วันที่แม่จากไป


ในวูบหนึ่งของความเศร้าที่ต้องสูญเสียแม่ไปนั้น..เราต่างได้ค้นพบถึงพลังแห่งความรักและความสุขที่มีแม่เป็นแก่นร่วมกัน

เพิ่งตั้งอุดมการณ์ว่าอยากจะเป็นลูกกตัญญูให้แม่ครบ1000วันแต่ผลปรากฏว่าป้าแต๋ว หรือแม่จากไปเมื่อช่วงวันที่30กันยายน2550เวลา1.09น.เสียก่อนแล้ว...รู้สึกมันเร็วมากเพราะตอน22-23.00น.ฉันกับแม่ยังนอนแหย่กันเล่นประสาแม่ลูกก่อนที่ฉันจะติดรถไปส่งน้าบูรณ์กลับบ้านสามพรานช่วงเกือบๆตีหนึ่งมีโทรมาจากน้าน้อยที่อยู่กับแม่ที่บ้านบอกว่าแม่บ่นว่าเหนื่อย-หายใจไม่ออก..ขณะรับโทรศัพท์นั้นฉันยังคิดว่าจะพาแม่ไปหาหมอโรงพยาบาลไหนดีระหว่างศิริราชกับตากสินแต่เมื่อรถเข้ามาถึงหน้าบ้านฉันเห็นรถมูลนิธิปอเต็กตึ๊งจอดอออยู่ที่ด้านหน้าบ้าน..รู้สึกเหมือนใจมันกระตุกวูบมาอย่างแรง..แม่เป็นหนักเลยนะนี่..ขอให้แม่อยู่กับฉันก่อนได้ไหม..ฉันยังไม่อยากให้แม่จากไปเลย..ฉันกระโจนเข้าบ้าน..เห็นพี่พยาบาลกำลังพยายามปั๊มหัวใจให้แก่แม่อยู่แม่มีน้ำไหลออกมาทางปากนอนนิ่งไม่ลืมตา..พี่พยาบาลบอกว่าแม่ลมหายใจแผ่วเบามากเหลือเกิน..พี่พยาบาลที่ช่วยแม่เป็นเพื่อนบ้านกันกับเราชื่อคุณเพ็ญฉวีเป็นพยาบาลENTอยู่ที่ศิริราช...ฉันเห็นแม่เริ่มปากเขียวและไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใดๆตาแม่ยังไม่ปิดฉันเข้าไปกอดแม่บอกกับเบาๆว่าสู้ไหวสู้ได้ก็ลองดูนะ..หลังจากนั้นมีรถพยาบาลฉุกเฉิน(ศูนย์นเรศวร)มาจากรพ.ศรีวิชัย1เข้ามาเขามีแอมบูลินและออกซิเจนติดมาด้วยพยายามปั๊มช่วยแม่แต่ไม่ทันการเจ้าหน้าที่บอกว่าแม่สิ้นลมหายใจแล้วฉันเข้าไปกราบที่อกแม่บอกลาและขอโทษที่เคยล่วงเกินหรือทำอะไรไม่ดีต่างๆกับแม่..ในวาระนั้นฉันหวังเพียงแต่อยากจะให้แม่ไปสู่สุคติ...ฉันปิดตาแม่ลงและจูบหน้าผากแม่..น้ำตาและความคิดที่เห็นแก่ตัววูบหนึ่งผุดขึ้นมาว่าต่อไปไม่ใครที่จะคอยฉันกลับบ้านและหอมแก้มฉันอย่างรักใคร่อีกต่อไปแล้ว..คนที่รักฉันมากที่สุดในโลกนี้ไม่อยู่แล้ว

แม้ว่าเราสองคนแม่ลูกจะคุยกันเสมอเกี่ยวกับเรื่องของการตายแต่ฉันไม่เคยตระหนักอย่างจริงจังเท่าใดนักว่ามันจะมาอย่างเงียบเชียบและรวดเร็วเช่นนี้

ฉันย้อนกลับไปกอดแม่ผู้เพิ่งจากไป..เนื้อตัวของแม่ยังอุ่นอยู่เลย..ฉันอยากจะคิดว่าแม่นอนหลับสนิทมากไปหน่อยแต่ฉันต้องยอมรับความจริงว่าแม่ตายไปแล้วมากขึ้นหลังจากที่มีแพทย์นิติเวชและเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาสอบถามฉันเกี่ยวกับประวัติของแม่...แม่เสียชีวิตในบ้านกลางห้องรับแขกจุดใกล้เคียงกับที่บรรพบุรุษของฉัน1-2คนที่เสียชีวิตในลักษณะเช่นนี้.

..ฉันเริ่มโทรศัพท์บอกเพื่อนสนิททั้งกุ้ง..ไก่..พี่เจี๊ยบขณะที่น้าน้อยโทรหาน้าบูรณ์แจ้งข่าวให้ได้รับทราบ..เราต้องศพแม่ไปฝากไว้ที่รพ.ฉันเลือกที่ศิริราชเพราะอยู่ใกล้บ้าน..คิดเตรียมงานศพที่จะเกิดขึ้นเนื่องจากว่าเรา2คนแม่ลูกเคยคุยกันถึงรายละเอียดของงานไม่ว่าจะเป็นวัดหรือกำหนดวัน,รูปหน้าศพ,ของชำร่วยที่จะแจกแขกและมโหรสพก่อนที่จะเผา..ฉันจึงขอรบกวนน้าน้อยช่วยจัดการจองวัดที่แม่ตั้งใจไว้ในขณะที่ฉันจะดำเนินเรื่องของการจัดการเอกสารและอื่นๆ..ฉันฝากให้พี่กล่ำแจ้งข่าวนี้ให้แก่พี่โอ๋และพระน้องชายแทนตัวฉันเนื่องจากว่าฉันไม่สามารถบอกอะไรแก่ใครๆได้อีก...เราทำงานศพสมตามความตั้งใจของแม่...และเอาแม่ไปลอยอังคารที่แถวสมุทรสาคร..งานราบรื่นดีจนฉันรู้สึกเหมือนแม่ตระเตรียมข้าวของและเงินไว้ให้ใช้หลายอย่างทีเดียว

ฉันเคยคิดเล่นๆแต่นึกไม่ออกถึงสภาพการณ์หากฉันไม่มีแม่อยู่..ในโลกของฉันเหมือนมีแต่แม่ที่เป็นเกราะคุ้มครองเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดไว้วางใจได้มากที่สุด..แม่มีแต่ให้และก็ให้..ฉันรู้สึกยังไม่ได้ตอบแทนพระคุณของแม่ได้อย่างที่ตั้งใจเลย...ในช่วงเวลาที่ฉันทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่แม่นั้นฉันได้รับคำตอบใหม่ๆที่คิดไม่ออกว่าฉันไม่ได้อยู่ลำพังโดดเดี่ยวตามบุญตามกรรม2คนแม่ลูกเท่านั้นหากแต่ฉันยังมีญาติสนิทมิตรสหายอีกหลายคนที่เขาก็เข้าใจในตัวฉันและมีความผูกพันรักใคร่แม่เช่นเดียวกับฉัน..งานศพแม่จึงไม่ได้เงียบเหงาวังเวงอย่างที่เคยนึกวาดภาพหากแต่มีพี่ๆเพื่อนๆและน้องๆที่ทำงานทั้งของฉันของพี่ชายและพระน้องชายแวะเวียนมาร่วมงานทั้งๆที่ต้องเดินทางไกลๆก็ตาม..

ความซาบซึ้งในน้ำใจที่ได้รับโดยไม่คาดหมายทำให้ฉันและญาติทุเลาความเจ็บปวดจากการสูญเสียลงไปอย่างมาก.

.แม้ตอนนี้ฉันได้สูญเสียแม่ไปแต่ฉันได้พี่ชายคนดี(พี่โอ๋,พี่แก้ว:ลูกลุง)ของฉันกลับคืนมา..เมื่อไม่มีแม่ทำให้เราพี่น้องซึ่งเคยห่างเหินกันไปไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกันได้หันหน้าเข้าหากันร่วมคิดร่วมทำงานจัดการงานศพของแม่ให้สำเร็จเรียบร้อย..แต่ละคืนหลังเสร็จธุระที่วัดเหล่าทีมทำงานก็จะคุยกันถึงงานที่ผ่านไปและที่จะมีขึ้น แบ่งงานแบ่งความรับผิดชอบกันไป เป็นบรรยากาศของความรักและน้ำใจที่ต่างฝ่ายต่างหยิบยื่นให้แก่กัน ฉันค้นพบว่าพี่โอ๋มีความสามารถมากในงานเกี่ยวกับศาสนพิธี ซึ่งพี่ทำได้อย่างดียิ่งจนเพื่อนที่ทำงานบางคนนึกว่าพี่โอ๋เป็นมรรคทายกของวัดไปก็มี..ฉันคิดว่าหากแม่รับรู้ทั้งหน้าฉากและหลังฉากของงานที่ผ่านมาแม่คงจะมีความสุขและสบายใจ..การจากไปของแม่ไม่ได้แต่เป็นเรื่องของความสูญเสียหรือขาดสูญไปแต่เพียงด้านเดียว..สมาชิกแต่ละคนในบ้านของแม่มีการรวมตัวกัน แลกเปลี่ยนประสบการณ์และความรู้สึกที่ดีๆเกี่ยวกับแม่ร่วมกัน..ในวูบหนึ่งของความเศร้าที่ต้องสูญเสียแม่ไปนั้นเรา(ฉันและพี่น้อง)ต่างได้ค้นพบถึงพลังแห่งความรักและความสุขที่มีแม่เป็นแก่นร่วมกัน..และเจ้าความรู้สึกนี้นี่แหละที่มันทำให้ใจของพวกเราไม่เหน็บหนาวจนเกินไป..และยังคงมีความอบอุ่นใจในทุกครั้งที่นึกถึงหรือมองเห็นรูปถ่ายของแม่...

หมายเลขบันทึก: 136745เขียนเมื่อ 9 ตุลาคม 2007 19:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:26 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

พี่ขวัญคะ...

ทุกอย่าง...เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป...เหลือไว้เพียงในสัญญาขันธ์... รับรู้ความเป็นไปแห่งชีวิต...ที่มีเกิด แก่ เจ็บ และตาย...

ในช่วงเวลาที่มีอยู่เรานั้นได้ทำอย่างเต็มที่เท่าที่เราได้ทำ ณ ขณะนั้น..

กะปุ๋มขอแสดงความเสียใจและขอให้ดวงวิญญาณของคุณแม่ไปสู่สุขคติด้วยเทอญ

................................

นิภาพร  ลครวงศ์

กะปุ๋ม

ขอให้ดวงวิญญาณของคุณแม่ไปสู่สุขคติ เสวยสุขในสรวงสวรรค์ด้วยเทอญ

รับรู้ความรู้สึกในการสูญเสียค่ะ

เวลาจะช่วยเราให้ดีขึ้นได้

และเวลาที่มีค่าของความสุขที่ผ่านมาจะอยู่ในความทรวงจำเราตลอดไป

(เพิ่งทำบุญครบ 100 วันแม่เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาค่ะ)

ส่งกำลังใจมาให้ด้วยคนนะคะ

ขอแสดงความเสียใจกับขวัญด้วยค่ะ     ยังเป็นกำลังใจให้เสมอค่ะถึงแม้จะไม่ค่อยได้ข่าวจากขวัญค่ะ

ขอให้ดวงวิญญาณของคุณแม่ "สงวนศรี"ไปสู่สุขคติค่ะ

to:K. somporn_p

ขอแสดงความเสียใจด้วยเช่นกันค่ะ

เรียน คุณหมออัจฉรา,พี่ปิ่งและกะปุ๋ม

ขอบคุณในน้ำใจและความเป็นห่วง...ขวัญเชื่อว่าแม่ไปดีแล้วและไปในแบบที่เขาต้องการ คือไม่ทรมานตัวเองหรือ ต้องเจ็บปวดใดๆเลย..ความเชื่อนี้ลดความเจ็บปวดในการที่ต้องเสียแม่ไปได้ในระดับหนึ่งแต่ต้องยอมรับว่ายังปฏิบัติธรรมไม่แข็งแรงพอที่จะอดรู้สึกไม่ได้ถึงความเศร้าและอาลัยที่มีกับแม่..เป็นความรู้สึกที่บางครั้งมันก็โผล่ขึ้นมาเรียกน้ำตาตัวเองให้ไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้แต่ตอนนี้กลับมาทำงานเจอคนหลายหลากก็ทำให้เพลินๆผ่านพ้นในแต่ละวันลงได้..ขอบคุณที่ห่วงใยกันเสมอและอนากบอกว่าตอนนี้ห้วใจขวัญแข็งแรงมากขึ้นกว่า2สัปดาห์ที่ผ่านมาแล้วค่ะ

พี่ขวัญคะ..

พิจารณากลับมาที่กายของเรานะคะ...

"ว่ามีสิ่งไหนบ้างเป็นเรา เป็นของเรา...เป็นของแห่งเรา

ร่างกายนี้..เรายึดไว้...ได้หรือเปล่า...

พิจารณามาที่ ผม - ขน - เล็บ - ฟัน - หนัง...แล้วลึกเข้าไปในร่างกาย ทุกอย่าง..ก็ล้วนเต่เป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง เรายึดไว้ก็เป็นทุกข์.... พิจารณาไปเรื่อยๆ...ในลักษณะนี้นะคะ

"จิต"... เราจะมีกำลังมากขึ้น...

แล้วสิ่งที่เกิดขึ้น ต่อการสูญเสีย...พี่ขวัญ...จะเข้าใจแบบลงไปที่ใจ...ค่ะ...

เป็นกำลังใจให้นะคะ

(^______^)

กะปุ๋ม

ตามกลับมาอ่านบันทึกนี้ด้วยความชื่นชมคุณขวัญที่ถ่ายทอดความคิด ความรู้สึกได้ดีเหลือเกินค่ะ ถ้าคุณแม่รับรู้ได้ท่านคงภูมิใจในตัวลูกสาวคนนี้เป็นอย่างยิ่งนะคะ เวลาดีๆที่มีร่วมกันคือสมบัติอันล้ำค่าค่ะ ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมคุณขวัญจึงสามารถให้กำลังใจคนอื่นๆ ทำดีเพื่อคนอื่นๆได้อย่างที่ทำอยู่ เป็นกำลังใจให้ทำดีต่อๆไปนะคะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท