และรักษาผู้คนรอบข้างด้วยการแจ้งให้ทราบทุกอย่างที่ต้องระวัง ขออัลลอฮฺทรงโปรดช่วยเหลือเราให้เรามีชีวิตที่หะล้าล ขออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงปกป้องเราจากทุกสิ่งที่หะรอมเทอญ อามีน กรุณาส่งข้อความนี้แก่พี่น้องมุสลิมของคุณ และอย่างลืมอ่านส่วนผสมของอาหารและเครื่องดื่มก่อนจะซื้อหรือบริโภค
หมายเลขบันทึก: 145190เขียนเมื่อ 9 พฤศจิกายน 2007 10:58 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 21:25 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท