จากการนั่งรถเล่น พร้อมกล้องดิจิตัลคอมแพคคู่ใจ ผมถ่ายภาพสีสันของการแต่งกายของสตรีอินเดีย ซึ่งต้องถือว่ายังรักษาความเป็นเอกลักษณ์ของชาติไว้ได้อย่างน่าชมเชย
ภาพแรกเป็นภาพที่ผมชอบมาก สีสันของผ้าของสตรีที่ยืนหันหลังนั้นสวยงามมาก สำหรับคนที่นั่งและทอดสายตา ก็สะท้อนอะไรบางอย่างลองบรรยายกันเองนะครับ
อีกภาพหนึ่ง ก็น่าดูไม่แพ้กัน เรียกว่ามีแม่สีครบถ้วน
ทำให้ผมอดนึกฝันไม่ได้ว่า ถ้าหากประเทศไทยหรือชื่อเดิมว่า สยาม จะมีคนที่รักษาวัฒนธรรมไทย การแต่งกายอยู่บ้าง เราคงได้เห็นผ้าถุง ผ้าสะไบ ผ้าไหมสวยๆ มาเดินตามที่สาธารณะแบบที่ผมเห็นในเดลีเป็นแน่
นับเป็นความแข็งแรงของวัฒนธรรมฮินดูที่เห็นชัดว่าสามารถต้านกระแสอารยะธรรมจากนอกประเทศได้เป็นอย่างดี
นะมัสเต้ครับ
ภาพสุดท้ายของชุดนี้
ยังคงน่าดูด้วยสีสันที่นิ่มนวลและเรียบๆ ครับ.......โอกาสหน้าจะนำภาพวิถีชีวิตที่เดลีมาฝากอีกครับ
ด้วยความปรารถนาดี
.........ดูแล้วสวยงาม เพราะช่างภาพฝีมือเยี่ยม ทุกสีจะสดใสเสมอ ถ้า
สีนี่หรือ อยู่ที่ใจ จะให้สี
เขียวขจี ม่วงแสดแดง เหลืองขาวหลอม
น้ำเงินส้ม ฟ้าชมพู ดูพยอม
....แต่...
สีทั้งผอง พอใส่ดำ ก็คล้ำพลัน
จักรวาลนี้ มีสีได้ ก็เพราะแสง
หากสิ้นแสง ก็สิ้นแรง แห่งสีสัน
แต่แสงหนึ่ง ถึงสุดทาง ห่างทุกข์พลัน
สว่างนั้นหรือ คือปัญญา พานิพพาน
13 กันยาน 2550
ภาพจะดีเพราะมีแสงสีช่วย
มนุษย์ด้วยจะได้ดีมีครูสอน
ถึงแสงลับดับไปไม่อาทร
ครูยังสอนให้เช่นนี้ ได้ดีเอย....
13 กันยายน 2550
จากใจโยคีน้อย
เป็นสีสันกับชีวิตจริงๆนะคะ ชอบมากๆ เห็นการแต่งกายประจำชาติของอินเดียแล้วก็นึกอย่างเดียวกันค่ะว่าอยากเห็นคนไทยแต่งกายแนวไทย ซึ่งก็มีหลากหลายให้เลือก น่าภูมิใจออกนะคะในชุดประจำชาติ เพราะเป็นการแสดงถึงอัจฉริยภาพของมนุษย์ที่หาความเป็นตัวเองพบและภูมิใจในการปรากฏกายให้เห็นว่าเป็นคนชาติใด มาจากถิ่นใด ความหลากหลายเป็นความงาม
ตัวเองนุ่งห่มไทยทุกวัน ไม่ว่าอยู่บ้านหรือไปข้างนอก จะใส่เสื้อผ้าสมัยใหม่บ้างคือช่วงไปต่างประเทศ แต่ก็ไม่ลืมที่จะใช้ผ้าคลุมไหล่ผืนโต ผ้าย้อมคราม ทุกครั้งที่เหมาะสม มันช่วยไม่ได้ที่จะภูมิใจกับวัฒนธรรมของชาติเราค่ะ
ชุดส่าหรีแม้จะดูว่าใช้ผ้ามาก แต่ไม่มีล้าสมัย ใช้ได้จนผ้าขาด ไม่เหมือนเสื้อผ้าสมัยใหม่ที่ไม่ทันข้ามปีก็ตกแฟชั่นแล้ว เหมาะสมกับอากาศด้วย คลุมศีรษะกันแดด หรือเข้าวิหารได้ทันที จะเวอร์ชั่นเก๋ หรือเวอร์ชั่นเรียบร้อย ทำได้ทันทีในชุดเดียว
เพื่อนเนปาลเคยสอนให้นุ่งส่าหรี ชอบมากค่ะเพราะนุ่งแล้วสง่างามและเป็นผู้หญิงมากๆ ไม่ทราบว่าการนุ่งส่าหรีของสองชาตินี้และบังคลาเทศเหมือนหรือแตกต่างกันตรงไหนคะ
ของไทยตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว จะเชิญชวนให้ข้าราชการใส่ผ้าไทยมาทำงาน ซึ่งก็ได้ผลนะคะ ส่วนราชการต่างๆก็จะกำหนดวันให้ใส่ผ้าไทยหรือใครจะใส่ทุกวันก็ได้คณะรัฐมนตรทำตัวเป็นต้นแบบดูได้โดยเฉพาะวันอังคารมีการประชุมคณะรัฐมนตรีเราจะเห็นในโทรทัศน์รัฐมนตรีจะไม่ใส่สูท ผูกไท แต่จะใส่เสื้อผ้าไทยมา ดูสวยงาม เป็นไทยดี มารัฐบาลนี้ ก็เห็นมีกระทรวงวัฒนธรรมรณรงค์นะคะ แต่ก็จะมีใส่ไม่มากเหมือนกับรัฐบาลก่อน รัฐมนตรีจะเน้นเสื้อเชิ้ต ใส่สูท ผูกไทมากกว่า แต่ข้าราชการเท่าที่เห็นก็ยังคงผ้าไทยอยู่นะคะ บางกระทรวงที่ไม่ใช่กระทรวงวัฒนธรรมนะคะข้าราชการหญิงจะใส่เป็นชุดไทยเสื้อแขนกระบอกยาว ผ้าซิ่นยาวเลยค่ะ ดูน่าชื่นชมจริงๆ
วันหลังขอภาพห้างสรรพสินค้าในเดลลีมาให้ดูบ้างนะคะ
มีเพื่อนคนไทยทำงานอยู่อินเดีย ทุกปีจะส่งลูกน้องซึ่งเป็นคนอินเดียมาอบรมในไทยค่ะ สลับกันมา ปีละหลายรอบ บางคนปีหนึ่งมาสองครั้งด้วยซ้ำ เขาเหล่านั้นติดใจเมืองไทยมากเลยค่ะ แทบจะแย่งกันมา เขาบอกเมืองไทยรถเยอะ แต่ไม่มีการจราจรติดขัดเหมือนบ้านเขา เมืองไทยเงียบสงบ สวยงาม ที่เที่ยวเยอะ ห้างสรรพสินค้าก็เยอะ ของก็ราคาถูก จะซื้อกลับอินเดียหลายอย่างไม่ว่า กล้องถ่ายรูป เอ็มพี3 ซีดี เสื้อผ้า แถมยังซื้อไปฝากเพื่อนๆด้วยค่ะ
หรือเวลาเพื่อนดิฉันกลับมาเยี่ยมบ้าน เขาเหล่านั้นก็จะฝากซื้อของมากมายเลยค่ะ รองเท้ากีฬา เสื้อผ้า สบู่อาบน้ำยี่ห้อโดฟนี่คนอินเดียนิยมมากเลยนะคะ เขาว่าของไทยยถูกกว่าที่อินเดียค่ะ
อินเดียมีเศรษฐกิจที่เติบโตสูงมาหลายปีแล้วครับ ของนำเข้าจากนอกจะราคาสูงทั้งนั้น และในขณะเดียวกันเริ่มจะมีห้างสรรพสินค้าเกิดขึ้นราวกับดอกเห็ด ก็ยิ่งทำให้ของนอกเป็นที่นิยม
ภาพห้างสรรพสินค้าจะนำมาให้ดูในโอกาสต่อไปครับ
เห็นความเข้มแข็งทางวัฒนธรรมของเค้าแล้วย้อยมองบ้านเราแค่นุ่งผ้าถุงเดินหน้าบ้านยังโดนว่าแต่งกายไม่สุภาพแล้ว อยากให้วัฒนธรรมของเราแข็งแกร่งบ้างจังค่ะ