ความยากจนของเกษตรกร (๑๑): การเดินทางเข้าค่ายกล “โง่-จน-เจ็บ”


คนที่พยายามจะเอาเปรียบคนอื่น (ที่น่าจะเป็นคน “โง่” ที่คิดแบบนี้ แต่กลับคิดว่าตัวเองฉลาด)จะต้องพยายามทำให้คนอื่น “โง่” กว่าตน จึงจะได้ผล ยิ่งทำให้เกิดวงจรความ “โง่” ขยายแบบ ทวีคูณ จนแทบหาจุดจบไม่ได้
 

เมื่อวาน (๑๐ กย ๕๐) ผมได้รับคำขอให้เขียนประเด็น การปรับเปลี่ยนความคิด เข้าสู่ระบบการพึ่งตนเอง ก็เลยก้าวข้ามประเด็นอุปสรรคในการพัฒนาไปเรื่องหนึ่ง

  

ในเรื่องค่ายกล โง่-จน-เจ็บ

ที่อาจารย์ขจิต ฝอยทอง เซียนบล็อกกามนิตหนุ่ม เข้ามาสะกิดผมไว้ในวันก่อน

  ค่ายกลนี้มีความหมายหลากหลายมากมาย กว่าที่เราจะคิดถึงได้หมดในทันที เพราะ มีทั้งในเชิง

·        วิถีชีวิต

·        เศรษฐกิจ

·        สุขภาพ

·        การศึกษา

·        สังคม

·        ทรัพยากร

·        สิ่งแวดล้อม

·        ฯลฯ  

 

แค่คำว่า โง่ ที่แต่ละคนที่พูดมา ก็มีมุมมองที่อาจต่างกัน เช่น 

·        โง่(ไม่รู้) เลยต้องเสียค่าโง่ (ทำแล้วพลาด สูญเปล่า หรือ เสียค่าปรับ หรือ เสียหายในรูปแบบต่างๆ)

·        โง่ (ไม่มีการศึกษา) อ่านหนังสือไม่ออก เลยถูกหลอกต้ม ตุ๋นสารพัดเรื่อง

·        โง่ (ไม่รู้กฎหมาย) เลยถูกจับ หรือ ทำผิดกฎหมายโดยไม่รู้ตัว

·        โง่ (ขาดความรู้ในเชิงวิชาการ) เลยพัฒนาที่สอดคล้องกับหลักทางวิชาการ หรือหลักการทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้

·        โง่ (ไม่รู้เท่าทันคน) ก็เลยถูกหลอก สารพัดวิธี

·        โง่ (ประมาท) ก็เลยดำเนินชีวิตผิดพลาด

·        โง่ (อวิชชา) เลยไม่ทราบว่าการดำรงชีวิตอย่างไร จะดีที่สุด

·        ฯลฯ  

 

เห็นไหมครับ แค่ โง่ คำเดียวนี้กินความหมายกว้างไกล เกินกว่าที่จะพูดกันเล่นๆ ง่ายๆ แล้วก็มาพูดว่า แก้โง่โดยการ....????? 

 เพราะ โง่มันมากมายเกินกว่าจะแก้ได้ง่ายๆ เพียงวิธีเดียว ครั้งเดียว หรือ เรื่องเดียว   

แต่ โง่ แบบหนึ่งๆนั้น กลับจะขยายผลนำไปสู่ความ โง่ในเรื่องอื่นๆ ได้อีกมากมาย

โดยเฉพาะ การโง่แบบ อวิชชา ที่สามารถขยายผลได้เร็ว และกว้างไกล สู่ การ จน และการ เจ็บ ได้อีก 

 เป็นร้อยยกกำลังร้อย เรื่อง (ลองคำนวณดูเองก็ได้ว่า น่าจะได้กี่เรื่อง)  

ดังนั้นความ จน จึงไม่น้อยหน้าความ โง่ เหมือนกัน ที่สามารถแจกแจงออกได้เป็น

·        จนทรัพยากร

·        จนความคิด

·        จนเพื่อน

·        จนเงิน

·        จนความรู้

·        ฯลฯ

·        และที่สำคัญที่สุด จนปัญญา ที่เป็นที่มาและที่จบของความ จน ทุกอย่าง  

 

ที่นำไปสู่ความ เจ็บ ในด้านต่างๆ เช่น

·        เจ็บกาย

·        เจ็บใจ

·        เจ็บทางความคิด

·        เจ็บด้านความรู้ และภูมิปัญญา

·        เจ็บทางระบบสังคมและวัฒนธรรม

·        เจ็บทางระบบเศรษฐกิจ

·        เจ็บทางระบบทรัพยากรสารพัดด้าน

·        เจ็บทางด้านสิ่งแวดล้อม

·        ฯลฯ  

 

ที่ทำให้เราก้าวเดินต่อไปไม่ได้ ต้องหันกลับมารักษา แผล ที่ทำให้เรา เจ็บ   

ที่พอ เจ็บ แล้วก็ทำให้เรา เดิน ไม่สะดวก ไปไหน ยาก

ที่จะทำให้เราวนกลับไปสู่ความ จน และ ความ โง่ อีกไม่รู้กี่เรื่อง  

และที่สำคัญ   

คนที่พยายามจะเอาเปรียบคนอื่น (ที่น่าจะเป็นคน โง่ ที่คิดแบบนี้ แต่กลับคิดว่าตัวเองฉลาด)  

จะต้องพยายามทำให้คนอื่น โง่ กว่าตน จึงจะได้ผล  

 ยิ่งทำให้เกิดวงจรความ โง่ขยายตัวแบบทวีคูณ จนแทบหาจุดจบได้ยาก

  แล้วเกษตรกร คนด้อยโอกาส และ คนที่ขาด การศึกษา ที่ไหน จะรอดค่ายกลนี้ไปได้ครับ   

  • จึงไม่น่าแปลกใจที่คนหลายคน กำลังวิ่งวนอยู่ในค่ายกลนี้
  • คิดว่า หรือพยายามจะทำให้คนอื่น โง่ กว่าตน
  •  แล้วใช้โอกาสนี้ ยืน อยู่บนคน โง่ กว่า
  • แล้วก็คิดว่าตัวเองจะออกจากค่ายกลนี้ได้  

อาจเป็นไปได้ในบางกรณีครับ

 แต่ก็ไม่น่าจะจริงเสมอไป   

เขาอาจจะออกจากวงจร "โง่" หนึ่ง ไปสู่วงจรความ โง่ อีกวงหนึ่ง ก็ได้ครับ  

เพราะ

 

·        ค่ายกลนี้ ไม่ได้มีวงเดียว

 

·        มีทั้งวงเล็ก วงใหญ่ซ้อนกันไม่รู้ต่อกี่เรื่อง กี่ชั้น

 ·        คงเป็นเช่นเขาวงกต กระมังครับ 

ดังนั้น ผมจึงมองเห็นทางออกไม่มากนัก ตอนนี้ผมคิดได้แค่   

การตัดตัว ออกจาก อวิชชา จึงน่าจะเป็นทางรอดที่แท้จริงของทุกคนร่วมกัน โดยทุกคน ให้เกิด ปัญญา ในการพัฒนาเพื่อทุกคนครับ   

แล้วเราอาจจะค่อยๆประคองตัว พากันถอยออกมาจากค่ายกล วงจรอุบาทว์นี้ ทีละน้อยๆๆๆ

 จนหลุดพ้น ตามคำสอนของท่านพระพุทธเจ้า ครับ  

ท่านคิดว่าอย่างไรครับ

หมายเลขบันทึก: 126991เขียนเมื่อ 11 กันยายน 2007 08:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 22:44 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)
  • สวัสดีครับ
  • กรณีตัวอย่างที่ผมนึกออก คือเรื่องมะเร็ง
  • หลายปีที่ผ่านมา สถิติมะเร็ง แซงโรคอื่นขึ้นมา จนถึงขนาดว่า มีการเปิดโรงพยาบาลเอกชนรักษามะเร็ง และการบำบัดมะเร็ง ถือเป็นมาตรฐานข้อหนึ่งของโรงพยาบาลคุณภาพ
  • แต่ทำไมมะเร็งเพิ่มพรวดปุบปับ ?
  • ผมตั้งข้อสงสัยว่า อาจจะเกี่ยวกับการเกษตรบ้านเรา ที่ใช้สารเคมีกันดุเดือด เป็นสาเหตุหลัก ?
  • ใช้สารเคมีดุเดือด มีต้นทุนคือ สุขภาพคนอื่น ช่างมัน ?
  • ไม่แน่นัก...
  • ...จำได้ว่า ท่านอาจารย์เคยพูดถึงกรณีที่เกษตรกรทำนาหลังใช้ยาฆ่าหญ้า แล้วคนทำตายเอง (จำชื่อกระทู้ไม่ได้ หามาทำ link ไม่เจอครับ)
  • ...เคยผ่านตาว่า มีผู้ทำวิจัย พบว่า ยิ่งใช้สารเคมีมาก ยิ่งจนมาก

(ีรายการสุดท้าย เป็นบทความจาก post today ขอยกมาลงไว้ที่นี่ซ้ำ

บทความดังกล่าว เขียนโดย ดร. ลีลาภรณ์ บัวสาย  ในคอลัมน์ พลังปัญญา พูดถึงเรื่อง เคมีกับปัญหาความยากจน

ขอสรุปย่อไว้สั้น ๆ ดังนี้

จากข้อมูลวิจัยค่าใช้จ่ายเพื่อการประกอบอาชีพ และด้านการเกษตร/เลี้ยงสัตว์ มีข้อมูลว่า ค่าใช้จ่ายปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลงของครัวเรือน ข้อมุล 7 จังหวัด 2549 ตามจังหวัดต่าง ๆ คิดเป็นร้อยละเท่าไหร่ของค่าใช้จ่ายเพื่อการผลิต มีตัวเลขดังนี้

  • อุตรดิตถ์ 24.00 %
  • นครปฐม 27.41 %
  • นครพนม 14.68 %
  • กาฬสินธุิ์ 38.33 %
  • ยโสธร 13.31 %
  • อุบลราชธานี 35.74 %
  • ตรัง 29.92 %

และผู้วิจัยวิเคราะห์ค่าสหสัมพันธ์ระหว่าง ค่าใช้จ่ายสารเคมีเพื่อการเกษตร กับ ค่ารักษาพยาบาลของครัวเรือน พบว่า ค่าสหสัมพันธ์สูงมากถึง 0.93 (จำนวนครัวเรือน 146,429 ครัวเรือน) สะท้อนให้เห็นว่า ยิ่งใช้สารเคมีมาก ยิ่งมีการเจ็บป่วยมาก

  • นี่คงเป็นตัวอย่างว่า ทำร้ายคนอื่น ไม่เพียงคนอื่นถูกทำร้าย ตัวเองก็เช่นกัน

การตัดตัว ออกจาก อวิชชา จึงน่าจะเป็นทางรอดที่แท้จริงของทุกคนร่วมกัน โดยทุกคน ให้เกิด ปัญญา ในการพัฒนาเพื่อทุกคนครับ  

  • สวัสดีครับท่านอาจารย์
  • การตัดตัว ออกจาก อวิชชา ถูกต้องแน่นอนครับ  ซึ่งกองกำลังสำคัญที่จะเป็นทัพหน้าในการบดขยี้ตัว อ ตัวดังกล่าว ก็น่าจะเป็นภาคการศึกษาขั้นพื้นฐาน ป.1 - ม.6  โดยเฉพาะช่วงมัธยมศึกษา จะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุด (เด็กจะเป็นขาว เป็นดำ หรือเทา จะอยู่ในช่วงนี้)
  • แต่ที่ผ่านมา โดยเฉพาะในช่วงหลังๆมานี้ ผมกลับเห็นการศึกษากลายเป็นเครื่องมือฆ่าเด็ก ฆ่าแบบโหดๆซะด้วย กล่าวคือ เด็กต้องลงทุน ลงแรง ลงเวลา ในการแลกเอาองค์ความรู้(ในตำราที่บอกต่อกันมา)นิดๆหน่อยๆ มากกว่าเด็กในยุคสมัยเมื่อ 20-30 ปีที่แล้วหลายเท่า (เด็กบ้านนอกสมัยนั้นมีแค่ค่ารถไปกลับก็เรียนได้แล้ว  แต่สมัยนี้เด็กๆต้องจ่ายค่าอินเตอร์เน็ต ค่าถ่ายเอกสาร ค่ากระดาษทำรายงาน ค่าพิมพ์รายงาน ค่าจัดห้อง/จัดป้ายนิเทศ ค่าทำโครงงาน ค่ากิจกรรม  และค่าอื่นๆอีกบาน  ผมหลับตานึกแล้วโล่งใจ  ที่ตัวเองไม่ได้เป็นวัยรุ่นในยุคนี้  ไม่งั้นไม้ทราบว่าจะเรียนจบหรือเปล่า?
  • ก็เลยไม่แน่ใจว่า เราจะใช้การศึกษาเป็นเครื่องมือกำจัดตัว อ ได้ยังไง  เพราะทั้งระบบมีลักษณะเดียวกัน  มีเด็กถูกจริตกับการศึกษาในรูปแบบนี้ไม่กี่ % นอกนั้นเห็นเป็นยาเบื่อทั้งนั้น ส่วนหนึ่งจำใจเรียนให้จบ ม. 3 ม.6  แต่สุดท้ายก็เข้าโรงงาน  หลังจากนั้นก็ติดกับดักบัตรเครดิตอย่างที่ว่า
  • สวัสดีครับ

PP ตรับ

ผมซาบซึ้งในความจริงใจและจริงจังกับการแสดงข้อคิเห็นต่อประเด็นปัญหา

จากที่ผมสังเกตตัวเลขผู้อ่านงานผมในช่วงนี้มีมาก แต่คงไม่กล้าเสนอ เพราะเป็นเรื่องหนัก และต้องรู้จริงเท่านั้น

ปัญหา "อวิชชา" คงจะอยู่กับเราไปอีกนานแน่นอน เพราะเป็นแหล่งผลประโยชน์ทางธุรกิจของคนที่คิดว่าตัวเอง "ฉลาด"

คนเหล่านี้กำลังทำลายคนอื่นทางอ้อม เขาน่าจะได้รับกรรมนี่แน่นอน

ผมจะพยายามคิดดังๆ อย่างนี้ไปเรื่อยๆ และจะไมสรุป แต่เน้นการเปิดประเด็นให้คิดครับ

ขอบคุณอีกครั้งครับ

สวัสดีคะ อาจารย์ มีปัญหาที่ต้องการคำตอบ คำว่า "โง่ จน เจ็บ"

อาจารย์มีแนวคิดว่าน่าจะทำได้ไหม มีมุมมองของคำ 3 คำนี้อย่างไร

เพื่อเป็นความรู้ และวิทยาทาน คะ

ขอบคุณคะ

มีครับ

ทางโลกก็คือการจัดการความรู้ การศึกษา การวิจัยไงครับ

แต่ต้องเป็นความหมายเดิมนะครับ ความหมายใหม่ใช้ไม่ได้ครับ

ทางธรรมก็ใช้หลักอริยสัจ ๔

แต่คนโง่ มักคิดว่าตนฉลาด จึงแก้ยากครับ

สิ่งเหล่านี้ เป็นการรู้ด้วยตัวเอง คนอื่นบอกไม่ได้ครับ

เพราะตัวเองฉลาดแล้ว ใครก็บอกไม่ได้ครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท