สิ่งที่ได้จากการจัดทำสมุดบันทึกออนไลน์ จากการที่พวกเรานักศึกษาผู้เข้าร่วมในโครงการมหาวิทยาลัยชีวิต จากการได้ศึกษาในหลักสูตร ทำให้ “ภาพฝันของชุมชนที่มันควรจะเป็น” เกิดขึ้นในใจของพวกเราทุกคน กล่าวคือชุมชนที่ มีภูมิคุ้มกันที่ดี นั่นก็คือต้องสร้าง “ระบบ” ให้กับชุมชน ภายใต้ยุทธศาสตร์ใหม่ คือ การสร้างระบบการพึ่งตนเองเป็นหลัก ลดการพึ่งพาจากภายนอก เป็นชุมชนที่เข้มแข็งไม่อ่อนแอดั่งเช่นทุกวันนี้ ซึ่งสังคมไทยในปัจจุบันปรับเปลี่ยนตัวเองจากสังคมอยู่อย่างพอเพียง มาเป็นสังคมที่มั่งมั่นอยางอยู่แบบมั่งคั่งและร่ำรวย มีการสะสมส่วนเกินในการผลิตเพื่อขาย มุ่งแสวงหากำไรมากที่สุด มุ่งส่งเสริมเร่งการผลิต การส่งเสริมการบริโภคในนามของ “การพัฒนา“ รวมถึงการทำให้ทันสมัย ซึ่งในความเป็นจริง คุณภาพชีวิตของคนมิได้เพิ่มขึ้นจริงตามดัชนีการบริโภคและกำไร ตามวัตถุสิ่งของ เครื่องอำนวยความสะดวกที่ล้นเหลือแต่อย่างใด ปัจจุบันจึงเป็นยุคที่ผู้คนมีหนี้สินมากมาย เป็นการพัฒนาที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่ พ่อ แม่ ลูก แยกกันไปคนละทิศคนละทาง ครอบครัวแตกแยก เด็กขาดความอบอุ่น ชุมชนล่มสลาย พ่อแม่ขายทุกอย่าง เพื่อให้ได้เงินมาบริโภคตามกระแสทุนนิยมอันบ้าคลั่ง จึงเป็นผลพวงของการพัฒนาที่ “เอาเงินนำหน้า เอาปัญญาตามหลัง” ภายใต้กรอบแนวคิดของแผนพัฒนาประเทศในรอบกว่า 40 ปีที่ผ่านมา ที่มุ่งเอาเศรษฐกิจนำหน้า เอา GDP เป็นตัวชี้วัด แต่การเติบโตของรายได้ประชาชาติ และรายได้เฉลี่ยต่อหัวของประชากรได้สร้างช่องว่างของรายได้ระหว่างคนจนกับคนรวยมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งมีคำเปรียบเปรยว่า “สังคมไทย เป็นสังคมรวยกระจุกจนกระจาย” 40 กว่าปีของการพัฒนาที่ผ่านมาได้ส่งผลทำลายชุมชนฐานล่าง โดยเฉพาะการสูญเสียความเชื่อมั่น ทำให้ขาด “ปัญญา” ในการคิดวิเคราะห์ การสูญเสียความสัมพันธ์ ทำให้ระบบเดิมของชุมชนถูกทำลายและเมื่อชุมชนถูก “กับดัก” ของทุนนิยมเสรี ก้าวตามกระแส ไม่ได้เรียนรู้ระบบและวิธีการจัดการที่มีประสิทธิภาพ ผู้คนในชนบทจึงขึ้นตรงต่อระบบการจัดการที่มีคนอื่นเป็นคนบงการ กำกับตลอดเวลา ประกอบกับโครงสร้างสังคมไทยไม่เอื้อให้ชุมชนเรียนรู้และพัฒนาด้านการจัดการ แต่เอื้อให้คนภายนอกชุมชนร่วมมือกันในการบริหารจัดการผลผลิต ฝีมือและแรงงานของคนในชุมชน การให้งบประมาณโครงการต่าง ๆ เป็นเพียงอุปกรณ์เครื่องมือ แต่ไม่เคยให้โอกาสได้เรียนรู้วิธีการบริหารจัดการที่ดี เมื่อการพัฒนาของภาครัฐที่เร่งการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเน้นตัวเลขการส่งออก โดยไม่คำนึงถึงการทำลายทรัพยากรที่มีค่า ทำลายชุมชนที่พึ่งตนเองได้ทำลายคุณค่าของระบบครอบครัว การพัฒนาตามกระแสหลักจึงทำให้ชุมชนต้องตกอยู่ภายในสภาวะที่ต้องพึ่งพาภายนอก ขาดความเป็นอิสระจึงตกอยู่บนโซ่ตรวนของหนี้สิน ยากที่จะสลัดทำลายให้หลุดพ้นวันนี้เราจึงต้องสร้างความเชื่อมั่นให้หวนคืนมา ฟื้นฟูระบบความสัมพันธ์ใหม่ พัฒนระบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพ และสร้างกระบวนการเรียนรู้ให้ต่อเนื่อง สร้างวิสาหกิจ ให้มีขึ้นโดยเริ่มต้นจากระดับครอบครัวให้เข้มแข็ง คือต้องเริ่มต้นจากตัวนักศึกษาที่ได้ผ่านกระบวนการเรียนรู้แล้นำมาปฏิบัติ ในลักษณะ “มวลชนเป็นผู้ผลิต” คือปลูกทุกอย่างที่กิน กินทุกอย่างที่ปลูก ที่เหลือก็แบ่งปัน หรือขาย ภายใต้ระบบชุมชนนิยม ที่ไม่ใช่การผลิตเพื่อมวลชน รู้ตนเอง รู้ปัญหา รู้ทรัพยากร และ จัดการ ข้าว อาหาร สมุนไพร ของใช้ ปุ๋ย ให้เป็น ก่อนที่จะไปจัดการชุมชน ซึ่งต้องเป็นชุมชนที่เข้มแข็งพึ่งตนเองได้ นั่นคือชุมชนในฝันของพวกเรา อีกอย่างหนึ่งที่พวกนักศึกษาอย่างเราพยายามแสวงหาก็คือ “สมการชีวิต” พวกเราพยายามตั้งโจทย์กับตัวเองให้เป็นสูตรสมการแล้วค้นหาคำตอบในหลาย ๆ เรื่องเช่น
เป้าหมายชีวิต = ?
ชีวิต = ?
ความสุข = ?
ฯลฯ
นอกจาก “ชุมชนในฝัน” แล้วสูตรสมการเหล่านี้คือสิ่งที่พวกกำลังค้นหาแม้แต่การจัดทำสมุดบันทึกออนไลน์ก็ให้คำตอบยังไม่ได้...ต้องไปหาในชีวิต..ของพวกเราผู้ปรารถนาที่จะเรียนรู้ตลอดชีวิต
ไม่มีความเห็น