เริ่มชีวิต ......นักพัฒนางาน หรือนักวิจัยดี


    เมื่อบันทึกก่อน ผมได้เล่าให้ฟังแล้วว่า ปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้น คือการทุ่มเททั้งชีวิตและจิตวิญญาณอยู่กับงานประจำ ที่ทำเหมือนๆกันทุกวัน โดยไม่เคยได้โงหัวขึ้นมาดูว่าชีวิตชาวบ้านเขาเป็นอย่างไร จะขอไปประชุมก็ไปไม่ได้ เพราะขาดคนทำงานแทน.....แล้วจะเริ่มบทบาทการเป็นนักวิจัยได้อย่างไร.......

      คำตอบนี้....ไม่ยากครับ.....เพียงแต่ไม่ง่ายในการปฏิบัติ......ยิ่งในระบบราชการด้วยแล้ว....ในบางหน่วยงานอาจจะหืดขึ้นคอทีเดี่ยว  ลองดูตัวอย่างนี้สิครับ 

      แล้วจะเริ่มต้นทำวิจัย...ที่ตรงไหนดี...ปัญหาที่ระบบ..ใช้หัวข้อทำวิจัยของ ในเมื่อเราก้มหน้าก้มตาทำงาน...จนหมดไป เป็นปี เป็นเดือน...ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเกิดปัญหาอะไรบ้างจากการทำงานทุกวัน...ยิ่งในเชิงระบบยิ่งมองไม่เห็น...หรืออาจมองเห็นบ้าง แว๊บ แว้บ แวม แวม...เปิดปากจะพูดก็มีคนมาบอกว่า...คุณทำงานของคุณไป...เรื่องระบบเดี๋ยวมีคนมาแก้ให้...นอกเหนือการ คอลโทรล ของคุณ....เราจึงตั้งหน้าตั้งตาทำงาน..ทุ่มทั้งชีวิตจิตใจ..ไปกับงาน....จะหันไปทำวิจัย...ก็ไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหน...

      วิธีแก้ปัญหาในเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่เขาสอนกันอยู่ในคณะวิศวกรรมศาสตร์ หรือในเรื่องโปรแกรมการควบคุมคุณภาพงาน อย่าง ISO หรือ TQM จะเอาแบบโรงพยาบาล ก็ HA และอีกหลายๆ อย่าง แต่ทั้งหมดมีแนวคิดในเรื่องนี้ เหมือนกัน....คือ เขียนโครงสร้างการไหลของงานออกมาก่อน.....ครับ WorkFlow ใช่เลยครับ ไอ้นี่แหละที่สำคัญ....เขียนออกมาให้ละเอียดนะครับ ว่าในหน่วยงานของเรา มีงานเข้ามายังไง ไหลไปไหน อย่างไร กระจายตัวออกไปแบบไหนอย่างไร....ถ้าเขียนไม่ได้....แสดงว่าคุณยังไม่เข้าใจวิธีการทำงานที่แท้จริงของหน่วยงานตัวเอง ถ้าถึงขั้นขนาดงานตัวเอง ยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรแล้วล่ะก้อ....ใครก็ช่วยเหลือไม่ได้ครับ....อิ อิ อันนี้ล้อเล่นครับ

      จากนั้นเราก็จะมาเริ่มวิเคราะห์กันเลยนะครับ ค่อยๆ ไล่ไปดู ทีละงาน ทีละงาน ตั้งคำถามง่ายๆ  ต่อไปนี้ครับ

  • งานนี้ ทำไปทำไม
  • งานนี้ ไม่ทำได้ไหม
  • ถ้าต้องทำงานนี้ จะมีวิธีการที่ดีกว่าวิธีที่เราทำในปัจจุบันหรือไม่

           แล้วก็ไล่ตอบไปเรื่อยๆ สุดท้ายเราก็จะได้แนวทางใหม่ในการปรับปรุงงานของเราครับ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว ถ้าเป็นหน่วยงานย่อยๆ ก็มองโครงสร้างของงานทั้งหน่วยได้เลย ส่วนถ้าหน่วยงานใหญ่ ก็ให้เลือกจุดที่เป็นปัญหาขึ้นมาก่อน อย่างเช่น มีคนคอยเยอะ มีคนบ่นว่าช้า  หรือบริการแย่   ทำแล้วราคาแพง อะไรอีกสารพัด ที่เป็นเสียงนกเสียงกา ที่แว่วเข้ามาให้ได้ยินเรื่อยๆ หรือถูกร้องเรียนบ่อยๆ ก็เริ่มต้นจากการจับที่จุดนั้นมาวิเคราะห์และหาทางออกครับ การวิเคราะห์ตรงจุดที่เป็นปัญหา.....คือการหาคำตอบครับ.....ว่า เราจะแก้ปัญหาที่เราเจออย่างไร........ 

     เอ งั้นก็คือ เรามีคำถามแล้วไง......แล้วเราก็กำลังจะหาคำตอบ.....นี่มันคือจุดเริ่มต้นของงานวิจัยแล้วไง.....ใช่เลยครับ....เมื่อคุณเจอคำถาม....และคุณหาคำตอบ.....คุณก็เข้าใกล้คำว่า.....วิจัย...มากขึ้นแล้วล่ะครับ อยู่ที่ว่าคุณเลือกที่จะตอบแบบไหน อย่างไร ซึ่งคำตอบของคุณ....อาจเป็นวิจัย....หรือไม่ใช่ก็ได้ ขึ้นกับว่าคุณจะเลือกใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์เข้ามาช่วยในการแก้ไขปัญหา เพื่อให้คำตอบของคุณน่าเชื่อถือ ถ้าคุณเลือกแนวทางนี้....ก็เรียกได้ว่า ....คุณทำวิจัยแล้วล่ะ....แต่ถ้าคุณเลือกที่จะตอบ ในแบบที่ฟังขึ้น คือหาทางแก้ปัญหา และพิสูจน์ได้ว่าปัญหาถูกแก้ไขไปแล้ว เพียงแต่ในหลักการทางสถิติ อาจจะยังไม่สมบูรณ์ อย่างนี้ ก็เรียกได้ว่า คุณได้ทำงานพัฒนาแล้วครับ.....เป็นนักพัฒนางาน....

      คุณจะเลือกแบบไหนครับ.......?
หมายเลขบันทึก: 131073เขียนเมื่อ 24 กันยายน 2007 09:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 20:35 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

พ่อหมูอ้วน เพื่อนรัก

  • ฉันชอบท่อนสุดท้ายมากๆค่ะ...
  • "อยู่ที่ว่าคุณเลือกที่จะตอบแบบไหน อย่างไร ซึ่งคำตอบของคุณ....อาจเป็นวิจัย....หรือไม่ใช่ก็ได้ ขึ้นกับว่าคุณจะเลือกใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์เข้ามาช่วยในการแก้ไขปัญหา เพื่อให้คำตอบของคุณน่าเชื่อถือ ถ้าคุณเลือกแนวทางนี้....ก็เรียกได้ว่า ....คุณทำวิจัยแล้วล่ะ....แต่ถ้าคุณเลือกที่จะตอบ ในแบบที่ฟังขึ้น คือหาทางแก้ปัญหา และพิสูจน์ได้ว่าปัญหาถูกแก้ไขไปแล้ว เพียงแต่ในหลักการทางสถิติ อาจจะยังไม่สมบูรณ์ อย่างนี้ ก็เรียกได้ว่า คุณได้ทำงานพัฒนาแล้วครับ.....เป็นนักพัฒนางาน...."
  • สวัสดีวันหยุดค่ะ
  • ทางโน้นฝนตกหรือเปล่าค่ะ
  • รักษาสุขภาพด้วยนะคะ

     

                      

             ×÷•.•´¯`•)» บ้านรักษ์สุขภาพ «(•´¯`•.•÷×

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท