24 ตุลาคม 2550 : 18.00 น.
ตั้งแต่เช้ามืดวันเสาร์ที่ 20 จนถึง 24 ตุลาคม 2550 ฝนตกหามรุ่งหามค่ำ ทำให้ระดับน้ำในทุ่งนาหน้าบ้านสูงขึ้นประมาณ 1.00 เมตร น้ำใหม่ๆ อย่างนี้เป็นความหวังของเพื่อนบ้านและผมด้วย คือการลอยตาข่ายจับปลา เช้าวันที่ 23 ต.ค. จัดแจงเอาตาข่ายดักปลาขนาด 4.5 ซ.ม. ออกไปทุ่งที่น้ำท่วม เอาไม้ปักหัวท้ายตาข่ายแล้วให้ทุ่นลอยบนผิวน้ำ ตะกั่วที่ถ่วงตาข่ายจมอยู่ที่พื้นดิน ทิ้งไว้ค่อยไปดูตอนเย็นๆ หลังจากลงตาข่ายเสร็จ ลุยน้ำไปดูนาที่ดำต้นกล้าไว้ประมาณ 15 วัน พบว่าน้ำท่วมมิดใบ ไม่เห็นยอดเลย จากประสบการน้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2548 พบว่าน้ำที่ท่วมยอดข้าวเกิน 3 วัน จะทำให้ต้นข้าวเน่าเสียหาย วันนี้หากน้ำไม่ลดให้ใบข้าวได้รับแสงแดด แน่นอนว่าจะต้องกลายเป็นฟางแช่น้ำ แรงงานที่ดำนาและต้นกล้าที่ลงไป คงสูญเปล่า หวังว่าคงไม่เป็นอย่างที่กังวล
๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๐
เมื่อวานฝนตกหนักอีก น้ำท่วมทุ่ง มองเห็นน้ำขาวอย่างกับทะเล คราวนี้ไม่ได้ออกลอยตาข่าย ไม่ได้ออกไปดูต้นยางที่ปลูกใหม่ ช่วงนี้ตองจัดการกับต้นไม้เล็กๆ ที่ชำไว้ให้เข้าร่มฝนก่อน เพราะหลังจากถูกฝนหนักตั้งแต่กลางเดือนตุลาคม เริ่มมีอาการรากเน่า ใบเน่า จัดการทำหลังคาพลาสติกโปร่งใสไว้ให้พันธุ์ไม้หลบฝนแต่ได้รับแสง กันเชื้อรารากและใบเน่าได้ดีนักครับ
สวัสดีครับอาจารย์
ช่วงปลาย มค. ๕๑ ผมอาจมีโอกาสลงไปเก็บข้อมูล เกี่ยวกับ ยางพารา แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดเนื้อหางาน
ผมอาจเดินทางไปรบกวน ปรึกษา หารือ ในบางโอกาสนะครับ
ยินดีและขอบคุณท่านอาจารย์มากๆครับ
แค่คิดก็อยากไปแล้วครับ อยากไปเรียนรู้ สัมผัสวิถีชีวิตที่ต่างออกไปของชาวเกษตรกรที่นั่น
ขอบคุณมากจริงๆครับ
ผมจะติดต่อผ่านอีเมลครับผม