ช่วงเริ่มเข้าสู่หน้าหนาว มีลมพัดเย็นๆกำลังดี
ริมถนนสองข้างทางสู่ภาคอีสานในยามนี้ สายมิตรภาพ ตั้งแต่นครราชสีมา - ขอนแก่น -มหาสารคาม - กาฬสินธุ์ - สกลนคร จะมีสีสันรับลมหนาว นั่นคือ แผงขายว่าว หลากสีสันริมทางหลวง
การเล่นว่าว กิจกรรมสันทนาการยามลมหนาวมาเยือน เด็ก เยาวน และผู้ใหญ่หลายคน ต่างวิ่งเล่นว่าวในท้องทุ่งกันอย่างสนุกสนาน ในตัวเมือง เห็นมีคนเล่นว่าวที่สนามกีฬาของโรงเรียนบ้าง เพราะมีบริเวณที่วิ่งให้ว่าวขึ้นสู่ท้องฟ้าได้ แต่การเล่นว่าวในเมือง ตัวว่าวอาจจะไปเกี่ยวติดกับยอดไม้ หลังคาบ้าน หรือเสาไฟฟ้าได้ ส่วนใหญ่จะเห็นเล่นว่าวตามท้องทุ่งมากกว่า
ใน กทม. มีกิจกรรมการเล่นว่าวที่สนามหลวง
ความสนุกของการเล่นว่าว ส่วนหนึ่งอยู่ที่การถือเชือกบังคับว่าวให้ลอยสูงขึ้นอยู่บนท้องฟ้าได้เป็นเวลานาน บางคนเกิดจินตนาการดั่งการบังคับเครื่องบิน เครื่องร่อนเลยทีเดียว เป็นความภาคภูมิใจส่วนหนึ่งของชีวิตได้เช่นกัน
การบังคับว่าว การดีงเชือก ผ่อนเชือก เป็นศิลปะอย่างหนึ่งในการเล่นว่าว ในการนำว่าวขึ้นสู่ท้องฟ้า เหมือนดั่งศิลปะในการทำงานต่างๆ ล้วนแล้วแต่มีเทคนิควิธีการที่แตกต่างกันไป
การไปตั้งแผงขายว่าวริมทาง เป็นอีกสีสันหนึ่งของชีวิต ท่ามกลางสายลม แสงแดดและรถยนต์ที่ขับผ่านไปมา ว่าวหลากสีสัน พริ้วไหวไปกับสายลมและรถยนต์ที่วิ่งผ่านไปหลายคัน แต่สำหรับหลายคนแล้ว การไปขายว่าวริมทาง ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ไม่อยู่ในความคิดของชีวิต ไม่มีใครอยากไปตากแดดลม ให้ใบหน้า และผิวดำคล้ำอย่างแน่นอน
แต่สำหรับชาวชนบทมักจะปรับตัว และปรับวิถีชีวิตให้เข้ากับสภาพแวดล้อม และภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาลได้ เป็นการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างกลมกลืน บางคนยังสังเกตวันเวลาจากข้างขึ้นข้างแรม เพราะพบเห็นสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล แตกต่างจากคนทำงานในตัวเมือง ที่แต่ละวันอยู่ในห้องทำงานที่มีเครื่องปรับอากาศพร้อม สภาพแสงสว่างคงเดิมตลอดทั้งวัน หลายคนทำงานหนักจนลืมวันเวลา ไม่มีเวลาแม้แต่การออกกำลังกายมากนัก
ชีวิตวัยเด็ก หลายคนเคยวิ่งเล่นว่าว เมื่อเป็นผู้ใหญ่ ถึงเวลาเล่นว่าว ก็ตัดไม้มาทำว่าวให้ลูกเล่น สอนลูกเล่นว่าว นั่งดูลูกเล่นว่าว
แต่วิถีชีวิตในปัจจุบัน ชีวิตในเมืองที่ไม่มีสถานที่ให้วิ่งเล่นว่าวมากนัก แผงขายว่าวริมถนน จึงเป็นสิ่งที่คอยเตือนให้รู้ว่า นี่ถึงช่วงเวลาของลมว่าวมาแล้วนะ.....