วันธรรมดาสำหรับการทำงาน ในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ห้องหนึ่งที่เต็มไปด้วยเอกสาร ด้านหลังมุมขวามือ มีกีตาร์คลาสสิค อีกตัวอยู่ด้านหลัง ให้เราได้มีความรู้สึกอยากจับมันเล่นขึ้นในหลายๆครั้ง ......
หัวหน้าของดิฉัน ท่านเป็นผู้ใหญ่ที่ใกล้เกษียณอายุแล้ว ท่านก็เคยเป็นอาจารย์สอนในรายวิชาเกี่ยวทัศนศิลป์ด้วย ก็ได้เดินเข้ามาหาอย่างอุ่นคุ้นเคย เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ท่านถือหนังสือมา 1 เล่ม มันเป็นหนังสือเกี่ยว วิถีแห่งเต๋าค่ะ อาจเป็นเพราะช่วงนี้ท่านเห็นดิฉันชอบอ่านหนังสือ ต้องขอบคุณที่ท่านแนะนำหนังสือเล่มนี้กับดิฉัน ซึ่งทำให้มีมุมมองอีกโลกที่ฉันไม่เคยนึกถึงมัน และทำให้ในหลายครั้งอยู่ในภวังค์แห่งความสงบได้ดีไม่น้อยเลย…
ขอยกคำกล่าวนี้ให้ทุกท่านได้อ่าน ทำความเข้าใจเหมือนที่ดิฉันเคยอ่าน แต่การหยิบมาหนังสือขึ้นมาครั้งนี้ ได้รับความรู้ในอีกสาขาหนึ่ง เก็บเกี่ยวไว้ในความจริงที่มักเกิดขึ้นอยู่เสมอ....!!!!
สิ่งต่างๆ อุบัติขึ้นด้วยการเปรียบเทียบ
เมื่อคนในโลกรู้จักความสวยว่าสวย
ความน่าเกลียดก็อุบัติขึ้น
เมื่อคนรู้จักความดีว่าดี
ความชั่วก็อุบัติขึ้น
มีกับไม่มีเกิดขึ้นด้วยการรับรู้
ยากง่ายเกิดขึ้นด้วยความรู้สึก
ยาวกับสั้นเกิดขึ้นด้วยการเปรียบเทียบ
สูงกับต่ำเกิดขึ้นด้วยการเทียบเคียง
เสียงดนตรีกับเสียงสามัญเกิดขึ้นด้วยการรับฟัง
หน้ากับหลังเกิดขึ้นด้วยการนึกคิด
ดังนั้นปราชญ์กระทำ
ด้วยการไม่กระทำ
เทศนาด้วยการไม่เอ่ยวาจา
การงานทั้งหลายก็สำเร็จลุลวงลง
ท่านให้ชีวิตแก่สรรพสิ่ง
แต่มิได้ถือตัวเป็นเจ้าของ
ประกอบกิจยิ่งใหญ่
แต่มิได้ประกาศให้โลกรู้
เหตุที่ท่านไม่ปรารถนาในเกียรติคุณ
เกียรติคุณของท่านจึงดำรงอยู่ไม่สูญสลาย..............
...........เมื่อจบประโยคนี้ลง อาจารย์ของข้าพเจ้าได้สรุปลงให้ดิฉันเข้าใจได้ง่ายขึ้นว่า “เมื่อคนในโลกรู้จักความสวยงาม ความน่าเกลียดก็อุบัติขึ้น มนุษย์จึงเลือกรู้และดัดแปลง รู้สร้างสรรค์และเป็นที่มาของศิลปะ สุนทรียภาพก็ได้อุบัติขึ้น ในสุนทรียภาพมนุษย์ไม่อาจเลือกหรือปฏิเสธความสวยงาม ความน่าเกลียดอย่างใดอย่างหนึ่งได้ การยอมรับในการไม่อาจเลือกได้ จึงไม่เกิดความขัดแย้งในจิตใจ ในที่สุด ความสุขก็อุบัติขึ้นแบบไร้ปรากฏการณ์และรูปแบบ” ............
ดีมากเลย เอาอีกกกกกกกกกกกกกกก