e-Commerce ในธุรกิจ
ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน
ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานเป็นธุรกิจ E-Commerce
ที่ให้บริการแก่ธุรกิจ E-Commerce อื่น
ตัวอย่างของธุรกิจพื้นฐานในการศึกษา
ได้แก่ Consonus (ธุรกิจศูนย์ข้อมูล และ ASP), Pay Pal
(ธุรกิจชำระเงินออนไลน์), Verisign (ธุรกิจออกใบรับรองดิจิตัล),
BBBOnline (ธุรกิจรับรองการประกอบธุรกิจที่ได้มาตรฐาน), Siamguru
(บริการเสิร์ชเอนจิ้น), และ FedEx (บริการจัดส่งพัสดุ)
ปัจจัยในความสำเร็จของธุรกิจในกลุ่มนี้จะขึ้นอยู่กับการขยายตัวของตลาด
E-Commerce โดยรวม กล่าวคือ หากเศรษฐกิจอยู่ในช่วง
ขยายตัว และมีผู้ประกอบการ E-Commerce มาก
รายได้ของธุรกิจเหล่านี้ก็จะเพิ่มขึ้น ดังนั้น หากเรามองว่าธุรกิจ
E-Commerce มีแนวโน้มที่จะขยายตัวอย่างต่อเนื่องในระยะยาว
ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานที่สามารถสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งได้
ก็จะมีแนวโน้มที่จะเติบโต
และน่าจะทำกำไรได้ในระยะยาว
ธุรกิจค้าปลีกอิเล็กทรอนิกส์
ธุรกิจค้าปลีกอิเล็กทรอนิกส์เป็นรูปแบบของธุรกิจ E-Commerce
ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีที่สุด เมื่อกล่าวถึงธุรกิจ E-Commerce
คนทั่วไปจึงมักจะนึกถึงธุรกิจในกลุ่มนี้
ตัวอย่างของธุรกิจค้าปลีกอิเล็กทรอนิกส์ (Online Retailer)
ในกรณีศึกษาได้แก่ Amazon (หนังสือ),
7dream (ของชำ), EthioGift (ของขวัญวันเทศกาลของเอธิโอเปีย),
1-800-Flowers (ดอกไม้), Webvan (ของชำ), Tony Stone Image (รูปภาพ),
และ Thaigem (อัญมณี)
รายได้หลักของธุรกิจค้าปลีกอิเล็กทรอนิกส์มาจากการจำหน่ายสินค้า
ในช่วงแรกผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกอิเล็กทรอนิกส์ มักคาดหวังว่า
การประกอบการโดยไม่ต้องมีร้านค้าทางกายภาพจะช่วยให้ตนมีต้นทุนที่ต่ำ
และสามารถขายสินค้าให้แก่ลูกค้าในราคาที่ต่ำกว่าคู่แข่งได้
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาต่อมาเราจะพบว่า
ปัจจัยในความสำเร็จของโมเดลทางธุรกิจดังกล่าวมักจะขึ้นอยู่กับความสามารถในการจัดการส่ง
สินค้าและให้บริการหลังการขายให้แก่ลูกค้า
เราจึงพบว่าธุรกิจค้าปลีกอิเล็กทรอนิกส์
ซึ่งไม่มีร้านค้าทางกายภาพมีแนวโน้มที่จะต้องสร้าง
ร้านค้าหรือคลังสินค้าขึ้นด้วยจนกลายเป็นธุรกิจที่เรียกว่า
Click-and-Mortar
หรืออาจใช้วิธีการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจกับร้านค้าปลีกแบบเดิม
ตัวอย่างของธุรกิจที่เรียกว่า Click-and-Mortar ได้แก่การที่
Amazon ได้ลงทุนสร้างคลังสินค้าและพยายามทำความตกลงเป็นพันธมิตร กับ
Walmart ซึ่งเป็นร้านค้าปลีกที่มีช่องทางจัดจำหน่าย ในขณะเดียวกัน
เรายังเห็นแนวโน้มของการที่ร้านค้าปลีกแบบเดิมเช่น 7-Eleven
หันมาประกอบธุรกิจออนไลน์ด้วย ดังตัวอย่างของ 7dream
ซึ่งเป็นการใช้ประโยชน์จากการมีร้านค้าทางกายภาพ
และการทำธุรกิจออนไลน์ ร่วมกัน
ธุรกิจที่หารายได้จากโฆษณา
ในช่วงหลังธุรกิจ E-Commerce
ที่หวังหารายได้จากการโฆษณาซบเซาลงไปมาก
เนื่องจากการเข้าสู่ตลาดดังกล่าวทำได้ง่าย ทำให้
จำนวนพื้นที่โฆษณาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ซึ่งมีผลทำให้เกิดการแข่งขันอย่างรุนแรง
และมีผลกระทบต่อรายได้ของผู้ประกอบการแทบทุกราย
นอกจากนี้
การจัดทำเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาดึงดูดให้ผู้ใช้เข้ามาใช้ต้องอาศัยการลงทุนสูง
และจำเป็นต้องทำการตลาดและการประชาสัมพันธ์ผ่าน
สื่อต่างๆมาก
ปัจจัยในความสำเร็จของธุรกิจในกลุ่มนี้จึงได้แก่การสร้างจุดเด่นที่แตกต่างจากธุรกิจในแนวเดียวกัน
ในขณะที่สามารถควบคุมต้น
ทุนได้
ตัวอย่างของธุรกิจที่หารายได้จากค่าโฆษณาที่ยังคงสามารถทำกำไรได้ คือ
Yahoo! ซึ่งเป็นเว็บท่า (Portal Site) ที่มีชื่อเสียงมานานและมี
ต้นทุนในการสร้างเนื้อหาน้อย
เนื่องจากใช้วิธีการเชื่อมโยงไปยังเนื้อหาของผู้อื่น
นอกจากนี้ยังมีอีกตัวอย่างหนึ่งที่น่าสนใจ คือ GreaterGood
ซึ่งเป็นตัวอย่างของธุรกิจที่หารายได้จากการแนะนำลูกค้าให้แก่เว็บไซต์อื่นๆ
ซึ่งคล้ายกับการหารายได้จากค่าโฆษณา