วันที่ 8 ต.ค. นายบอนมาร่วมประชุม ระดมสมองกับทีมงาน ดร.ยรรยงค์ จนพลบค่ำ
เลิกประชุม ออกจากห้องประชุม 17.20 น.
รถโดยสารเที่ยวสุดท้ายกลับกาฬสินธุ์ หมดแล้ว
พี่เอ และพี่ยุทธขับรถมาส่งนายบอนที่ บขส. มหาสารคาม
หารถกลับบ้านเอง
นายบอนเลยมาขึ้นรถสายขอนแก่น - ร้อยเอ็ด ตอน 17.50 น. มาลงที่ อ.เชียงยืน เวลา 18.40 น. และรถรถสายขอนแก่น - มุกดาหาร ที่วิ่งมาถึงตอน 19.10 น. กลับ กาฬสินธุ์ถึงตอน เกือบ 20.00 น.
ระหว่างนั่งรอรถที่เชียงยืน
บรรยากาศรอบๆ ดูเหงาๆ
แม้จะมีผู้คนริมสองฝั่งข้างทางที่เชียงยืน แต่บรรยากาศดูเงียบเหงา
มีแผงขายอาหารข้างทาง แต่มีผู้คนมาเดินจับจ่ายซื้อของไม่มากนัก
ต่างจากเมื่อช่วง 3 ปีก่อน ที่นายบอนเคยมาต่อรถที่เชียงยืนกลับกาฬสินธ์ ในช่วงเวลาประมาณนี้เช่นกัน
แผงขายอาหาร รถเข็นขายส้มตำ จะมีผู้คนมาเดินซื้อหนาตามากกว่านี้ ในช่วงเวลาก่อน 19.00 น. เช่นกัน
แต่วันนี้ เมื่อเทียบจากวันวาน
เงียบจริงๆ
คงเพราะ เศรษฐกิจบ้านเรา ไม่ค่อยจะดี อย่างที่ว่า
กลับมาถึงกาฬสินธุ์ตอน 2 ทุ่ม เดินผ่านร้านหมอฟัน ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับคลินิคหมอสูติฯ
เพื่อนนายบอนที่เป็นหมอ ก็ออกมานั่งดูทีวีหน้าคลินิค
เพื่อนก็บ่นว่า เงียบ ไม่มีลูกค้ามาเข้าร้านเลย
ทั้งๆที่เป็นวันจันทร์แท้ๆ
หมอปิยพร และหมออุกฤษณ์ ที่เปิดคลินิคอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน ก็เลยมานั่งคุยกัน รอเวลาปิดร้านตอน 2 ทุ่ม
เหงาจริงๆ
ลูกค้าไม่มี
กลับถึงบ้าน เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ผ่านความเงียบเหงามาแล้ว
ทานข้าว ให้อาหารหมาเสร็จตอน 3 ทุ่ม
นายบอนก็ได้เวลาหายเหงา เมื่อขึ้นมาดูมือถือ เจอ miss call ตั้ง 11 สาย
เลยโทรพูดคุยกับกำลังใจที่ขาดไม่ได้กว่า 48 นาที
แม้ในช่วงพลบค่ำของวันจันทร์จะเงียบเหงาแต่สุดท้าย ก็หายเหงา...
เค้าคงสงสารว่าเหนื่อยเลยโกรธไม่ลง