หัวหมากับหางราชสีห์ : ได้อย่าง เสียอย่าง


บางครั้งก็ตัดสินใจยากระหว่างเป็นหัวหมากับหางราชสีห์

                วันนี้(1 พ.ย.2550) ได้เดินทางไปส่งรองผู้อำนวยการ(หญิง)โรงเรียนมัธยมประจำจังหวัด  เดืนทางไปรับตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็กต่างอำเภอในชนบท (50 กิโลเมตร)

                ทราบมาว่าตัวเธอเองก็ค่อนข้างสับสนอยู่เหมือนกัน ว่าจะไปหรือไม่ไปดี สุดท้ายก็ตัดสินใจไปรับตำแหน่ง

               บรรยากาศการไปรับตำแหน่งก็อบอุ่นดีครับ มีผู้บริหารโรงเรียนมัธยมประจำจังหวัด ประจำอำเภอ เดินทางไปส่งกันอย่างพร้อมหน้า ผู้บริหารโรงเรียนประถมก็ไปส่งกันหลายท่าน  มีการกล่าวต้อนรับ กล่าวส่งตัว กล่าวความรู้สึก มอบช่อดอกไม้ รับประทานอาหาร 

               บรรยากาศทั่วไปก็อบอุ่นดีครับ  เจ้าตัวก็ดูมีความสุขดี ยิ้มแย้มแจ่มใส 

                 ในความรู้สึกส่วนตัวของผม ผมยอมรับชื่นชมในการตัดสินใจของเธอด้วยความเด็ดเดี่ยวและมุ่งมั่น เพราะเป็นรองผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมประจำจังหวัด เป็นตำแหน่งที่มีชื่อเสียง สะดวกสบาย เปรียบดังเป็นหางราชสีห์ แต่เมื่อมาเป็นผู้บริหารโรงเรียนประถมขนาดเล็ก ต้องเดินทางไกล ไม่มีความสะดวกสบาย ไม่มีชื่อเสียง แต่ได้ความเป็นอิสระและเป็นตัวของตัวเอง..ก็เปรียบดังหัวหมา ก็คงจะต้องดูกันต่อไปครับ

                 ตอนนี้ขออนุญาตฮัมเพลงของคุณอัสนีย์ โชติกุลประกอบความคิดเห็นครับ..ได้อย่าง ก็ต้องเสียอย่าง เลือกเดินบนทางสักทางได้ใหม...(ถ้าจะทำมิวสิควีดีโอ ก็ถ่ายสลับกันระหว่างความทันสมัยของโรงเรียนในเมือง กับความล้าสมัยขาดแคลนของโรงเรียนในชนบท..เพื่อให้เห็นภาพ Paradox of Paradigm)

 

หมายเลขบันทึก: 143601เขียนเมื่อ 1 พฤศจิกายน 2007 22:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 21:04 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

สวัสดีค่ะอาจารย์

การที่เราจะเป็นหัวหมาหรือหางราชสีห์ก็ขอให้เราทำงานอย่างมีความสุข และเป็นตัวของตัวเองค่ะ

 ขอบคุณครับ  ผมก็ว่าอย่างนั้นแหละครับ

คิดถูกแล้วครับ   ความสุขของชีวิต  อยู่ที่ตัวเราเอง  จะตัดสินใจ  จะทำอะไรก็ได้  แต่อย่าทำที่เราต้องจำใจทำ   ความสุขในการทำงาน อยู่ที่งานที่เราอยากจะทำ  เมื่อทำแล้วจะเกิดแรงบันดาลใจให้งานนั้นสำเร็จลุล่วง  แต่อุปสักก็คืออุปสัก ต้องมีแน่ๆในชีวิตการทำงาน  ซึ่งแน่ละ ต้องเป็นสิ่งที่เราต้องแก้ด้วยตัวของเราเอง  ถ้าเหลือบ่ากว่าแรง ก็อย่าลืมครูบาอาจารย์ของเรา เพียงไปพบท่าน ท่านก็คงต้องถามถึงสาระทุกข์สุกดิบเป็นธรรมดา  ตานี้ก็ถึงคราวเล่า  ก็เล่าถึงเรื่องราวที่เป็นมา ปรึกษาท่าน แบบท่าานก็เป็นอาจารย์เหมือนเดิม  แล้วสักครู่  เราจะรู้สึกว่าท่านจะเมตตาเรายิ่งกว่าอดีตลูกศิษย์  นั่นคือจะเหมือนเราเป็นลูกคนหนึ่งของท่านทีเดียว

ขอขอบคุณ คุณสมนึกครับ ที่ร่วมแสดงความคิดเห็น ก็ความเห็นตรงกันครับ ผมขออนุญาตฝากธรรมะของท่าน ว.วชิรเมธี เกี่ยวกับการวัดว่าชีวิตที่ประสบความสุขและความสำเร็จ ให้วัดจากการที่เราเข้าถึงประโยชน์ของชีวิตทั้ง 3 ขั้นครับ จุดหมายขั้นที่ 1 ก) มีสุขภาพดี ข) มีเงินมีงาน ค) มีสถานภาพดี ง)มีครอบครัวผาสุก จุดหมายขั้นทื่ 2 ก)มีความอบอุ่นสุขใจ ไม่อ้างว้างเลื่อนลอย มีหลีกยึดเหนี่ยวจิตใจให้เข้มแข็งด้วยศรัทธา  ข) มีความภูมิใจในชีวิตสะอาด ค) มีความอิ่มใจ ในชีวิตที่ได้ทำประโยชน์ ง) มีความแกล้วกล้ามั่นใจที่จะแก้ญหา จ) มีความโล่งจิตมั่นใจ จุดหมายขั้นที่ 3 ซึ่งเป็นจุดหมายสูงสุด ก) ไม่หวั่นไหวกับโลกธรรมที่มากระทบ ข) ไม่ถูกความยึดติดถือมั่นบีบคั้นใจให้ผิดหวัง มีจิตใจเป็นอืสระ ค) สดชื่น เบิกบานใจไม่ขุ่นมัวเศร้าหมอง ง) รู้เท่าทันและทำการตรงตามเหตุปัจจัย ชีวิตหมดจดสดใส เป็นอยู่ด้วยปัญญา...ธรรมะของพระพระพุทธเจ้า ที่ท่าน ว.วชิรเมธี หยิบยกมาเป็นหลักคำสอนในการทำงานดังกล่าว คงจะพอเป็นหลักยึดในการทำงานในยามที่ท้อแท้หรือมีปัญหาได้บ้างนะครับ

 

บ้างครั้งก็ต้องเป็นหางราชศรีบาง (ถ้าคุณอยากจะโต)

ถึงแม้คุณจะเป็นเก่ง ก็เก่งในฝูงหมา

ถึงเรียนได้อันดับสุดท้ายในห้องคิง

ก็ดีกว่าได้อันดับแรกในห้องบ๊วย

คุณผ่านมาครับ

            ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท