บทความแสบๆ คันๆ เป็น Programmer ด้วยลําแข้งตนเอง ภาค 1


บทความแสบๆ คันๆ เป็น Programmer ด้วยลําแข้งตนเอง ภาค 1

ผู้เขียน : นายติน. (2 เมษายน 2542)

เป็นโปรแกรมเมอร์ ด้วยลำแข้งตัวเอง หากคุณเคยคิดอยากเป็น "โปรแกรมเมอร์" (หรือยังไม่เคยคิดก็ตาม) วันนี้คุณอาจพบตัวเอง คำว่า "โปรแกรมเมอร์" อยู่ไม่ไกลมือคุณ… มาลองดูด้วยกัน หาหนทางเป็นโป

ผู้เขียน : นายติน. (2 เมษายน 2542)

เป็นโปรแกรมเมอร์ ด้วยลำแข้งตัวเอง หากคุณเคยคิดอยากเป็น "โปรแกรมเมอร์" (หรือยังไม่เคยคิดก็ตาม) วันนี้คุณอาจพบตัวเอง คำว่า "โปรแกรมเมอร์" อยู่ไม่ไกลมือคุณ… มาลองดูด้วยกัน หาหนทางเป็นโปรแกรมเมอร์ด้วยกัน ในเนื้อความผมจะแนะนำ แนวทาง, วิธีการศึกษาด้วยตัวเอง, การเลือกภาษา ให้เหมาะกับคุณ เหมาะกับงานของคุณ ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร คนทำงาน, นักเรียน, นักศึกษา หรือคนตกงานนั่งวางอยู่ที่บ้าน อย่าสับสนให้เวลาต้องผ่านเลยไป เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส และมาเป็น โปรแกรมเมอร์ด้วยกัน…

ทางเริ่มเป็นโปรแกรมเมอร์

เริ่มจากที่ตัวคุณเองได้เลยครับ คุณอาจเคยเขาใจว่าการเป็นโปรแกรมเมอร์นั้น ต้องอาศัยความสามารถ และการเงินที่สูง คนธรรมดาอย่างเราๆ ไม่มีทางศึกษาเป็นโปรแกรมเมอร์ได้หรอก… ถึงวันนี้ลองเปลี่ยนความคิด(ผมไม่สนใจว่าคุณจะรู้มาจากใคร) หากวันนี้คำว่าโปรแกรมเมอร์ยังหลอกหลอนคุณอยู่, หากคุณยังหาแนวทางไม่ได้ ผมจะแนะนำคุณ…

ทำความพร้อม เพื่อเราจะเป็นโปรแกรมเมอร์

ไม่ถึงขั้นจำเป็นต้องออกไป ศึกษาตามสภาบันสอนคอมพิวเตอร์ ให้เสียเงินเป็นหมื่นๆ หรอกลองนั่งอยู่ที่บ้าน หาห้องสมุดที่ใกล้ตัว หาหนังสือคู่มือดีๆ ไม่แน่คุณอาจจะเก่งกว่าคนที่จบมาจากสถาบันคอมพิวเตอร์เสียอีก… เพียงคุณต้องเขาใจว่า คุณต้องตั้งใจที่จะศึกษา ที่จะเป็นโปรแกรมเมอร์ สละเวลาสักวันล่ะ 1-2 ชั่วโมง (อย่างน้อยก็ 1 ชั่วโมง) ขยันสักหน่อย พอคุณเริ่มเป็น อะไรๆ ก็จะง่ายขึ้น ถ้าหาทางไม่ถูกก็ลองอ่านต่อไป…

สำรวจเวลาว่างของตนเอง ขอให้ทำเป็นอันดับหนึ่งเลย ลองหาเวลาของตัวเองว่าจะว่างได้สักตอนไหน สัก 1 ชั่วโมง เป็นอย่างน้อย ถ้าหาเวลาว่างไม่ได้ ก็อย่าใช่เป็นข้ออ่างว่าไม่มีเวลา ลองย้ายกิจกรรมตอนเย็นไปทำในเวลาอื่น เช่น อ่านหนังสือ (ใครที่อ่านตอนเย็น) ก็เปลี่ยนไปอ่านตอนกลางวัน อย่างไรก็ตามถ้าไม่ "หัวเด็ดตีนขาด" หาเวลาให้ตัวเองให้ได้…

ดูงานที่คุณทำอยู่ ก็ถ้าคุณอยู่ในวัยทำงานก็ดูว่างานของคุณ ทำเกี่ยวกับอะไร เช่น บัญชี เอกสาร การเงิน จัดเก็บข้อมูล หรืออะไรพวกนี้ เพื่อนจะได้หาภาษาที่เหมาะกับคุณ… ถ้าเป็นนักเรียนหรือนักศึกษา ก็ให้ดูซิว่าที่โรงเรียนหรือสถาบันของตนเอง เปิดสอนวิชา เกี่ยวกับภาษาคอมพิวเตอร์หรือเปล่า ถ้าสอนก็ให้จับวิชาที่สอนก่อนเลย จะได้ดีทั้งสองอย่าง

หาห้องสมุดที่ใกล้และดูเงินในกระเป๋าคุณ แน่นนอนครับการศึกษาด้วยตัวเองอย่างไรก็ไม่พ้นหนังสือ ดีๆ สักเล่ม(จะให้ดีต้องมากกว่านั้น) เริ่มจากหนังสือ ภาษาไทยก่อน อาจจะราคาสูงบ่างสำหรับนักเรียน ตกประมาณ 390-680 บาท อาจจะมีบ่างเล่มที่ ทะลุถึงหลัก 800-900 บาท (เดียวผมจะมาว่าที่หลัง.) ลองเขาไปดูในห้องสมุดก่อน อาจเป็นห้องสมุดชุมชน หรือจะให้ดีเป็นห้องสมุดมหาวิทยาลัยก็ได้ ถ้าไม่ได้เป็นนักศึกษา เอาสะดวกหน่อยที่ ม.ราม หัวหมาก ไปเลย ชั้น 5 ครับ มีให้เลือกอ่านกัน ตามสมควร …

ลองดูหนังสือ ที่เราอ่านรู้เรื่อง ที่เราคิดว่ามีเนื้อหาสาระเยอะ ซึ่งดูได้จาก คำนำ ่ เขาเขียนเพื่ออะไร, สารบัญ แจกแจงเนื้อหา, บทนำ หรือบทแรกก่อนที่จะเขาสาระเขามักจะบอกคุณว่าจะสอนอะไรบ่าง อ่านดูให้เขาใจ แล้วก็เลือกเล่มที่ถูกใจ ดูราคา จะเล่นนั้นไว้ ไปซื้อเลยครับ ถ้าไม่มั่นใจก็ลอง ยืมกลับไปอ่านที่บ้าน (ถ้ามีบัตร) หรือนั่งอ่านที่ห้องสมุดสักหน่อย คุณจะเจอเล่มที่ดีที่สุดได้ไม่ยาก… เลือกภาษาที่ถูกใจ นี่ครับสำคัญที่สุด เพราะเป็นปัญหามาก หลายคนจะถามว่าภาษาอะไร ดีกว่ากัน คำตอบนี่ยาก (สุด ๆ) ครับ… ถ้าเรามานั่งวิเคราะห์กันจริงๆ มั่นจะได้เหตุผมมาประการพิจารณา 108 ครับ

เพราะฉนั้นผมจะไม่แนะนำให้คุณเลือกภาษาที่คุณคิดว่าเป็นภาษาที่ดีที่สุด ให้คุณมองหาภาษาที่ดีกับตัวคุณดีกว่า มองภาษาที่เหมาะกับเรา ผมแนะนำให้ดูอย่างนี้ครับ (ว่าแบบตรงๆเลยนะ)

ดูที่งานของเรา ถ้าต้องเกี่ยวกับ ธุรกิจ บัญชี อาจจะเป็นนักเรียนพาณิช ต้องทำงานกับโปรแกรม Office บ่อย ก็ให้มองไปที่ Visual Basic ได้เลยครับ เพราะภาษากระกูลนี้คุณจะสามารถ นำมาประยุกต์เขากับงานของคุณได้ อย่าลืมนะครับว่าโปรแกรมจะ Microsoft จะมีความใกล้ชิดกับ Visual Basic ของตนเองเป็นอย่างมาก การที่เรารู้จัก Visual Basic จะทำให้เราใช้โปรแกรม Office ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นอันว่าคุณจะสร้างคุณภาพงานและความสามารถให้ตัวคุณเอง ไปโดยบริยาย อีกทั้งถ้าเป็นคนทำงานอาจใช้เป็นข้ออ้าง ว่าทำการศึกษาเพิ่มความรู้ได้ด้วย ส่วนถ้าเป็นนักศึกษาไม่แน่อาจเก่งคอมกว่าอาจารย์อีก(มีอยู่เยอะไป)…

ส่วนถ้าเป็นนักเรียนเทคนิคลอง หรือพวกนักศึกษาวิศวกรรม (พวกสายวิศวะ) ก็ให้มองไปที่ Pascal กับ C/C++ เพราะจะตรงกับสายมากว่า พวกอิเล็กทรอนิกส์ มองไปที่ C/C++ ได้เลยตรงที่สุด ส่วนพวกอุตสาหกรรม Pascal จะเด่นกว่า C/C++ อยู่เล็กน้อย…

และถ้าเป็นนักศึกษาพวกวิทยาศาสตร์(พวกวิทย์-คอม) มองที่ Pascal ไปเลยครับ. สาเหตุก็เพราะไม่รู้เป็นอะไร ตามมหาวิทยาลัยนี่อาจารย์ชอบกันจัง Pascal เราก็เรียนที่เราต้องเจอกับมันก่อนดีกว่า

(*สาเหตุที่ อ.ชอบสอน Pascal ก็เพราะ Pascal เขาเมืองไทยมาก่อนที่ C จะเขา ก็เลยทำให้อาจารย์ที่ เรียนมาก่อนเราๆ ก็เลยเป็นกันแต่ Pascal อีกทั้ง Pascal เป็นภาษาโครงสร้างที่สมบูรณ์ (ไม่นับรวมOOP) ก็ เลยเป็นการดีที่จะให้ศึกษาการเขียนโปรแกรมแบบโครงสร้าง ซึ่งในขณะนั้นไม่มี OOP ให้ปวดหัว)

ดูที่เพื่อนฝูง ลองดูซิว่าเพื่อนฝูงของเรามีคนเป็นคอม เขียนโปรแกรมเป็นมั๊ย ถ้ามีเป็นอยู่หลายคน ก็ลองดูซิว่ามันเก่งภาษาไหนอยู่ ไม่แน่นะ ลองไปสนิทกับเพื่อนเอาไว้ จะได้แหล่งที่ปรึกษาชั้นดี (ที่ตบหัวได้) อยู่ข้างกาย เพราะถ้าเรามีอะไร จะได้ถามเพื่อนๆ ได้ครับ ถ้าไปเรียนอะไรที่ต่างจากคนอื่นเราก็จะหาที่ปรึกษาได้ยากขึ้น

ดูที่ร้านขายหนังสือ สำคัญเหมือนกันนะครับ ไปดูเลยความว่าคุณ สามารถหาหนังสือ ที่สอนภาษาเล่มไหนได้สะดวก อย่างสมัยก่อน (พ.ศ.40) ผมเจอมากับ C/C++ (สมัยนี้ก็เป็นอยู่) ตอนนั้นไปดูบนชั้นขายหนังสือ ที่ว่าถึง C/C++ นับเล่มได้เลยครับ ทั้งที่มีคุณภาพและขาดคุณภาพ มีไม่ถึง 10 ที่ว่าดีน่าอ่าน มีไม่เกิน 5 และที่ว่าดี ราคาไม่ต่ำกว่า 500 บาท และตอนนั้นผมเป็นนักเรียนยิ่งยากที่จะหาเงินมาซื้อ (พ่อแม่ไม่รวย)

แต่คุณรู้มั๊ย ตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้หนังสือภาษา C/C++ ที่หน้าอ่านถึงวันนี้ก็ยังไม่เกิน 5 เล่น (เหมือนเดิม) ที่หน้าอ่านก็เล่มเดิมๆ ล่ะครับ มีเพิ่มก็ของ อ.กวาง แห่ง ThaiDEV.COM ที่เขียน คู่มือใช้งาน Visual C++ 6.0 ขึ้นมา (เล่มนี้ดีที่สุดบนแผงครับ และคิดว่าจะดีไปอีกนาน) ทีผมพูดมานี่คุณสามารถตีความได้ว่า C/C++ หาหนังสือดีๆอ่านได้ยาก จริงๆก็ไม่ใช่อย่างนั้นครับ เพราะหนังสือดีๆ แค่เล่มเดียวก็สามารถทำให้คุณเก่งได้แล้วครับ ส่วนที่จะหาหลายเล่มก็เพื่อเสริมสร้างความรู้ให้สูงขึ้น สำหรับ C/C++ แล้ว ที่น่าอ่านก็คงเป็นหนังสือของ (ผู้เขียน) พ.อ.เจนวิทย์ เหลืองอร่าม กับของ อ.กวาง (แห่งThaiDEV) สองคนนี้ผมมั่นใจครับ มองหาหนังสือมาอ่าน ถ้าเป็นไปได้อย่าไปคอยถาม "คนโน้นคนนี้" ว่าเล่มไหนดี ลองหาด้วยตัวเองก่อน "คนที่จะอ่านเป็นคุณนะครับไม่ใช่คนอื่น"

 

ที่มา http://www.thaidev.com/index.php?cmd=showtitle&id=79

หมายเลขบันทึก: 138173เขียนเมื่อ 13 ตุลาคม 2007 16:23 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 มิถุนายน 2012 18:05 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

อ่านแล้ว คงต้องขอเป็น powerful user ไปก่อนล่ะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท