หมอบ้านนอกไปนอก(9):เรียนรู้เพื่องาน


คนที่เอาชนะอุปสรรคได้ด้วยการดิ้นรนต่อสู้ ไม่งอมืองอเท้ายอมพ่ายแพ้ ย่อมได้ประสบการณ์ชีวิตที่โชกโชน เห็นมากรู้มาก หากรู้จักจำ เก็บเอาความเจ็บปวดและประสบการณ์นั้นมาใช้ เขาย่อมรู้เท่าทันคนมากขึ้น สักวันหนึ่งก็หาทางแก้ปัญหาได้

             การออกค่ายอาสาช่วยสอนให้รู้จักทำงานดีมาก งานในค่ายของโยธาก็มีการสร้างอาคารเรียน 1 หลัง ขุดบ่อน้ำตื้นให้โรงเรียน ฝ่ายสาธารณสุขก็มีการตรวจรักษา การตรวจพยาธิให้แก่ชาวบ้าน ฝ่ายศึกษาก็มีกิจกรรมเสริมความรู้สำหรับเด็ก ส่วนสร้างเสริมสัมพันธ์จะเป็นกิจกรรมสร้างสัมพันธ์ที่ดีของชาวค่ายและชาวบ้าน มีการจัดให้ชาวค่ายได้ตามชาวบ้านไปทำงานในไร่นาของเขา แบ่งกลุ่มๆละ 5-6 คนไปกินนอนที่บ้านชาวบ้านโดยนำเครื่องนอนและอาหารไปทำกินกับชาวบ้าน เป็นการเรียนรู้ชีวิตความเป็นอยู่อย่างใกล้ชิด  กิจกรรมที่ถือเป็นไฮไลต์เพราะต้องใช้ฝีมือมากหน่อยก็คือการให้ชาวบ้านกระเหรี่ยงซึ่งขี้อายนำอุจจาระมาให้ตรวจได้ซึ่งทำได้ถึง 80-90 % ของชาวบ้าน

                        การออกค่ายอาสาเป็นการออกจากความสะดวกสบายในชีวิตในเมืองไปสู่ความลำบากในชนบท ชาวค่ายจึงมีความใกล้ชิดผูกพันกันเพราะต้องทำงานร่วมกัน กินนอนด้วยกัน ช่วยเหลือแบ่งปันกันดี จึงมีโอกาสเกิดตำนานรักชาวค่ายขึ้นมาได้ เพราะความประทับใจที่มีต่อกัน ได้เห็นความรู้ความสามารถในการทำงาน ในการแก้ปัญหาของกันและกัน แต่ขณะอยู่ในค่ายเราจะมีกฎข้อบังคับชัดเจนและจะมีหัวหน้ากลุ่มที่เป็นทีมงานของชมรมเป็นพี่เลี้ยงอยู่  ปัญหาเรื่องดื่มเหล้าหรือปัญหาล่วงละเมิดทางเพศจึงไม่มีโอกาสเกิดขึ้น

                       การทำกิจกรรมค่ายอาสา พอช. จึงเป็นการฝึกทำงานเป็นทีมสหสาขาวิชาชีพตั้งแต่เป็นนักศึกษา เป็นการจำลองชีวิตการทำงานจริงในพื้นที่ชนบท เหมือนกับการทำงานในโรงพยาบาลชุมชน เป็นการเตรียมความพร้อมให้กับทีมงานด้านสาธารณสุขที่จะมาทำงานเป็นแพทย์หรือเภสัชหรือพยาบาลหรือเทคนิคการแพทย์หรือทันตแพทย์ชนบทเพื่อการมีสุขภาพดีของคนในชนบทหรือRural Health ซึ่งทางคณะแพทยศาสตร์แต่ละแห่งน่าจะนำไปใช้ปรับเปลี่ยนเป็นวิชาๆหนึ่งในหลักสูตรการเรียนโดยเฉพาะคณะแพทย์ เพื่อเตรียมนักศึกษาแพทย์ให้เป็นแพทย์ชนบท (Rural doctors) ต่อไป

                       พอจบไปทำงานก็ได้ใช้ประสบการณ์เหล่านี้ช่วยได้มาก พร้อมกับเรียนรู้เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่องเพื่อการทำงานในหน้าที่ที่รับผิดชอบ จะเห็นได้ชัดเมื่อมาทำงานที่บ้านตาก ซึ่งอาจเกิดจากการที่เราสั่งสมประสบการณ์มานานพอควรแล้ว ทั้งจากตำรา ครูอาจารย์ และจากการทำงานจริง จึงทำให้งานประสบความสำเร็จได้มากขึ้น

                       ตอนอยู่ที่โรงพยาบาลบ้านตาก ก็ได้มีการกำหนดทิศทางการทำงาน เป็นวิสัยทัศน์ด้วยคำพูดง่ายๆว่าโรงพยาบาลบ้านตาก   สะอาดและสวย ดีพร้อมด้วยการบริการ พนักงานสามัคคี       เป็นโรงพยาบาลที่ดีของชุมชน กำหนดพันธกิจของโรงพยาบาลบ้านตาก ร่วมกันว่า เราให้บริการสุขภาพแบบผสมผสานและองค์รวมเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของชุมชน  มีปรัชญาของโรงพยาบาลบ้านตากคือโรงพยาบาลชุมชน   เพื่อชุมชน  เพื่อสุขภาพดี

                      ในตอนแรก ปีแรก ผมได้กำหนดเป็นโยบายหลักในการทำงานของโรงพยาบาลบ้านตากเพื่อให้การพัฒนาโรงพยาบาลบ้านตากเป็นไปด้วยดี โดยยึดถือแนวปฏิบัติดังนี้ โรงพยาบาลบ้านตาก   สะอาดและสวย ดีพร้อมด้วยการบริการ พนักงานสามัคคี   เป็นโรงพยาบาลที่ดีของชุมชน หรือ หลัก 4 C “CLEAN, CARE , COOPERATION , COMMUNITY”ซึ่งมีความหมายเพื่อให้เจ้าหน้าที่ทุกคนได้ปฏิบัติ ดังนี้
  1. เน้นการพัฒนาด้านอาคารสถานที่และสิ่งแวดล้อมให้สะอาด สวยงาม ปลอดภัยถูกสุขลักษณะ โดยใช้หลักกิจกรรม 5 . อาชีวอนามัยและอนามัยสิ่งแวดล้อมรวมทั้งกิจกรรมการป้องกันและควบคุมการ   ติดเชื้อในโรงพยาบาล
  2. เน้นการบริการที่มีคุณภาพ มีมาตรฐานและครบวงจรทั้งด้านการส่งเสริมสุขภาพ การควบคุมและป้องกันโรค  การรักษาและการฟื้นฟูสภาพ รวมทั้งพัฒนาการบริการการแพทย์แผนไทยและสร้างพฤติกรรมการบริการที่ดีเพื่อสร้างความประทับใจแก่ผู้มารับบริการ
  3. เน้นการทำงานเป็นทีม เจ้าหน้าที่มีความรัก ความสามัคคีเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อกัน  รวมทั้งมีการบริหารงานที่โปร่งใส ตรวจสอบได้และบริหารงานบุคคลโดยยึดระบบคุณธรรม
  4. เน้นการเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน การมีส่วนร่วมต่อกิจกรรมด้านต่างๆของชุมชน โดยเฉพาะด้านที่จะช่วยพัฒนาและส่งเสริมสุขภาพอนามัยของประชาชนและชุมชน

ผลจากการทำงานร่วมกันเป็นทีมอย่างต่อเนื่อง ภายใต้การบริหารจัดการที่อาศัยทั้งศาสตร์และศิลปะ ส่งผลให้ได้รับรางวัลแห่งความสำเร็จของการพัฒนาโรงพยาบาลบ้านตาก หลายประการคือ

  1. โรงพยาบาลบ้านตากได้รับการประเมินระดับทอง เป็นโรงพยาบาลน่าอยู่น่าทำงานตามโครงการHealthy workplace ตั้งแต่ปี 2546-ปัจจุบัน (ติดต่อกัน 5 ปีซ้อน จนได้รับโล่ต่อเนื่อง)
  2. ได้รางวัลผลงานด้านสุขภาพจิตดีเด่นระดับเขต 8 และได้โล่รางวัลการบริการสุขภาพจิตระดับดีของประเทศ จากกรมสุขภาพจิต ปี 2546
  3. ผ่านการประเมินและรับรองคุณภาพโรงพยาบาลตามแนวทางHospital Accreditationของสถาบันพัฒนาและรับรองคุณภาพโรงพยาบาล ปี 2547
  4. ผ่านการประเมินโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ(HPH-Healthy Thailand)จากรมอนามัยตามโครงการ Healthy Thailand ปี 2547และHPH-Accreditedจากทีมประเมินร่วมของกรมอนามัยและสถาบันพัฒนาและรับรองคุณภาพโรงพยาบาล ปี 2547
  5. ได้รับโล่รางวัลคณะผู้ปฏิบัติงานดีเด่นในโรงพยาบาลชุมชนประจำปี 2547 โดยมูลนิธิแพทย์ชนบท
  6. ผ่านการประเมินมาตรฐานศูนย์บำบัดยาเสพติดจากสถาบันธัญญาลักษณ์และสถาบันพัฒนาและรับรองคุณภาพโรงพยาบาล ปี 2548
  7. ได้รับการยกย่องจากสถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคมให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ ปี 2548
  8. ได้รับรางวัล Top five รางวัล Thailand 5 S Award ครั้งที่ 4 ของสมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี(ไทย-ญี่ปุ่น) ปี 2548
  9. ผ่านการประเมินคุณภาพโรงพยาบาลต่อเนื่อง (Reaccreditation) ตามมาตรฐานใหม่ทั้ง HA& HPH จากสถาบันพัฒนาและรับรองคุณภาพโรงพยาบาล เมื่อปี 2549
  10. ได้รับการคัดเลือกให้เป็นหน่วยงานภาครัฐต้นแบบด้านการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ วัฒนธรรมและค่านิยมในการทำงานจากสถาบันส่งเสริมกิจการบ้านเมืองที่ดี ปี 2550
  11. ผ่านการประเมินมาตรฐานระบบบริหารจัดการด้านคุณภาพชีวิตของคนทำงานในสถานประกอบการ(QWL) ของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ปี 2550

                        ตอนที่ทำงานที่โรงพยาบาลแม่พริก เราก็ได้รับรางวัลแห่งความสำเร็จของการพัฒนาโรงพยาบาลแม่พริกคือโรงพยาบาลแม่พริก ได้รับโล่รางวัลชนะเลิศโรงพยาบาลชุมชนดีเด่น จังหวัดลำปาง 3 ปีซ้อน ปีงบประมาณ 2537-2539 และ คปสอ.แม่พริกได้รับโล่รางวัลชนะเลิศ คปสอ.ดีเด่น จังหวัดลำปาง 3 ปีซ้อน ปี 2537-2539

                        ในชีวิตคนเราย่อมมีทั้งสมหวังและผิดหวัง มีทั้งสุขและทุกข์ มีทั้งร่าเริงและเศร้าสร้อย มีชนะและพ่ายแพ้ มีมุ่งมั่นและท้อถอย ทั้งในการเรียนและการทำงาน ผมเองก็เช่นกันเจอมาทุกรสชาติของชีวิต นอกจากกำลังใจจากคนในครอบครัวแล้ว สิ่งสำคัญคือเราต้องรู้จักเติมกำลังใจให้ตัวเอง วิธีของผมก็คือสิ่งดีๆที่ได้จากการอ่านหนังสือ โดยเฉพาะบทกลอน คำประพันธ์ ข้อคิดดำคมต่างๆที่อ่านแล้วทำให้ใจฮึกเหิมมีพลังที่จะฝ่าฟันกับอุปสรรคขึ้นมาได้

                        ผมจะจดไว้ในสมุดบันทึกแต่เสียดายที่ไม่ได้จดที่มาหรือผู้เขียนไว้ มีอยู่หลายข้อความ เช่น

คนที่ล้มแล้วไม่ยอมลุกขึ้นคือคนที่ตายแล้ว

คนที่เอาชนะอุปสรรคได้ด้วยการดิ้นรนต่อสู้ ไม่งอมืองอเท้ายอมพ่ายแพ้ ย่อมได้ประสบการณ์ชีวิตที่โชกโชน เห็นมากรู้มาก หากรู้จักจำ  เก็บเอาความเจ็บปวดและประสบการณ์นั้นมาใช้ เขาย่อมรู้เท่าทันคนมากขึ้น สักวันหนึ่งก็หาทางแก้ปัญหาได้

ชีวิตมนุษย์จำเป็นต้องเรียนรู้ ต้องลองดูและต้องทำ ในโลกนี้ไม่มีคนเก่งที่มาจากนั่งงอมืองอเท้า หากมาจากคนกล้าทำ กล้าคิด กล้าทดลองและกล้าต่อสู้อย่างมีสติสัมปชัญญะ

ความเด็ดเดี่ยวของจิตใจ เป็นเครื่องมือเพียงหนึ่งเดียวที่มนุษย์ใช้พิชิตความลำบากยากเข็ญและภัยอันตรายทั้งปวง

ในโลกแห่งความจริง มีเรื่องราวที่คาดคิดไม่ถึงอยู่มากมาย ควรเตรียมใจพร้อมรับเรื่องที่คาดไม่ถึงไว้ด้วย

“การทำงานหนักคือดอกไม้ของชีวิต” เป็นต้น

               ยังมีอีกมากมายที่ผมได้รวบรวมไว้และได้ใช้ประโยชน์ในการทำงาน บันทึกนี้ยาวมาก จนต้องแบ่งออกเป็นสองตอน ต้องรีบไปทำการบ้านส่งครู ยังไม่ได้เริ่มทำเลย มัวแต่โอ้เอ้อยุ๋กับการเขียนบันทึกอยู่ ขอจบแค่นี้ก่อนนะครับ 

พิเชฐ  บัญญัติ

 

บ้านพัก Verbond straat 52

Antwerp, Belgium

  19.00 น. (24.00 น. เมืองไทย)16 กันยายน 2550
หมายเลขบันทึก: 129127เขียนเมื่อ 17 กันยายน 2007 23:58 น. ()แก้ไขเมื่อ 9 มิถุนายน 2012 12:26 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

สวัสดีครับอาจารย์

  เข้ามาเติมเต็มกำลังใจจากบันทึกดีๆครับ

  ด้วยความเคารพครับ...

สวัสดียามดึกครับ คุณสุพัฒน์ ที่ปายเป็นอย่างไรบ้าง ฝนตกหนักหรือเปล่าครับ ฝากแรงใจจากคนไกลมาให้ชาวโรงพยาบาลปายด้วยครับ

สวัสดีพิเชฐ ได้อ่านบันทึกของเธอผ่านthai clinic.comแล้วถึงรู้ว่าเธอเริ่มแก่แล้วจริงๆ(แซวเล่นนะ)แต่ต้องขอชมจากใจจริงว่าเธอถ่ายทอดประสบการณ์ทั้งหมดได้อย่างเห็นภาพ ยิ่งสมัยมช. พอช.(เราเป็นคนหนึ่งที่นั่งตรวจstoolให้ชาวเขาแล้วรู้ว่าคนที่มีparasite infestration จะมากันเป็นสวนสัตว์ ไม่ใช่มาตัวสองตัวอย่างที่อาจารย์ตั้งกล้องdemonstrateหรอก)จะรออ่านต่อไปนะ

สวัสดีปุ๋ย

            เป็นไงบ้าง สบายดีนะ ฝากความคิดถึงคุณผู้ชายและเด็กๆด้วย ปีนี้ถ้านัดmeeting ก่อนกรกฎาคม 2551 เราไม่ได้ไปร่วมนะ ปีนี้ทางคณะแพทย์น่าจะจัดงาน 50 ปีแพทย์เชียงใหม่ด้วย

            ถ้าเจอเพื่อนๆเราก็ฝากความคิดถึงให้ด้วย ติดต่อกันได้ทางอีเมล์ที่เคยให้ไว้ครับ

สวัสดีค่ะ

 เข้ามาเติมกำลังใจให้ตัวเอง และขอผลสะท้อนจากที่ได้รับนี้  กลับไปหาคุณหมอ ร้อยเท่า ทวีคูณค่ะ

“การทำงานหนักคือดอกไม้ของชีวิต”

ขอบคุณครับ ทำงานหนักแล้วต้องรุ้จักดูแลตัวเองด้วยนะ สุขภาพของเราก็สำคัญเพือเก็บไว้สู้งานหนัก

เมื่อวานปุ๋ยโทรมาบอกให้ติดตามอ่านข่าวคราวของเธอ อย่าลืมรวมเล่มล่ะ ในนั้นต้องมีรูปหมู่พวกเราด้วยนะ  ตอนแรกว่าจะมาส่งที่สนามบิน แต่จำวันผิด โทรไปอีกไปโผล่อยู่เบลเยี่ยมแล้ว แม่เอ้ แคน ขิม ขลุ่ย จะตามไปทีหลังเหรอ ความเหงาเป็นยังไงบ้างล่ะ ความจำเธอดีมากเลยนะ นึกเห็นภาพสมัยขับขี่มอเตอร์ไซค์ไปSURVEY ขึ้นเขาลงห้วย ถ้าแม่รู้สงสัยไม่ให้ไปแน่เลย แต่ก็รอดมาได้อย่างปลอดภัย อาหารอะไรเอ่ยที่เป็นเมนูหลักของชาวค่าย  เพลงอะไรนะที่เราหัดร้องจากเด็กๆที่เตียนอาง "   ....จะอยู่แดนใด ไม่เหมือนอยู่บ้านเรา จะสุขจะโศกเศร้าบ้านเรานี้ก็สบาย บ้านเราไม่โตนัก ความรักไม่เสื่อมคลาย ขออยู่และขอตายที่บ้านเกิดเตียนอาง... "

                                    แล้วเจอกันนะ

สวัสดีตุ๊ก

          ดีใจมากที่เข้ามาร่วมแจม เราอาจลืมอะไรๆดีๆของชีวิตชาวค่ายของพวกเราไปบ้าง อยากใหเมาช่วยกันเติม อย่างเพลงๆนี้ เราก็ร่วมร้องกับเด็กๆในหมู่บ้านกันบ่อยๆ ป่านนี้เด็กๆเขาคงโตเป็นหนุ่มเป็นสาวกันหมดแล้ว ครูใหญ่ก็อาจจะเกษียณไปแล้วก็ได้

         ถ้าพวกเราได้เข้ามาเล่า มาร่วมเติมแต่งน่าจะสมบูรณ์ขึ้นมาก เล่าคนเดียวก็เห็นเพียงบางมุม จำได้เพียงบางตอนเท่านั้น

        ตอนที่โหดที่สุดก็ตอนเข้าไปเตรียมค่ายก่อนค่ายแรกไปกัน 7-8 คน ต้องช่วยกันขุดหลุม หล่อเสาอาคาร ทำกับครูและช่างที่ขอมาช่วย 1 คน เหนื่อยมาก หัวถึงหมอนก็หลับเลย กลับมาอีกทีเขาปฏิวัติกันไปแล้ว

        ฝากความคิดถึงให้น้องแคน น้องคิวและคุณพ่อด้วยนะ 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท