กล้วยน้ำหว้า
สถานการณ์ทั่วไป กล้วยน้ำว้าเป็นพืชที่คนส่วนใหญ่รู้จักดีมากที่สุด เพราะสามารถใช้ทุกส่วนของต้น ผลสามารถใช้รับประทานผลสุกและประกอบอาหารได้มากชนิด รวมทั้งผลิตภัณฑ์สามารถส่งขายทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ถ้าหากมีการปรับปรุงคุณภาพให้ดีกว่าเดิม และมีการเพิ่มปริมาณผลผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการของตลาด จะสามารถทำรายได้ให้ประเทศได้มากขึ้น ลักษณะทั่วไปของพืชกล้วยน้ำว้าเป็นพืชล้มลุกขนาดใหญ่ สูงประมาณ 2-5 เมตร ชอบอากาศร้อนชื้นและอบอุ่น อุณหภูมิที่เหมาะไม่สมควรต่ำกว่า 15 องศาเซลเซียส หรือสูงกว่า 35 องศาเซลเซียส อุณหภูมิที่ต่ำทำให้กล้วยแทงปลี(การออกดอก) ช้า ควรมีความชื้นสัมพัทธ์อย่างน้อย 60% ปริมาณฝนตกเฉลี่ย 200-220 มม./เดือน ส่วนดินที่เหมาะสมควรเป็นดินที่มีความสมบูรณ์ การระบายน้ำดี และหมุนเวียนอากาศดี มีความเป็นกรดเป็นด่างระหว่าง 4.5-7 แต่ที่ดีควรอยู่ในระดับ 6 ซึ่งจะพบทั่วๆไป ในพื้นที่แถบเอเชีย แต่ถ้าพื้นที่นั้นมีอากาศร้อนยาวนาน แต่มีการชลประทานที่ดี คือ มีน้ำสม่ำเสมอจะสามารถปลูกกล้วยได้ดี และให้ผลผลิตสม่ำเสมอ กล้วยน้ำว้าจะใช้ระยะเวลาการปลูกถึงเก็บเกี่ยวผลใช้ระยะเวลาประมาณ1 ปี จำนวน 10 หวี/เครือ ตั้งแต่ปลูกจนถึงแทงปลีใช้ระยะเวลา 250-260 วัน แทงปลีถึงระยะเก็บเกี่ยว 110-120 วัน พื้นที่ส่งเสริมชุมพร เลย ระนอง นครราชสีมา และหนองคาย |
พื้นที่ปลูก |
ปี 2538 |
ปี 2540 (ประมาณการ) |
|
พื้นที่ปลูกรวม |
731,006 ไร่ |
732,000 ไร่ |
|
พื้นที่ให้ผลผลิตแล้ว |
597,796 ไร่ |
598,000 ไร่ |
|
ยังไม่ให้ผลผลิต |
133,210 ไร่ |
134,000 ไร่ |
|
พื้นที่ส่งเสริม |
||
ต้นทุนการผลิต/ไร่ |
|||
ปีแรกที่เริ่มปลูก |
2,500 บาท/ไร่ |
||
ปีที่ให้ผลผลิตเต็มที่แล้ว |
2,000 บาท/ไร่ |
ผลผลิต |
ปี 2539 |
2540 (ประมาณการ) |
|
ผลผลิตรวมทั้งประเทศ (2535) |
1,180,465 ตัน |
1,185,000 ตัน |
|
ผลผลิตเฉลี่ย/ไร่ |
1,974 กก./ไร่ |
1,982 กก./ไร่ |
|
ราคาที่เกษตรกรขายได้ |
3.27 บาท/กก. |
3.25 บาท/กก. |
|
ปริมาณการใช้ภายในประเทศ |
1,180,465 ก.ก |
1,185,000 บาท |
|
ปริมาณการส่งออก |
- |
- |
|
ปริมาณและมูลค่าการนำเข้า |
- |
- |
การปลูก วิธีการปลูก 1. ควรปลูกในช่วงต้นฤดูฝน ระยะปลูก 2.5 x 3 เมตร , 2.5 x 2.5 เมตร จำนวนต้น / ไร่ จำนวนต้นเฉลี่ย 200 ต้น / ไร่ , 250 ต้น/ไร่ การดูแลรักษา การใส่ปุ๋ย - ใช้ปุ๋ยเคมีสูตร 13-13-21 หรือ 15- 15-15 อัตรา 1 กิโลกรัม/ต้น/ปี โดยแบ่งใส่ 4 ครั้ง ดังนี้
- ปริมาณของน้ำนั้นขึ้นอยู่กับสภาพพื้นที่ ความชุ่มชื้นของดิน ปริมาณลมที่พัดผ่าน จะทำให้การคายน้ำมาก จึงไม่ควรปล่อยให้ผิวหน้าดินแห้งติดต่อกันเป็นเวลานาน เนื่องจากรากจะหาอาหารอยู่บริเวณผิวดิน จะทำให้หยุดชะงักการเจริญเติบโต การปฏิบัติอื่นๆ
- โรคใบจุด ป้องกันโดยนำไปเผา หรือใช้สารเคมีคอปเปอร์ออกซีคลอไรด์ หรือสารป้องกันกำจัดเชื้อรา แมนโคเซบ หรือเบนโนมิล |
ปฏิทินการปฏิบัติดูแลรักษา |
|||||
ม.ค. ก.พ. |
มี.ค. เม.ย. |
พ.ค. มิ.ย. |
ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. |
ธ.ค. |
|
-ให้น้ำสม่ำเสมอ |
-เก็บเกี่ยวผลผลิต |
-ปลูกโดยใช้หน่อใหม่ |
-ใส่ปุ๋ยคอกและปุ๋ยเคมีสูตร 13-13-13 หรือ 15-15-15 เป็นระยะทุก 3 เดือน |
-เริ่มออกปลี-ตัดปลีทิ้งเมื่อ |
|
หรือเลี้ยง |
- กำจัดวัชพืช |
ปลีบานถึงหวี |
|||
หน่อจาก |
- ปาดหน่อทุก 15 - 30 วัน |
ตีนเต่า |
|||
กอเดิม |
- ให้น้ำสม่ำเสมอ |
||||
- พ่นสารเคมีป้องกันกำจัดโรคแมลงตามความจำเป็น |
การจัดการก่อนเก็บเกี่ยวและหลังเก็บเกี่ยวการเก็บเกี่ยว
แนวทางส่งเสริม 1. ส่งเสริมให้มีการรวมกลุ่มปรับปรุงคุณภาพผลผลิต ปัญหาอุปสรรค 1. เทคโนโลยีการผลิตไม่ทั่วถึง รายชื่อเจ้าของสวน 1. นายจักรกฤษณ์ แสงจันทร์ 80 ม.1 ต.เพ็ญ อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี ( 2,000 ต้น 10 ไร่ ) |
ไม่มีความเห็น