วันนี้ อีกแล้วละซิ ถึงกำหนดตามแผนงานที่ผู้เขียนวางไว้ (๗ ตุลาคม ๒๕๕๐) ไปเก็บข้อมูลประเพณี : การเทศน์มหาชาติ ที่วัดจุฬามณี ตำบลท่าทอง อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก ของเรา ก่อนอื่นผู้อ่านลองศึกษาประวัติวัดจุฬามณี ก่อนนะคะ
วัดจุฬามณี ตั้งอยู่ริมแม่น้ำน่านฝั่งตะวันออก ห่างจากตัวเมืองพิษณุโลกไปตามถนนบรมไตรโลกนาถ ประมาณ 5 กิโลเมตร ครับ วัดจุฬามณี เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดของจังหวัด เคยเป็นที่ตั้งของเมืองพิษณุโลกเดิม ตาม ประวัติศาสตร์กล่าว ว่า สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงสร้างพระวิหาร และเสด็จออกผนวชที่วัดนี้เมื่อ พ.ศ. ๒๐๐๗ เป็นเวลา ๘ เดือน ๑๕ วัน โดยมีข้าราชบริพาร ออกบวชตามเสด็จถึง ๒,๓๔๘ รูป และในปี พ.ศ ๒๐๒๕ ได้ประชุมนักปราชญ์ราชบัณฑิตแต่งเวสสันดรชาดกเป็นคำกลอนเรียกว่ามหาชาติคำหลวงจากพระราชกรณียกิจนี้เอง จึงน่าจะเป็นไปได้มีการเทศน์มหาชาติอย่างยิ่งใหญ่เป็นครั้งแรกที่เมืองสองแคว <p style="margin: 0cm 0cm 10pt" class="MsoNormal"> ประเพณีเทศน์มหาชาติ ของวัดจุฬามณี จะจัดใน ข่วง ๓ เดือนของประเพณีเข้าพรรษา มหาชาติหรือเวสสันดรชาดกประกอบด้วยพระคาถาภาษาบาลี จำนวน ๑,๐๐๐ พระคาถา </p><p style="margin: 0cm 0cm 10pt" class="MsoNormal"> วันนี้วัดจุฬามณี จัดให้เทศน์มหาชาติ กัณฑ์ ที่ ๑๐ สักกบรรพ ซึ่งให้</p><p style="margin: 0cm 0cm 10pt" class="MsoNormal">ข้อคิดกับกัณฑ์นี้ </p><p style="margin: 0cm 0cm 10pt" class="MsoNormal" align="center">"การทำความดีแม้ไม่มีคนเห็น แต่เทพยดาอารักษ์ย่อมรู้ ย่อมเห็น" </p><p style="margin: 0cm 0cm 10pt" class="MsoNormal" align="center"></p><p style="margin: 0cm 0cm 10pt" class="MsoNormal"><div style="text-align: center"></div></p><p style="margin: 0cm 0cm 10pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 10pt" class="MsoNormal" align="center"></p><p style="margin: 0cm 0cm 10pt" class="MsoNormal" align="center">เจ้าภาพ กัณฑ์ สักกบรรพ ในวันนี้ </p><p style="margin: 0cm 0cm 10pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 10pt" class="MsoNormal"></p><div style="text-align: center"></div> <p align="left">โปรแกรมการเทศน์มหาชาติ วัดจุฬามณี ประจำปี 2550 ท่านผู้อ่านโปรแกรมยังมีเทศน์มหาชาติอีก 3 กัณฑ์ คือกัณฑ์มหาราช (๑๔ต.ค๕๐) ฉกกษัตริย์(๒๑ ต.ค ๕๐) และกัณฑ์นครกัณฑ์ (๒๘ ต.ค ๕๐)</p> <p align="left"></p> <p align="left"> </p><div style="text-align: center"></div><p> แต่ในอดีตแล้ว การเทศน์มหาชาติ เป็นประเพณีของไทยมาแต่โบราณกาล คือ ตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยมาจนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ การเทศน์มหาชาติ เริ่มต้นด้วยในตอนเช้า ทำพิธีทำบุญตักบาตรพระทั้งวัด หรือเลี้ยงพระ ตามจำนวนที่เห็นสมควร แล้วเริ่มเทศน์เวสสันดรชาดกต่อกันไปจนสุด ๑๓ กัณฑ์ บางแห่งจัดปี่พาทย์ประโคม ระหว่างกัณฑ์ตลอดทั้ง ๑๓กัณฑ์ด้วย บางแห่งวันรุ่งขึ้น ทำบุญเลี้ยงพระอีก แล้วมีเทศน์จตุราริยสัจจกถา ในระหว่างเพล จบแล้วเลี้ยงพระเพลเป็นอันเสร็จพิธี มีหลักในการจัดพิธี ดังนี้ </p><p> ๑. ตกแต่งบริเวณพิธีให้มีบรรยากาศคล้ายอยู่ในบริเวณป่า ตามท้องเรื่องเวสสันดรชาดก โดยนำเอาต้นกล้วย ต้นอ้อย และกิ่งไม้มาผูกตามเสา และบริเวณรอบๆ ธรรมาสน์ </p><p> ๒. ตั้งขันสาครใหญ่ ใส่น้ำสะอาดเต็ม สำหรับปักเทียนบูชาประจำกัณฑ์ในระหว่างที่พระเทศน์ ตั้งไว้หน้าธรรมาสน์ กลางบริเวณพิธี น้ำในภาชนะที่ตั้งนี้เสร็จพิธีแล้วถือว่าเป็นน้ำพระพุทธมนต์ที่สำคัญ </p><p style="margin: 0cm 0cm 10pt" class="MsoNormal"> ๓. เตรียมเทียนเล็กๆ จำนวน 1,000 เล่ม แล้วนับแยกเป็นมัด มัดหนึ่งมีจำนวนเท่าคาถาของ กัณฑ์หนึ่ง เมื่อถึงตอนเทศน์กัณฑ์นั้นก็จะเอาเทียนมัดนั้นออกจุดบูชาติดรอบๆ ขันน้ำ</p><p style="margin: 0cm 0cm 10pt" class="MsoNormal"> การเทศน์มหาชาติมีอิทธิพลต่อสังคมไทย ในด้านความเชื่อ คือ เชื่อว่าผู้ใดได้ฟังเทศน์มหาชาติครบ ๑๓ กัณฑ์ จบภายในวันเดียว ผู้นั้นก็จะได้รับอานิสงส์ ๕ ประการ คือ</p> <p style="margin: 0cm 0cm 10pt" class="MsoNormal"> ๑. จะได้เกิดในศาสนาของพระศรีอริยเมตไตรยซึ่งจะมาอุบัติเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต</p> <p style="margin: 0cm 0cm 10pt" class="MsoNormal"> ๒. จะได้ไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์ เสวยทิพยสมบัติอันโอฬาร</p> <p style="margin: 0cm 0cm 10pt" class="MsoNormal"> ๓. จะไม่ไปเกิดในอบาย ทุคติ วินิบาต</p> <p style="margin: 0cm 0cm 10pt" class="MsoNormal"> ๔. จะเป็นผู้มีลาภ ยศ ไมตรี และความสุข</p>
ท่านผู้อ่าน ชาวพุทธทั้งหลาย ควรปลีกเวลาหาโอกาสเข้าฟังเทศน์มหาชาติบ้างนะคะ เพื่อกล่อมเกลาจิตใจ และยังได้อานิสงส์ อีก ๕ ประการ เชียวนะคะ
</span><p>เอกสารอ้างอิง : การเทศน์มหาชาติ : มหาชาติคำหลวง สมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนารถและการจัดงานเทศน์มหาชาติ ณ วัดจุฬามณี</p>
ขอบคุณน่ะค่ะ :D!~