ตลานัดเมตตา
ความเป็นมา
ภาวะความเจริญทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน มีผลกระทบต่อชุมชนและสังคมเป็นอย่างมากซึ่งทำให้เกิดช่องว่างระหว่างชนชั้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งรายได้ และฐานะความเป็นอยู่ เพียงขีดขึ้นแค่ถนนบางนาตราดกับซอกซอยของ ชุมชนเคหะบางพลีที่มีบิดา มารดา หาเช้ากินค่ำ และค่ำบางวันก็ไม่ได้กิน จำนวนนักเรียนที่มากขึ้นในชุมชนแออัด และแฟลตการเคหะ การแต่งกาย สิ่งของเครื่องใช้ทั้งที่จำเป็นและไม่จำเป็นบ่งบอกถึงสภาวะการใช้จ่ายของ นักเรียน อีกทั้งรอบรั้วโรงเรียนเคหะบางพลีล้อมด้วยตลาดนัดที่ผลัดเปลี่ยนแม่ค้าขายรายวัน มีการค้าขายสินค้าสิ่งของทุกอย่างสารพัดตลอดกาล นักเรียนของเราก็อยากได้อยากมีของทุกอย่างที่มีขายในตลาด ซื้อได้บ้าง ไม่ได้บ้างและโดยทั่วไปทุกคนก็มีและหามาจนได้ นักเรียนและครอบครัวของนักเรียนอยู่ในภาวะใช้จ่ายเกินจำเป็น แม้โรงเรียนจะมี กิจกรรมออมทรัพย์ นักเรียนไม่มีเงินพอออม กิจกรรมส่งเสริมการทำบัญชี การวางแผนการใช้เงิน เพื่อให้มีเงินเหลือเก็บไว้ใช้ประโยชน์ และช่วยทางบ้านยามจำเป็น ผลปรากฏว่านักเรียนมีเงินออมน้อยด้วยยังไม่มีรายได้ของตนเอง อีกทั้งสิ่งแวดล้อมของภาวะเศรษฐกิจ เสรีทางการบริโภคของชุมชนอยู่ในลักษณะฟุ้งเฟ้อ ฟุ่มเฟือยประกอบทั้งเพื่อนบ้านใกล้เคียงฝาบ้านเดียวในชุมชนแออัดกัน อวดร่ำ อวดรวย มีหนีสินทั่วหน้าเพื่อเครื่องเทคโนโลยีทันสมัยดำเนินการผ่อนส่งสารพัด และจะต้องให้ลูกมีทุกอย่างไม่ได้น้อยหน้า ชาวบ้าน เป็นค่านิยมที่ผิด ซึ่งมองไม่เห็นวิถีสู่ความพอเพียงในชุมชน
แม้กระทั่งทุกๆ เช้าตั้งแต่ทางเข้าประตูโรงเรียน จะเห็นนักเรียนมุงหน้าร้านขายของด้านหน้าโรงเรียนกันอย่างแน่นขนัด นักเรียนจะซื้อของฟุ่มเฟือยทุกอย่างก่อนมาถึงโรงเรียน ซื้อตั้งแต่ร้านใกล้บ้านมาถึงหน้าประตูโรงเรียน นักเรียนและครอบครัวของ นักเรียนอยู่ในภาวะเป็นนักบริโภคนิยมเกินพอดี ซื้อของใช้ ของเล่น สิ่งต่างๆ ตามความอยากได้ อยากมี ไม่รู้ใช้ รู้จ่าย ไม่รู้ค่าของเงิน ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจครอบครัวหนี้สินล้นพ้นตัว เป็นเหตุของปัญหาครอบครัว ปัญหาอาชญากรรม ปัญหาสังคมต่างๆ อีกมากมาย ซึ่งสวนกระแสนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการในการเร่งรัดการปฏิรูปการศึกษา โดยยึดหลัก คุณธรรมนำความรู้สร้างความตระหนักในคุณค่าของปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียง ที่ต้องการคนโดยใช้ความร่วมมือของสถาบันครอบครัว ชุมชน สถาบันศาสนาและสถาบันการศึกษา เพื่อพัฒนาเยาวชนให้เป็นคนดี มีความรู้และอยู่ดีมีสุขสถานการณ์ปัญหาของนักเรียนชุมชนเคหะบางพลีกับ 8 คุณธรรมพื้นฐาน(ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย สุภาพ สะอาด สามัคคี มีน้ำใจ)นับเป็นภาวะเร่งด่วน อีกทั้งความต้องการจำเป็นในการดูแลช่วยเหลือ นักเรียนครอบครัว สังคม ชุมชนซึ่งโรงเรียนเคหะบางพลีจะต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับการส่งเสริมพัฒนาการศึกษาตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการอย่างเร่งด่วน แม้กระทั่งสภาพปัญหาความยากจน ปัญหาการใช้จ่ายเกินจำเป็น ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาสิ่งแวดล้อมของชุมชนแออัด ส่งผลให้นักเรียนของเรามีลักษณะในการส่งเสริมพัฒนา 8 คุณธรรมอย่างค่อนข้างเป็นไปได้ยากและเป็นภาระที่หนัก จะมองเห็นผลเป็นรูปธรรมได้ยาก นี่คือปัญหาที่ท้าทายของการปฏิรูปการศึกษาของสถานศึกษาแห่งนี้
ข้าพเจ้าในฐานะครูผู้สอนได้ออกเยี่ยมบ้านเด็กๆ ดูสภาพความเป็นอยู่ของแต่ละครอบครัว ประจักษ์แก่ใจดีว่าลูกศิษย์ของเรายากจนใช้เงิน สุรุย สุร่าย ใช้จ่ายเกินจำเป็น ครอบครัวมีหนี้สิน ในบ้านและรอบบ้านมีการโจรกรรม ขโมยกันเองรายวัน ทุกครอบครัวมีของใช้เหลือเกินความจำเป็น หลายสิ่งหลายอย่างทั้งวางไว้จนลืมว่ามีและไม่ได้ใช้เลย เมื่อครูสอนให้ประหยัด รู้จักเก็บออมเงินร่วมกับกิจกรรมออมทรัพย์ของโรงเรียนสอนให้นักเรียนวางแผนการใช้เงิน ทำบัญชีการใช้จ่าย แต่ผลก็ปรากฏเป็นรูปธรรมในการเก็บเงิน การรู้คุณค่าและรู้วางแผนการใช้จ่าย นักเรียนไม่ค่อยอยากทำบัญชีรายรับรายจ่าย ด้วยไม่มีรายได้อื่นใดนอกจากที่ ผู้ปกครองให้ไว้ใช้ประจำวัน แม้จะพยายามเก็บออมดีขึ้นบ้าง แต่นักเรียนก็ไม่มีรายได้เก็บออมอย่างภาคภูมิใจ ปรากฏว่านักเรียนที่มีเงินเก็บออมได้มากคือ นักเรียนที่พ่อแม่ให้เงินมาฝากออม ดังนั้นนักเรียนควรได้รับการฝึกหัดสร้างรายได้ของตนและตระหนักรู้คุณค่าของเงิน มากกว่าที่เป็นอยู่นี้ร้านค้า สหกรณ์ตลาดนัดเมตตา สิ่งของต่างๆ ที่นักเรียนมีอยู่ที่บ้านโดยใช้ประโยชน์คุ้มค่าบ้าง บางอย่างแทบไม่เคยได้ใช้เลย ในขณะเดียวกันก็มีหลายคนต้องการใช้ไปหาซื้อสิ่งของนั้น ๆ เช่นกัน ดังนั้นโรงเรียนควรส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนอย่างสมดุลย์แนวทางดำเนินการตลาดนัดเมตตาจากภาวะเศรษฐกิจปัญหาความจำเป็นของชุมชนการหล่อหลอมสังคมชุมชนให้มีการอุ้มชูดูแลแลกเปลี่ยนสิ่งของเครื่องใช้อย่างเมตตาขึ้นในโรงเรียน โดยให้นักเรียน สำรวจสิ่งของเหลือใช้ในบ้านของตนเองออกมา จัดร้านร่วมในตลาดนัดเมตตาของโรงเรียน โดยการซื้อขายแลกเปลี่ยน สิ่งของในราคามีเมตตาหวังดีต่อกันให้ซื้อขายแลกเปลี่ยนกันใช้ นักเรียนจะได้มีรายได้ของตนเอง และได้เลือกซื้อของที่ต้นต้องการใช้ในราคาต่ำกว่าทุนมากๆ จากการจัดตลาดนัดเมตตาในโรงเรียนหลายๆ ครั้ง ปรากฏว่าการที่นักเรียนมีร้านค้าเป็นกิจกรรมสร้างรายได้ของตน มีการทำบัญชีร้านค้าทุกครั้งที่จัดตลาดนัดเมตตาร้านค้าของนักเรียนจะเนืองแน่นเต็มไปด้วยลูกค้าและพ่อค้าแม่ค้านักธุรกิจตัวน้อยเต็ม โรงเรียนเคหะบางพลี โดยมีหลักการร่วมกันในการจัดร้านของนักเรียน คือ1.ให้จัดจำหน่ายสินค้าราคาต่ำกว่าทุน และเหมาะสมกับสภาพ สินค้าในราคาเมตตาหวังดีต่อกัน 2.สิ่งของสินค้าที่นำมาจัดจำหน่ายต้องเป็นสิ่งของภายในบ้านของ นักเรียนที่มีมากเกินความจำเป็น ไม่ได้ใช้ประโยชน์แล้ว และต้องการนำมาจัดจำหน่ายแลกเปลี่ยนกันใช้ด้วยน้ำใจเอื้ออาทรต่อกันสิ่งที่ไม่เคยคาดคิดนั่นคือ กิจกรรมตลาดนัดเมตตาเป็นที่ต้องการและได้รับความนิยมจากสมาชิกทุกคนของโรงเรียน จนกระทั่งจัดตั้งเป็น ร้านค้าสหกรณ์ตลาดนัดเมตตา โดยนักเรียนสมัครเป็นสมาชิกขึ้น ทะเบียนเป็นเจ้าของกิจการร้านค้าสหกรณ์ตลาดนัดเมตตาโรงเรียนเคหะบางพลี โดยมีวัตถุประสงค์ 1.จัดจำหน่ายสินค้าราคาต่ำกว่าทุน 2.สิ่งของสินค้าที่นำมาจำหน่ายต้องเป็นสิ่งของภายในบ้านของสมาชิกที่มีมากเกินความจำเป็น และต้องการนำมาจัดจำหน่ายในราคาเมตตาหวังดีต่อกัน 3.รายได้ที่สมาชิกได้จากการจำหน่าย ต้องจัดทำบัญชีแสดงต่อทาง สหกรณ์ตลาดนัดเมตตาฯ4.สมาชิกมีสิทธิ์แสดงความประสงค์ของความช่วยเหลือ เพื่อให้ สหกรณ์ตลาดนัดเมตตาช่วยร่วมดูแลแก้ปัญหาของร้านค้าสมาชิกสหกรณ์ได้
ในครั้งนี้เป็นการเปิดโอกาสสร้างรายได้ให้แก่นักเรียนทุกคนที่ประสงค์จะมีรายได้เป็นเงินออมของตนเอง และนักเรียนที่ต้องการมีร้านค้าจัดจำหน่ายร่วมในตลาดนัดเมตตา แต่ไม่มีสินค้าเป็นทุนหรือมีน้อย ก็ให้โอกาสยื่นคำร้องแสดงความประสงค์ขอยืมสินค้าจากฝ่ายส่งเสริมการลงทุนของสหกรณ์ ไปใช้จัดรายการร่วมกับตลาดนัดเมตตา โดยนักเรียนจะได้เปอร์เซนต์จากการจำหน่ายสินค้า ในระหว่างร้อยละ 10-20 บาท จากรายได้ของการจำหน่ายสินค้า โดยทางสหกรณ์ได้รับความร่วมมือในการบริจาคสิ่งของต่างๆ จากบุคคลหน่วยงานและสถาบันศาสนา เพื่อดำเนินการส่งเสริมและอุ้มชูดูแลตามภาวะครอบครัวของนักเรียน และการลงทุนสร้าง รายได้ให้แก่ นักเรียนและมาถึงบัดนี้จากตลาดนัดเมตตาที่ได้รับความนิยมด้วยสอดคล้องความต้องการจำเป็นของนักเรียน ครอบครัว ชุมชน พัฒนาสู่กิจกรรมจากความร่วมมือ ร่วมใจของนักเรียนในรูปแบบร้าน ซึ่งนอกจากนักเรียนจะได้จำหน่ายและเลือกซื้อสิ่งของสินค้าในราคาเมตตาหวังดีต่อกันแล้ว ทุกร้านค้าสหกรณ์ สมาชิกเจ้าของร้านจะไม่มีคำว่าขาดทุน เพราะสินค้าเป็นของเหลือใช้ที่นักเรียนมีอยู่แล้ว สร้างนิสัยรู้ค่าของสิ่งของและการประหยัดได้อย่างเต็มคุณภาพนักเรียนขยันที่จะจัดและพัฒนากิจการร้านค้าของตนและสนุกกับการทำบัญชีร้านค้าที่สร้างรายได้ให้แก่ตนเอง นักเรียนมีความซื่อตรงต่อลูกค้าและซื่อสัตย์ในการปฏิบัติภาระกิจหน้าที่ได้ รับมอบหมาย มีวาจาสุภาพมารยาท อัชยาศัยไมตรีแก่ผู้ตนเอง พบเจอเมื่อต้องติดต่อการค้าด้วยกันและนักเรียนสามารถปฏิบัติตาม กฎระเบียบของสหกรณ์ตลาดนัดเมตตาตามที่กำหนด นับว่าเป็นการสร้างวินัยทางสังคมแก่นักเรียนได้เป็นอย่างดี ประการสำคัญคือนักเรียนรู้และประจักษ์ในคุณค่าของความสามัคคี เสียสละ มีน้ำใจเมตตาหวังดีของบรรดาสมาชิกสหกรณ์ด้วยกันเองเป็นอย่างดี จากการร่วมมือกันของคณะครู นักเรียน เผื่อแผ่ไปยังครอบครัวและชุมชนเคหะบางพลียังได้ใช้สินค้าในราคาเมตตาหวังดีช่วยเหลือภาวะเศรษฐกิจของชุมชน หล่อหลอมความสามัคคีครอบครัว สังคม ชุมชน ให้รู้ใช้รู้จ่าย รู้คุณค่าของเงิน มีการประหยัดรู้คุณค่าของสิ่งของ เหลือใช้ได้ประโยชน์ มีน้ำใจเอื้ออาทรหวังดีต่อกันในชุมชน ผลความสำเร็จของกิจกรรมตลาดนัดเมตตาครั้งนี้นอกจากโรงเรียนเคหะบางพลีจะจัดอยู่ในแนวหน้าของการนำปฏิรูปการศึกษาที่สามารถส่งเสริมพัฒนาการศึกษาใน 8 คุณธรรมพื้นฐานแก่นักเรียนตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการได้บรรลุเป้าหมายเป็นอย่างดีแล้ว จากความสามัคคีมีน้ำใจเสียสละของคณะนักเรียนที่เผือแผ่ไปยังครอบครัว ชุมชนจากโรงเรียนสู่..ชุมชนซึ่งจากการริเริ่มกิจกรรมตลาดนัดเมตตาไม่ได้คาดคิดเลยว่า โรงเรียนเคหะบางพลีที่อยู่ท่ามกลางชุมชนแออัด สังคมเผชิญปัญหาความยากจน ปัญหาว่างงาน ปัญหาครอบครัว ปัญหาอาชญากรรม และปัญหาสิ่งแวดล้อมในชุมชนต่างๆ นี้ กิจกรรมตลาดนัดเมตตาได้สร้างสรรค์แนวทางชีวิตตามแบบเศรษฐกิจพอเพียงให้แก่ชุมชนได้เป็นอย่างดี และ ส่งเสริม 8 คุณธรรมพื้นฐานให้แก่นักเรียนได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้ โรงเรียนมั่นใจว่าร้านค้าสหกรณ์ตลาดนัดเมตตาคือความภาคภูมิใจของ นักเรียน ครู ผู้ปกครองและพี่น้องประชาชนชาวเคหะบางพลี
หนูคิดว่าโรงเรียนจัดกิจกรรมตลาดนัดเมตตาแล้ว
น่าจะจัดแถวให้เป็นระเบียบมากกว่านี้จะดีมากเลยค่ะ