มาแต่งกาพย์กันเถอะ


ลีลาไพเราะประสานบัณเฑาะว์ขับประสาน

มาแต่งกาพย์กันเถอะ

ลีลาไพเราะประสานบัณเฑาะว์ขับประสาน

  

               กาพย์  เป็นคำประพันธ์ที่ไม่ใช่ของไทยครับ  แต่เรารับมาจากตำรากาพย์คันถะ และกาพย์วิลาสินี  ตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 18-19   กาพย์มีลีลาไพเราะเสนาะหูยิ่งชนิดหนึ่ง  กวีมักนำมาแต่งในการขับขานเห่กล่อมประสานดนตรี ในหลายๆ ชนิด   เก่าแก่ที่สุดก็จะเห็นเป็นหนังสือจำพวก  คำสวด   ซึ่งมีมาก่อนสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถแต่งมหาชาติคำหลวง   ในแผ่นดินพระเจ้าทรงธรรม(พ.ศ.2155-2171)  มีประเพณีการอ่านหนังสือคำสวดโอ้เอ้วิหารราย   ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ฯ  กาพย์เป็นที่รู้จักกันดีมาก  พระศรีมโหสถได้แต่งกาพย์ห่อโคลงขึ้น  รวมทั้งในอนิรุทธคำฉันท์ของพระโหราธิบดีก็มีกาพย์ปนอยู่ด้วย   กาพย์เฟื่องฟูมากในปลายแผ่นดินอยุธยา สมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกษฐ์  โดยเฉพาะ  กวีเอกอย่างเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์ (เจ้าฟ้ากุ้ง)  ราชโอรส  ได้รจนากาพย์ได้ไพเราะยิ่ง  แม้จนปัจจุบันเกือบ 300 ปีแล้ว ก็ยังไม่มีกวีคนใดแต่งกาพย์ได้ไพเราะเท่าพระองค์  เรารู้จักกันดีในวรรณคดีเอกของท่านคือ  กาพย์เห่เรือ   ซึ่งนำกาพย์มาขับเห่ในพระราชพิธีทอดผ้าพระกฐิน ในกระบวนพยุหยาตราทางชลมารค   คนไทยในปัจจุบันคงได้รับรู้รสการขับกาพย์เห่เรือในกระบวนเรือพระที่นั่ง ในโอกาสสำคัญๆ ของบ้านเมืองอย่างประทับใจไม่รู้ลืมมาแล้ว

  

             กาพย์สำคัญ  ที่นิยมนำมาแต่งอย่างแพร่หลาย มี 4 ชนิด  คือ กาพย์ยานี 11  กาพย์ฉบัง 16  กาพย์สุรางคนางค์ 28 และกาพย์ขับไม้

               ในบันทึกตอนแรกนี้ จะชวนมาแต่งกาพย์ยานี 11 ก่อนครับ เพราะแต่งง่าย และไพเราะด้วย 

กาพย์ยานี 11    ๐๐ / ๐๐              ๐๐ / ๐๐

                        ๐๐ / ๐๐              ๐๐๐ / ๐๐ 

                                             ๐๐ / ๐๐               ๐๐ / ๐๐

 

                       ๐๐ / ๐๐              ๐๐๐ / ๐๐

  

          พึงทราบ   กาพย์ยานี    บังคับมี สิบเอ็ดคำ

          วรรคหน้า   ห้าประจำ     วรรคหลังหก  ยกให้เห็น  

          จังหวะ  จะไพเราะ       คำเหมาะเจาะ  วางให้เป็น

 

          ความหมาย มีประเด็น   สัมผัสนอก สัมผัสใน

  

ความไพเราะของกาพย์     กาพย์ 1 บท มี 2 บาท  บาทละ 2 วรรค การสัมผัสนอกบังคับตามตัวอย่างข้างบนนี้  กาพย์จะไพเราะต้องวางจังหวะ  วรรคหน้า 2/3   วรรคหลัง  3/3   และถ้าเพิ่มสัมผัสใน (สัมผัสสระเดียวกันหรือสัมผัสอักษรเดียวกันก็ได้) คือ คำที่ 2 กับ 3 ของวรรคหน้าทุกวรรค  จะไพเราะมาก  ส่วนคำท้ายวรรคที่ส่งสัมผัสระหว่างวรรคไม่ควรลงท้ายด้วยคำที่มีรูปวรรณยุกต์อยู่

  ตัวอย่างกาพย์ยานี 11 ในกาพย์เห่เรือ (เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์) 

        พระเสด็จ โดยแดนชล   ทรงเรือต้น งามเฉิดฉาย

 

กิ่งแก้ว แพร้วพรรณราย          พายอ่อนหยับ จับงามงอน

 

        นาวา แน่นเป็นขนัด      ล้วนรูปสัตว์ แสนยากร

 

เรือริ้ว ทิวธงสลอน              สาครลั่น ครั่นครื้นฟอง

 

        เรือครุฑ ยุดนาคหิ้ว     ลิ่วลอยมาพาผันผยอง

 

พลพาย กรายพายทอง        ร้องโห่เห่โอ้เห่มา

 

        สรมุข มุขสี่ด้าน        เพียงพิมานผ่านเมฆา

 

ม่านกรอง ทองรจนา         หลังคาแดงแย่งมังกร

 

    มรรถไชยไกรกาบแก้ว  แสงแวววับจับสาคร

 

เรียบเรียง เคียงคู่จร           ดั่งร่อนฟ้ามาแดนดิน

 

    สุวรรณหงส์ ทรงพู่ห้อย  งามชดช้อยลอยหลังสินธุ์

 

เพียงหงส์ ทรงพรหมินทร์    ลินลาศเลื่อนเตือนตาชม

 

   เรือไชย ไวว่องวิ่ง          รวดเร็วจริงยิ่งอย่างลม

 

เสียงเส้า เย้าระดม            ห่มท้ายเยิ่นเดินคู่กัน

  เห่เรื่องกากี (ของเดิม) 

 

      กางกรอุ้มโอบแก้ว      เจ้างามแพร้วสบสรรพางค์

 

ปีกปกอกเอวนาง             พลางคลึงเคล้าเต้าจรจรัล

 

      ฉวยฉาบคาบนาคา     เป็นภักษาพาผกผัน

 

หางกระหวัดรึงรัดพัน        ดั้นเมฆามาฉิมพลี

 

      ดลสถานพิมานมาศ    เกลียวกลมสวาดินาฏกากี

 

เหิมหวนยวนกามี            ปรีดาแนบแอบอิงองค์

 

     เริงรื่นชื่นเชยปราง      พลางคลึงเคล้าเต้าบุษบง

 

กอดเกื้อเนื้อนวลหง         ปลงสวาดิชมสมเสพย์สมร

 

     กากีแน่งน้อยนาฏ       อภิวาทประณมกร

 

ก้มเกล้ากล่าวฉะอ้อน       ซอนซบหน้าตาเมียงมัน

  

กาพย์เห่เรือชมเครื่องคาวหวาน (รัชกาลที่ 2)

  

      มัสมั่น แกงแก้วตา         หอมยี่หร่ารสร้อนแรง

 

ชายใด ได้กลืนแกง              แรงอยากให้ใฝ่ฝันหา

 

     ยำใหญ่ ใส่สารพัด           วางจานจัดหลายเหลือตรา

 

รสดี ด้วยน้ำปลา                 ญี่ปุ่นล้ำย้ำยวนใจ

 

     ตับเหล็ก ลวกหล่อนต้ม    เจือน้ำส้มโรยพริกไทย

 

โอชาจะหาไหน                  ไม่มีเทียบเปรียบมือนาง

  

กาพย์ตอนนางลอย (รัชกาลที่ 2)

        

      มาดแม้นจะหาดวง             วิเชียรช่วงเท่าคิรี

 

หาดวงพระสุริย์ศรี                    ก็จะได้ดุจดังใจ

      จะหาโฉมให้เหมือนนุช        จนสุดฟ้าสุราลัย

ตายแล้วและเกิดใหม่               ไม่ได้เหมือนเจ้านฤมล

  การนำกาพย์ยานีไปใช้       ส่วนมาก  กวีนิยมนำกาพย์ยานีไปแต่งพรรณนาชมความงามสิ่งต่างๆ เช่นพืชพรรณไม้  ชมเครื่องคาวหวาน ชมกระบวนเรือ ชมนาง ฯลฯ  ไม่ค่อยนิยมนำไปแต่งเล่าเรื่องอย่างนิทาน นิยายคำกลอน  ดังนั้นถ้าเราจะแต่งกาพย์ยานี  ก็ควรจะนำไปใช้ในเรื่องดังกล่าวนี้ก็จะเหมาะเพราะจะได้อรรถรสความไพเราะ   แต่อย่างไรก็ตามไม่ได้เป็นสูตรตายตัวว่าจะต้องใช้แต่งไปในทางใดโดยเฉพาะ ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์มากกว่า  ถ้าเราจะนำไปใช้สอนเด็กๆ ก็น่าจะดีครับ โดยเฉพาะครู อาจารย์ที่สอนในโรงเรียนประถม มัธยม น่าจะได้พิจารณานำไปใช้เป็นเครื่องมือสอนเพื่อส่งเสริมการอ่าน  หรือ ส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม

 ตัวอย่าง 

       หนูเอ๋ย เคยรู้ไหม           ประเทศไทยแต่ก่อนเก่า

 

อุดม ด้วยลำเนา                    ป่าภูเขาครึ้มขจี

 

      แม่น้ำ แลลำคลอง           อีกห้วยหนองคลองมากมี

 

ข้าวปลา อุดมดี                     พืชผลไม้ครบฤดู

 

      แร่ธาตุ ได้ส่งออก            เงินจากนอกเข้ามาสู่

 

คนไทย ไม่อดสู                    ไม่อดอยากลำบากกาย

 

        ยึดอย่าง พอมีกิน         เก็บออมสินจากค้าขาย

 คนไทย จึงสบาย                ด้วยพอเพียง พอเลี้ยงตัว 

     

        บัดนี้ ไทยเปลี่ยนไป       สังคมไทยเริ่มเมามัว

 

ใช้จ่าย อย่างไม่กลัว               หนี้สินล้นพ้นประมาณ

 

        ละวาง แนวทางเก่า       วัฒนธรรมเราไม่สืบสาน

 

 ของดี มีมานาน                   บัดนี้จึงรู้ซึ้งใจ

         ....................................................................... ฯลฯ 

แต่ก็มีการนำกาพย์ยานีไปใช้แต่งในอารมณ์อุดมการณ์เพื่อชีวิต ลีลากาพย์ค่อนข้างจริงจังและกระทบอารมณ์ให้เกิดอุดมการณ์มากครับอย่างเช่น งานของจิตร ภูมิศักดิ์

      เปิบข้าวทุกคราวคำ          จงสูจำเป็นอาจิณ

 

เหงื่อกูที่สูกิน                        จึงก่อเกิดมาเป็นคน

 

      ข้าวนี้น่ะมีรส                  ให้ชนชิมทุกชั้นชน

 

เบื้องหลังสิทุกข์ทน                และขมขื่นจนเคียวคาว

 

     จากแรงมาเป็นรวง            ระยะทางนั้นเหยียดยาว

 

จากรวงเป็นเม็ดพราว              ล้วนทุกข์ยากลำบากเข็ญ

 

    เหงื่อหยดสักกี่หยาด           ทุกหยดหยาดล้วนยากเย็น

 

ปูดโปนกี่เส้นเอ็น                    จึงแปรรวงมาเป็นกิน

 

    น้ำเหงื่อที่เรื่อแดง              และน้ำแรงอันหลั่งริน

 

สายเลือดกูทั้งสิ้น                  ที่สูซดกำซาบฟัน

  

ยานีลำนำ

 

     นี่คือจรรยาบรรณ                อุดมการณ์ทั้งมวลมี

 

คือเกียรติและศักดิ์ศรี                อันสุดแสนจะแหนหวง

 

     คือเลือดอันเดือดพล่าน       เป็นพรายผุดในกลางทรวง

 

คือใจแต่เดียวดวง                   และวิญญาณหนังสือพิมพ์

 

    แต่สูสิเลวชาติ                   ได้เศษบุญมาชมชิม

 

หลงรสที่เลียลิ้ม                     ก็ทิ้งสิ้นทุกสิ่งสรรพ์

 

    ทั้งเกียรติและศักดิ์ศรี           อุดมการณ์จรรยาบรรณ

 อั้นอึ้งตะลึงงัน                       เพราะน้ำเงินที่งามเงา  

  

   ลองแต่งดูนะครับ   กาพย์ยานี 11 เป็นคำประพันธ์อีกชนิดหนึ่งที่ต้องหวังให้คนไทยรุ่นใหม่ๆ ได้สืบสาน และเผยแพร่ให้เป็นที่นิยมแก่เด็กๆ และเยาวชน เพื่อที่จะรักษาเอกลักษณ์วัฒนธรรมนี้ไว้บอกกล่าวเรื่องราวแก่ลูกหลานเราในอนาคตได้อย่าภาคภูมิใจ ครับ                      

หมายเลขบันทึก: 134648เขียนเมื่อ 3 ตุลาคม 2007 21:52 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 มิถุนายน 2012 03:25 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (26)
P

นายกรเพชร

เพิ่งตื่นยังงัวเงียอยู่...

เข้ามาอ่านกาพย์ของอาจารย์ ประสาทตื่นทันที...

อาจเป็นอรรถรสของภาษา ซึ่งตอนวัยรุ่นเราอาจสัมผัสจุดนี้ไม่ถึง....

เจริญพร 

นมัสการพระคุณเจ้าP

           เห็นหน้าท่านนึกขึ้นได้ครับว่า บทสวดสรรเสริญพระพุทธคุณก็แต่งเป็นกาพย์ยานี 11 ทำนองสรภัญญะ ครับ

    องค์ใดพระสัมพุทธ     สุวิสุทธสันดาน

ตรัสมูลกิเลสมาร             บมิหม่นมิหมองมัว

    หนึ่งในพระทัยท่าน      ก็เบิกบานคือดอกบัว

ราคีบพันพัว                    สุวคนธกำจร

    องค์ใดประกอบด้วย    พระกรุณาดังสาคร

โปรดหมู่ประชากร           มลโอฆกันดาร

    ชี้ทางบรรเทาทุกข์      และชี้สุขเกษมศานต์

ชี้ทางพระนฤพาน           อันพ้นโศกวิโยคภัย

    พร้อมเบญจพิธจัก-        ษุจรัสวิมลใส

เห็นเหตุที่ไกลใกล้          ก็เจนจบประจักษ์จริง

    กำจัดน้ำใจหยาบ         สันดานบาปทั้งชายหญิง

สัตว์โลกได้พึ่งพิง            มละบาปบำเพ็ญบุญ

    ข้าขอประณตน้อม       ศิรเกล้าบังคมคุณ

สัมพุทธการุญ-                 ญภาพนั้นนิรันดร

 

 

สวัสดีค่ะอ.กรเพชร

อ่านกาพย์ที่อาจารย์นำมาลงแล้ว ทำให้นึกถึงตอนเด็กๆ ทีีเรียนเขียน เรียนอ่านออกเสียงค่ะ  

แต่สมัยก่อนตอนอ่านกาพย์เหล่านี้ มองไม่เห็นความงามของเนื้อหามากเท่าปัจจุบัน ที่พบว่าแต่ละคำที่บรรยายนั้นงามงดจับใจจริงๆ

ขอบคุณอาจารย์ที่นำกาพย์เพราะๆ มาลงให้อ่านกันค่ะ

สวัสดีครับคุณP

             มีกาพย์อีกมากที่เราได้เคยอ่านและประทับใจในท่วงทำนองเสียง แม้จะไม่ค่อยเข้าใจในความหมายก็ตาม  แต่เพราะทำนองเสียงนั้นทำให้กล่อมเกลาจิตใจให้เด็กๆ มีจิตใจละเมียดละไม  ท่านจำเสียงของครูได้ไหมครับ  ท่านจะเอื้อนเอ่ยขับกล่อมพวกเราพลางหลับตาซาบซึ้งไปกับอรรถรสของบทประพันธ์ ทำให้เด็กๆ อย่างเราต้องนิ่งงันฟังอย่างตั้งใจ  ใครก็ตามส่งเสียงดังสอดแทรกเข้ามาในขณะที่ครูกำลังขับทำนอง จะถูกลงโทษให้ไปยืนมุมห้องยกขาข้างหนึ่งและบางทีก็คาบไม้บรรทัด หรือมิฉะนั้นก็สั่งให้ไปท่องมาอ่านให้เพื่อนฟังในวันรุ่งขึ้น  ผมนึกถึงตอนเด็กๆ แล้วก็สุขใจ  ผมยังภาคภูมิใจจนถึงบัดนี้เลยครับว่า ผมนี่แหละเป็นต้นเสียงขับทำนองคำประพันธ์หลากหลายชนิด แม้แต่บทสวดมนต์ทำนองสรภัญญะที่นำมาลงไว้นี้ ผมก็ต้องเป็นต้นเสียงอันโหยหวนชวนขนลุกเลยทีเดียว  ครับ

สมัยเป็นนักเรียน ผมยังจำกาพย์ที่ครูให้ท่องได้ว่า

กาพย์ยานีลำนำ สิบเอ็ดคำจำอย่าคลาย

วรรคหน้าห้าคำหมาย วรรคหลังหกยกแสดง

ครุลหุนั้น ไม่สำคัญอย่าระแวง

สัมผัสต้องจัดแจง ให้ถูกต้องตามวิธี

ตอนเช้าเห็นกาพย์ของอาจารย์ก็รีบเขียนกาพย์ส่งมาแต่เครื่องผมมีปัญหาก็เลยไม่ได้บันทึกข้อความ แต่งใหม่ก็แล้วกัน

ไม่ได้แต่งมานาน ไม่รู้ฉัน(จะ)ส่งให้ใคร

วันนี้แสนดีใจ แต่งส่งให้คุณกรเพชร

ขอบคุณที่ทำให้ ยังชื่นใจทำสำเร็จ

กาพย์กลอนกลเม็ด ล้วนเป็นเคล็ดอารมรณ์ดี

-

 ชวนกันมาแต่งกาพย์     ผมรับทราบรีบเร็วไว

ไม่เก่งไม่เป็นไร              ขอให้ได้แต่งกาพย์โชว์

เชิญรักษ์ภาษาไทย    ดำรงไว้ชาวไทยเอ๋ย

ร่ายฉันท์อย่าละเลย     ไม่ควรเฉยกับกาพย์กลอน

โรงเรียนงามร่มรื่น

ป่าฟื้นไหวในหน้าฝน

กิ่งก้านทักทายผู้คน

หลากล้นธรรมชาติคู่เคียง

พึ่งพา...และพึ่งกัน

ผูกพันประสานเสียง

กู่ก้องถ้อยร้อยเรียง

เรียบเรียงวจีชีวิน

ลำนำเอื้อนจากใจ......

ฝากไว้ยังหวังไม่สิ้น

ขยันทำอยู่-กิน

เพียงพอไม่สิ้น......ในถิ่นเรา.

สวัสดีครับคุณP

      ดีใจ ได้เพื่อนกาพย์    แถมยังทราบกาพย์กลอนดี

อย่างนี้ ชื่นชีวี                   ได้คุยกันฉันพี่น้อง

     ครูท่าน สอนสั่งให้        ผู้รู้ใจนั้นมีสอง

คู่เรียงเคียงประคอง           อีกหนึ่งต้องมิตรรู้ใจ

                 ขอบคุณครับสำหรับกาพย์ที่ส่งมาให้ 

สวัสดีครับคุณP

        แต่งกาพย์ได้ดีจริง   ช่างเพราะพริ้งสัมผัสใน

อนุรักษ์ ของไทยไทย      สืบสานไว้ชั่วลูกหลาน

       อย่าลืมแต่งมาอีก     อย่าได้ปลีกตัวไปนาน

มโหรีดนตรีกานท์            หมั่นฝึกไว้จะไพเราะ

                   ขอบคุณครับสำหรับกาพย์เพราะๆ

สวัสดีครับคุณP

      ขอบคุณคำเชิญชวน    พวกเราล้วนระบือนาม      

ฝีมือชาวสยาม                 เรื่องกลอนกาพย์ เราทราบดี

    แต่ครั้งกาลก่อนเก่า      วรรณกรรมเราล้วนมากมี

อรรถรสบทกวี                   แสนไพเราะเสนาะจริง

                 ขอบคุณครับสำหรับกาพย์ที่มีความหมาย

 

สวัสดีครับคุณชงโค

           ผมขอชมเชยว่าคุณแต่งกาพย์ยานีได้ดีทีเดียว ทั้งอรรถรสและความหมาย หากสรรคำกับจังหวะกาพย์อีกสักนิดโดยเฉพาะวรรคหลังบางวรรค  จะดีถึงขั้นเลยทีเดียวครับ ลองจับจังหวะดูนะครับ

         สุดเอย สุดฝีมือ      นามระบือ ชื่อก้องไทย

สืบสาน นานเท่าใด         "กวีฤาแล้ง แหล่งสยาม"

ชอบกาพย์เห่เรือเจ้าฟ้ากุ้งค่ะ เวอร์ชั่นหลังๆ ที่แต่งใหม่ภาษาสู้ไม่ได้เลย
อ่านมาถึงอันที่สอง เห็นภาพแล้วท้องร้องกร๊อก หิวข้าวเลยค่ะ กลับบ้านดีกว่า ^ ^

คุณP

          กาพย์ยานีที่ไพเราะที่สุดก็คือของเจ้าฟ้ากุ้ง ถูกต้องแล้วครับ ผมจึงอยากให้กาพย์ยานี ยังคงเป็นที่นิยมของเยาวชนคนไทยต่อไปครับ เพราะใครๆ ก็นิยมกลอน ประกวดทีไรไม่พ้นกลอน  เห็นทีจะเชิญชวนชาวบล็อกแต่งกาพย์ประกวดประชันกันใครได้  รางวัลชนะเลิศก็จะหารางวัลจากบรรดาชาวบล็อกนี่ล่ะ  กรรมการก็หาจากชาวบล็อกเหมือนกัน ถ้าเห็นดีงามอย่างไร  ก็เริ่มแต่งกันได้เลย  ความยาวไม่น้อยกว่า 2 บท ดีไหมครับ 

ตามลิงค์ที่นำแนะ        จึงได้แวะมาขับขาน
มิใช่จะชำนาญ            แค่ลองจารวานเอ็นดู

หากกาพย์ขาดเสนาะ    ไม่ไพเราะระรื่นหู
อาจเพราะไม่มีครู        ขาดผู้รู้แนะนำการ

วันนี้เท่านี้ก่อน            จำต้องจรกลับสถาน
หากขืนอยู่ไปนาน        จะเสียการณ์เพราะคำเชย

ร้อยกรองมาทักทาย...

สื่อความหมายยังอยู่ดี

ท้องฟ้าสว่างสี

มวลมาลีไหวลู่ลม

ถามข่าว...ผ่านดอกไม้

เพื่อนอยู่ไหนคงสุขสม

ชบาบานน่าชม

ชมพูคลี่วิถีพุทธ...

เลิฟยูคือความรัก พวกเรารู้จักแล้วหนา

ความรักคือหน้าตา รักคนบ้าคงบ้าตาย

เอากาพย์ยานี 11 มาฝากค่ะ

เรื่องวิชาเหมือนสินค้า

๏ วิชาเหมือนสินค้า อันมีค่าอยู่เมืองไกล

ต้องยากลำบากไป จึงจะได้สินค้ามา

จงตั้งเอากายเจ้า เป็นสำเภาอันโสภา

ความเพียรเป็นโยธา แขนซ้ายขวาเป็นเสาใบ

นิ้วเป็นสายระยาง สองเท้าต่างสมอใหญ่

ปากเป็นนายงานไป อัชฌาสัยเป็นเสบียง

สติเป็นหางเสือ ถือท้ายเรือไว้ให้เที่ยง

ถือไว้อย่าให้เอียง ตัดแล่นเลี่ยงข้างคงคา

ปัญญาเป็นกล้องแก้ว ส่องดูแถวแนวหินผา

เจ้าจงเอาหูตา เป็นล้าต้าฟังดูลม

ขี้เกียจคือปลาร้าย จะทำรายให้เรือจม

เอาใจเป็นปืนคม ยิงระดมให้จมไป

จึงจะได้สินค้ามา คือวิชาอันพิศมัย

จงหมั้นมั่นหมายใจ อย่าได้คร้านการวิชาฯ

เคยมีนักเรียน2คนเป็นเพื่อนกัน

>>ทั้ง2สนิทกันมาก

>>ไปไหนไปด้วยกัน

>>สุขด้วยกัน

>>ทุกข์ด้วยกัน

>>ทั้งสองเรียนที่เดียวกัน

>>อยู่หอพักเดียวกัน

>>เรียนปีเดียวกัน

>>เรียนห้องเดียวกัน

>>นอนด้วยกัน

>>มีวันหนึ่งเพื่อนคนหนึ่งป่วย

>>และเขาอยากทานก๋วยเตี๋ยว

>>เพื่อนอีกคนจึงไปซื้อให้

>>และเมื่อซื้อเสร็จก็รีบกลับ

>>แต่ระหว่างทาง

>>เกิดอุบัติเหตุขึ้น

>>เขาเสียชีวิต

>>แต่ด้วยความรักเพื่อน

>>วิญญาณของเขาก็นำก๋วยเตี๋ยวมาให้เพื่อนและตายไป

>>ทำให้เขาหมดห่วงและตายอย่างสงบสุข

>>ได้รับข้อควา มนี้แล้วต้องโพสซ้ำ 20 กระทู้ ไม่ใช่ 20

>>copyถ้าไม่ทำ ตามจะเกิดอุบัติเ หตุ อีก 7 ชม.นับถอยหลัง

>>ขอโทษนะที่หล อกนี่เป็นกระทู้ท ี่ 20 แล้ว ตอนแรกเราก็ไม่เช ื่อ

>>เพื่อนเราในก ลู่ม 5 คน เกิดอุบัติเหตุ

นี่ อ.แต่งเองเหรอคะ

ถ้าแต่งเองก้ยอดเยี่ยมไปเลย

หวัดดีจ้าาาาาาาาา

นี่ อ.แต่งเองเหรอคะิ

ถ้าแต่งเองก้ยอดเยี่ยมไปเลย

ช่วยแต่งกาพย์ที่มีสระ "ใ" ครบ 20 คำ ให้หน่อยค่ะ

ลองแต่แล้วพอได้บทนึง ก็ต่อไม่ได้เลย

ฃ่วยหน่อยนะค่ะ

พวกเราปอห้านี้ ทุกคนมีจิตใจงาม

เจอกันเราสลาม ตามแบบอย่างท่านนบี

ความรักเป็นยาพิษ  สารเสพติดชนิดหนึ่ง

ทำใจให้หลงชึ้ง       ดั่งโดนดึงลงหลุมใกล

ทำใจเราเพ้อฝัน      เป็นเช่นนั้นได้ไฉน

หรือเป็นเพราะความใคร่    พาฤทัยให้หม่นหมอง


พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท