ดูงาน Singapore


Singapore
เมื่อช่วงเดือนตุลาคม  2550 ได้มีโอกาสได้ไปศึกษาดูงานเปรียบเทียบที่สิงคโปร์  โดยดูงานในระดับปฐมวัย และโรงเรียนเอกชน  ก่อนจะเล่าถึงบรรยากาศดูงาน อยากบอกว่าประทับใจในความเป็นระเบียบ  สะอาดตา ของถนนหนทางบ้านเขา  ต้นไม้ใหญ่ริมถนนร่มรื่น การจอดรถริมถนน  และสายไฟฟ้าไม่มีให้เห็นเกะกะตา  ทุกสี่แยกมีกล้องวงจรปิด เพื่อให้ตำรวจจราจรดูสภาพการจราจรไม่ต้องมายืนตากแดดเหมือนตำรวจไทย เมื่อมีรถทำผิดกฏก็จะมีใบสั่งส่งตรงถึงบ้าน เมืองไทยน่าจะมีแบบนี้บ้างแค่โซนในเมืองใหญ่ๆ ก็น่าจะทำได้  การศึกษาด้านปฐมวัยสิงคโปร์รับเด็กตั้งแต่ 18  เดือน - 6 ปี เพื่อแบ่งเบาภาระให้แก่พ่อแม่ที่ทำงาน  ซึ่งรัฐจะให้การช่วยเหลือค่าใช้จ่ายแก่ผู้ปกครองที่มีงานทำมากกว่าผู้ปกครองที่ไม่มีงานทำ  คุณครูประจำชั้น  2  คน/ห้อง เป็นครูสอนภาษาอังกฤษ  1 คน สอนทั่วไปอีก 1 คน นร.มีไม่เกิน 15 คน/ห้อง  โรงเรียนเอกชนที่ไปดูเป็นโรงเรียนที่จัดการศึกษาระดับประถมศึกษา - มัธยมศึกษา มีนักเรียนจากต่างชาติไปเรียนด้วย ได้พบกับ นร.ไทยที่กำลังเรียนอยู่ด้วย  ผู้จัดการร.ร.เล่าให้ฟังว่าเคยมี นร.ไทยคนหนึ่งเดิมเป็นเด็กที่กำลังจะเสียคนแล้วแต่เพราะว่าแม่กำลังป่วยเป็นมะเร็งจึงส่งลูกมาเรียนที่นี่  ลูกก็ขยันเรียน และเรียนได้เกรดสูง ซึ่งต้องอยู่กับครอบครัวชาวสิงคโปร์ เวลากินข้าวเช้าก็เอาสูตรคณิตฯวิทย์ติดข้างฝาและท่องไปด้วยกินข้าวไปด้วยก็น่าภูมิใจเพราะเป็นเด็กไทย  เงินเดือนเขาสูงกว่าเราแต่ค่าใช้จ่ายเขาก็สูง  เงินเดือน  20 % ของทุกเดือนรัฐต้องหักเป็นค่าประกันสังคม  เพื่อนำเงินนั้นมาพัฒนาสาธารณะและเป็นสวัสดิการให้แก่ประชาชน  ชื่นชมที่เขาสามารถบังคับคนของเขาให้ออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ  1 ชม.  พื้นที่ในโรงเรียนไม่มีสนามกว้าง ๆ ระดับปฐมวัยสนามเด็กเล่นหาไม่เจอ เล่นได้บนห้อง  และรอบ ๆอาคาร โรงเรียนในเมืองไทยโชตดีที่มีสนามให้เด็กได้วิ่งเล่น  ได้เล่นกีฬากลางแจ้ง  แต่ทำไมกีฬาบางประเภทจึงแข่งสู้สิงคโปร์ไม่ได้?  ภาษาอังกฤษเราสู้เขาไม่ได้  เด็กไทยอ่านหนังสือไม่ออก  เขียนไม่คล่อง แม้จะอยู่ระดับมัธยม  เพราะเราไม่ได้ให้ความสำคัญกับเด็กปฐมวัย คิดแต่ว่าต้องฝึกกล้ามเนื้อให้พร้อม  ต้องเตรียมความพร้อมด้านสมอง  อารมณ์  สังคม แต่ที่สิงคโปร์เด็กระดับอนุบาล 2 สามารถอ่านออก  เขียนได้  พูดภาษาอังกฤษได้ เด็กต้องอ่านหนังสืออย่างน้อยเดือนละ 5 เล่ม อยู่บนรถโดยสาร หรือนั่งรอรถ ผู้คนเขาก็อ่านหนังสือทั้งเด็กและผู้ใหญ่  เห็นแล้วคิดถึงเด็กไทยจัง  คิดว่าสักวันหนึ่งนักการศึกษาไทยคงปรับเปลี่ยนวิธีคิด/วิธีทำบ้างเพราะคนเก่งก็มีมากกว่า
หมายเลขบันทึก: 144826เขียนเมื่อ 7 พฤศจิกายน 2007 16:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 21:23 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
ครูปฐมวัยเหมือนกัน
สงสัยจัง การจัดกิจกรรมที่เน้นส่งเสริมพัฒนาการกับการสอนที่เน้นการอ่านเขียนอะไรคือสิ่งที่ถูกต้องสมควรจัดให้กับเด็กปบมวัย
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท