เรื่องเล่านี้ ได้มาจากนิทานอีเมลที่ส่งต่อกันมา คิดว่า สมัยนี้ ต้องให้เรื่องที่กระตุกต่อมความซาบซึ้งทำงานบ่อย ๆ จึงขอเอามาไว้ ณ ที่แห่งนี้
เพราะอยากให้ทุกคนได้ซึมซับความรักของแม่ หญิงที่ทำทุกอย่างเพื่อลูก บางครั้งจำต้องโกหกลูก เพื่อให้ลูกได้สิ่งที่ดีที่สุด รู้อย่างนี้แล้ว คุณจะกล้ารักแม่น้อยลงอีกหรือคะ...
ตอนเด็ก ๆ เมื่อถึงเวลากินข้าว แม่มักจะแบ่งข้าวมาให้เพิ่มพร้อมพูดว่า “ลูกต้องกินข้าวเยอะ ๆ นะ ส่วนแม่ไม่ค่อยหิว” นี่เป็นครั้งแรกที่แม่โกหก พอโตขึ้นแม่พยายามหาอาหารที่มีประโยชน์มาให้กิน ในขณะที่เรากินแกงต้มปลา แม่จะนั่งข้าง ๆ แทะกินเศษเนื้อปลาที่ติดอยู่ตามก้างปลา แม้เราได้พยายามแบ่งเนื้อปลาให้แม่ แต่แม่ปฏิเสธพร้อมบอกว่า “ลูกกินเถอะ แม่ไม่ค่อยชอบกินเนื้อปลา” นี่เป็นครั้งที่ ๒ ที่แม่โกหก
เมื่อเรียนอยู่ชั้นมัธยม เราต้องใช้เงินเพิ่มมากขึ้น แม่หารายได้พิเศษด้วยการรับงานจากโรงงานมาทำที่บ้าน ตี ๑ ตี ๒ “แม่นอนเถอะดึกมากแล้ว พรุ่งนี้แม่ต้องไปทำงานอีก” แม่ยิ้มและพูดว่า “ลูกนอนต่อเถอะ แม่ยังไม่เหนื่อย” ครั้งที่ ๓ แล้วที่แม่โกหก
ตอนใกล้จบชั้นมัธยม เป็นการสอบวันสุดท้าย แม่หยุดงานไปเป็นเพื่อน แม่รออยู่หลายชั่วโมง พอทำข้อสอบเสร็จ ก็รีบออกมาหาแม่ เห็นเหงื่อออกตามตัวแม่ แต่ท่านกลับรินน้ำเย็นที่เตรียมมาให้ดื่ม เมื่อบอกให้แม่ดื่มน้ำก่อน แม่พูดขึ้นว่า “ลูกดื่มเถอะ แม่ยังไม่กระหายน้ำ” นั่นเป็นครั้งที่ ๔ ที่แม่โกหก
หลังจากพ่อล้มป่วยและเสียชีวิต แม่ต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อหารายได้มาจุนเจือครอบครัว เพื่อนบ้านเห็นครอบครัวเราลำบากมาก ก็แนะนำให้แม่แต่งงานใหม่ แต่แม่ไม่เห็นด้วย แม่พูดว่า “แม่มีลูกอยู่ทั้งคน แม่ไม่ต้องการความรักอีก” แม่โกหกเป็นครั้งที่ ๕
แล้วในที่สุด เมื่อเราเรียนจบและมีงานทำ ความที่อยากให้แม่ได้พักผ่อนบ้างแต่แม่ไม่ยอม ทุกเช้าแม่จะออกไปตลาด เพื่อขายผักที่หามาได้เลี้ยงชีพ ทั้ง ๆ ที่ส่งเงินมาให้แม่ แต่แม่ไม่ยอมรับเงิน บางครั้งยังส่งเงินกลับคืนให้อีก แม่พูดกับผมว่า “แม่มีเงินพอใช้แล้ว ลูกควรเก็บเงินไว้สร้างฐานะ” แม่โกหกเป็นครั้งที่ ๖
เพื่ออนาคตที่ก้าวหน้า เราตัดสินใจเรียนต่อปริญญาโทด้วยทุนของมหาวิทยาลัยในอเมริกา เมื่อเรียนจบก็ได้งานทำที่นั่นและมีเงินเดือนค่อนข้างสูง เมื่อทำงานไปได้สักพักผมอยากให้แม่มาอยู่ด้วย แต่แม่บอกว่า “แม่ไม่คุ้นเคยกับชีวิตต่างแดน” ครั้งที่ ๗ แล้วซินะที่แม่โกหก
ในที่สุด แม่ก็ป่วยด้วยโรคมะเร็งและต้องเข้ารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาล เราลางานแล้วรีบบินกลับมาหาแม่ทันที แม่นอนพักฟื้นอยู่บนเตียง ดูผ่ายผอมและดูทรุดโทรมลงมาก แม่ดีใจที่เห็นเรา ท่านยิ้มด้วยความยากลำบาก เราโอบกอดแม่พร้อมกับร้องไห้ด้วยความสงสาร แม่พยายามปลอบเราด้วยเสียงที่แหบพร่าและสั่นเครือ
“ลูกรักของแม่ เห็น หน้าลูกแม่ไม่รู้สึกเจ็บแล้ว” นี่เป็นครั้งที่ ๘ ที่แม่โกหก และเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตของแม่ที่โกหก