ฟังครูนงบ่นดังๆในblog ทำให้ผมนึกถึงเครื่องมือเรียนรู้ที่ใช้กัน
ทั้งมากไปและน้อยไปคือICT
ผมคิดว่าถ้าเราใช้blogสื่อสารกันในทีมทำงานพัฒนาและบูรณาการหรือทีมโรงเรียนคุณอำนวยอย่างเป็นระบบให้มากกว่านี้สักหน่อย ก็จะช่วยให้เราทำอะไรได้มากกว่านี้ แต่เรา2คน(ครูนงกับผมเข็นเรื่องนี้ไม่ไปจริงๆ)
การประชุมแต่ละครั้งต้องลงทุนมาก คณะทำงาน22คนมาจากทุกส่วนงาน กว่าจะนัดวันตรงกัน ได้เจอกันไม่ใช่เรื่องง่าย ครูนงสรุปว่าไม่ค่อยได้อะไร แล้วเราจะโม้ว่านครศรีธรรมราชใช้การจัดการความรู้เป็นหัวใจในการทำงานได้อย่างไร?
ที่จริงรูปแบบในการประชุม เคลื่อนงานมีหลากหลาย
การจัดตลาดนัดความรู้ มีวัตถุประสงค์เพื่อการเรียนรู้ประสบการณ์จากกันและกันในกลุ่มคนคอ(เล็ดดวง)เดียวกัน ย่อมสนุกสนานครื้นเครง และหากทำกันในกลุ่มผู้สนใจจริงๆย่อมมันส์แน่
แต่การประชุมวันที่ 6พ.ย.เป็นการประชุมสรุปงานและตั้งเรื่องใหม่ ย่อมเดินเรื่องยากกว่า
การประชุมเรื่องใหม่เมื่อจัดระบบลงตัวแล้ว ก็ควรจะเริ่มกระบวนการเรียนรู้ได้ในเวทีประชุมครั้งต่อไปซึ่งจะมีเรื่องสืบเนื่องและเรื่องนำเสนอเพื่อการเคลื่อนงาน
ถ้าหากทีมกองเลขากลับไปทำการบ้าน และสรุปเป็นภาพรวมให้เห็นว่า เรามีโครงสร้างคำสั่งที่เป็นกลไกขับเคลื่อนงานอย่างไรบ้าง
มันfunctionหรือไม่อย่างไร?
ก็ถือว่าเกิดการเรียนรู้พัฒนาขึ้นแล้ว
หากทีมงานได้จัดประชุมสรุปสถานะภาพชุมชนอินทรีย์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันซึ่งทำได้ค่อนข้างยาก เพราะที่จริงทีมนี้ควรเป็นผู้เอื้ออำนวยให้คุณอำนวยพื้นที่ถอดประสบการณ์ในเรื่องเหล่านี้ออกมาอย่างมีส่วนร่วมกับชุมชน ทั้งประเมินและตั้งเป้าหมายการพัฒนาโดยอาจจะใช้กรอบ5องค์ประกอบเป็นเพียงตัวช่วยเท่านั้น
ไม่จำเป็นต้องตรงกันทุกเรื่อง
คิดนะง่าย จะทำได้อย่างไรให้ทั่วถึงทุกหมู่บ้านตำบลนั้นเป็นเรื่องยาก
ถ้าทีมงานไม่ใช้เครื่องมือสื่อสารมาช่วยก็คงทำได้อย่างจำกัด
คุณเอื้อทุกคนควรใช้Blogสื่อสารถึงกันทั้งระดับจังหวัดและอำเภอ
คุณอำนวยตำบลก็เช่นกัน
เรามีโครงสร้างพื้นฐานในเรื่องเหล่านี้ค่อนข้างพร้อม แต่ขาดความใส่ใจที่จะใช้มันอย่างจริงจัง