8 วิธีทำใจให้รักงานที่น่าเบื่อ!!!


“หากไม่ได้ในสิ่งที่รัก จงรักในสิ่งที่มี” ..

อ่านเจอครับเลยเก็บมาฝาก 

“หากไม่ได้ในสิ่งที่รัก จงรักในสิ่งที่มี” ..
คำกล่าวนี้ใช้ได้กับทุกสิ่งรวมถึงงานที่คุณทำอยู่ทุกวันนี้ด้วย
นี่ไม่ได้หมายความว่าจะให้คุณทนกับงานที่ไม่ชอบไปวัน ๆ
แต่เราจะแนะนำวิธีการที่จะทำให้คุณอยู่กับสิ่งที่
“คิดว่า” ไม่ชอบ
ได้อย่างมีความสุขที่สุด พร้อม ๆ กับเตรียมตัวเองให้พร้อม
ก้าวไปสู่งานในฝันของคุณได้ดีที่สุดต่างหาก

มาดูกันว่ามีหนทางอะไรที่คุณจะทำได้บ้าง

1..จากที่เคยหมกมุ่นอยู่กับ “สิ่งที่ทำ”
ให้เบนความสนใจไปที่ “วิธี” การทำงานแทน

พวกเราส่วนใหญ่มักคิดว่าความพอใจในอาชีพการงานนั้น
มาจากการที่เราสามารถหางานดี ๆ ได้ แต่จริง ๆ แล้ว
การคิดแบบนี้เป็นแค่การคาดหวังเท่านั้น
เหมือนอย่างที่โบราณท่านว่า..ยังไม่เห็นน้ำก็รีบตัดกระบอก
ยังไม่เห็นกระรอกก็รีบโก่งหน้าไม้นั่นแหละ
ในความเป็นจริง ก่อนที่คุณจะได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก
คุณต้องทำตัวเองให้เหมาะกับงานนั้นเสียก่อน
ลองหลับตานึกภาพตัวเองกับงานในฝันดูซิว่าตัวคุณควรเป็นอย่างไร ....
มีแรงบันดาลใจ, ความอดทนในงาน, เก่งการจัดการ หรือว่าต้องมีความมั่นใจ
สิ่งเหล่านี้เองที่คุณต้องเริ่มจัดการตั้งแต่ตอนนี้
จัดการให้ตัวเองเป็นคนที่เหมาะสมสำหรับงานที่คุณอยากทำ
แล้วค่อยคิดถึงการลาออกไปงานที่น่าเบื่อไปสู่อาชีพในฝัน

2. หาที่ปรึกษา
มีบ้างไหม ใครสักคนที่คุณรู้สึกว่าน่าเคารพ และมีวิธีการทำงานน่าสนใจ
น่าเข้าไปเรียนรู้งานด้วยเหลือเกินการที่คนคนหนึ่งประสบความสำเร็จ
และมีความสุขในการทำงาน นั่นหมายถึงว่าเขาต้องมี “วิธี” การคิด
และจัดการสิ่งต่าง ๆ ที่ดี ซึ่งจะเป็นต้นแบบที่ดีให้กับคุณได้
และยิ่งไปกว่านั้นเขายังสามารถที่จะเป็นผู้ช่วยในการแนะนำ
และช่วยชี้หนทางที่จะไปสู่เป้าหมายของคุณได้ด้วย แม้ว่างานที่เขาทำ
อาจไม่ได้เหมือนหรือเกี่ยวข้องกับงานในฝันของคุณเสียทีเดียว
...ความสำคัญอยู่ตรงวิธีการทำงานของเขาต่างหาก
ที่คุณควรเรียนรู้และนำมาประยุกต์ใช้กับตัวเอง

3. แมท (Match) ความสามารถที่มีกับงานที่ทำอยู่เข้าด้วยกันให้ได้
คนเบื่องานหลายคนบอกว่า สาเหตุที่เบื่องานเหลือเกินก็เพราะมองว่า
ตัวเองไม่ได้ใช้ความสามารถที่มีในงานที่ทำอยู่
หากคุณคิดว่าตัวเองอยู่ในข่ายนี้ ลองมาดูกันว่าเราจะทำอย่างไรได้บ้าง
ก่อนอื่น คุณต้องหาให้ได้ก่อนว่าตัวคุณน่ะมีจุดดีจุดเด่นตรงไหนบ้าง
แล้วค่อยมองไปถึงคุณสมบัติของคนที่บริษัทของคุณต้องการอยู่ในตอนนี้
หรืออาจจะมองล่วงหน้าไปถึงแนวโน้มในอนาคตด้วย
เพราะนั่นจะทำให้คุณสามารถเข้าร่วมชิงชัยงานดี ๆ ในสนามแข่งได้
(หากว่ามันจะมีขึ้นมา)เท่านี้ยังไม่พอ คุณต้องแสดงให้คนที่มีอำนาจตัดสินใจ
ได้เห็นคุณสมบัติที่ดี ๆ ของคุณด้วย
ตรงนี้อาจต้องคิดถึงวิธีนำแสนอที่สร้างสรรค์
และพยายามมากสักหน่อย แต่ขอบอกว่าผลที่ได้รับกลับมานั้นคุ้มแน่นอน
เพราะมันหมายถึงว่าคุณจะได้ทำงาน
ในตำแหน่งที่ตรงกับความสามารถของตัวเอง
แถมยังเหมาะเหม็งกับงานของบริษัทเสียด้วย...
เรียกว่ายิงนัดเดียวได้นกสองตัวเชียวละ


4. หาข้อบกพร่องของตัว แล้วแก้ไขซะ
ปฎิบัติการ “Job Improvement”
จะราบรื่นขึ้น
หากคุณยอมรับว่าคุณอาจไม่ใช่พนักงานที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อม
แต่ใครเล่าจะดีไปหมดทุกอย่าง ที่สำคัญ..อย่าเสียเวลาโทษคนอื่นอยู่เลย
มาดูซิว่าตัวเองมีข้อบกพร่องอะไร โดยเริ่มจากสิ่งที่คุณน่าจะแก้ไขได้
และจะช่วยให้ทำงานได้ดีขึ้นก่อน เช่น ปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่าง
คุณกับเจ้านายหรือเพื่อนร่วมงาน, เปลี่ยนตัวเอง
จากคนที่เคยเข้าประชุมสายให้เป็นคนที่ไปถึงก่อนคนอื่น ฯลฯ
ถ้าความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเจ้านายเข้าขั้นวิกฤติ
มาดูกันซิว่าคุณเป็นคนที่ทำให้เหตุการณ์มันเลวร้ายลงไปบ้างหรือเปล่า
เช่น เวลาที่เจ้านายเกิดกังวลเรื่องงานที่คุณ คุณตอบสนองเขาแบบไหน,
คุณคอยรายงานความคืบหน้าของงานให้เขารับรู้บ้างไหม ฯลฯ

5. ป่าวประกาศความดีของตัวเองเสียบ้าง
เหตุผลหลักข้อหนึ่งที่มักทำให้คนเราเบื่องาน คือ
การที่ทำความดีแล้วไม่มีใครเห็น ไม่มีคนให้ความสำคัญ
แต่ในหลาย ๆ สถานการณ์ หากคุณไม่บอกใคร ๆ ว่า
ความสำเร็จที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะคุณ คงยากที่จะให้ใครมองเห็นได้เอง
การทำแบบนี้จะว่าไปก็เป็นเรื่องยากพอดู
แต่เกจิทั้งหลายกล่าวตรงกันว่า
“คนที่ประสบความสำเร็จ คือ คนที่ไม่ได้นั่งเฉย ๆ
รอให้ใครสักคนสังเกตเห็นงานชิ้นเยี่ยมที่เขาทำลงไป”

6. หาประโยชน์จากการอบรมสัมนาฟรี
หลาย ๆ บริษัทมักมีการจัดอบรมสัมนาให้พนักงานในด้านต่าง ๆ
ไม่ว่าจะเป็น คอมพิวเตอร์ หรือการบริหารจัดการ
แม้ว่าทักษะที่ว่าอาจยังไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องใช้ในการทำงานปัจจุบัน
แต่รู้ไว้เถิดว่ามันช่วยให้คุณเหมาะกับตลาดงาน
ที่วาดหวังไว้ในอนาคตมากยิ่งขึ้น
เพราะฉะนั้นอย่าทิ้งโอกาสไปเฉย ๆ แม้ว่างานอบรมบางงาน
อาจไม่ได้จัดให้หน่วยงานของคุณโดยตรง
คุณก็สามารถเสนอตัวขอเข้าอบรมได้
มันอาจทำให้คุณรู้ว่าเจ้านายของคุณรู้สึกดีกับคุณมากขึ้น
เมื่อเขาเห็นว่าคุณน่ะสนใจสนใจการอบรมที่เขาจัดขึ้น
..อย่างน้อย ๆ ก็ได้คะแนนนิยมในแง่ที่
เป็นพนักงานที่ใส่ใจขวนขวายหาความรู้
แถมยังได้พัฒนาตัวเองฟรี ๆ อีกด้วย..งานแบบนี้มีแต่ได้กับได้

7. หัดร้องขอ บอกความต้องการของตัวเองเสียบ้าง
การพูดเพื่อร้องขออะไรให้ตัวเอง
อาจเป็นหนทางที่ง่ายที่สุดในการให้ได้มาในสิ่งที่คุณต้องการ
ยิ่งไปกว่านั้น นี่คือวิธีการที่ได้ผลจริง ๆ ในหลาย ๆ สถานการณ์เสียด้วย
เพราะบางครั้งมันไม่ใช่เรื่องที่ว่าเจ้านายไม่อยากให้ในสิ่งที่ต้องการ
แต่เป็นเพราะเขายุ่งเกินกว่าจะมาคิดถึงสิ่งเหล่านี้
การบอกจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ..สำคัญอยู่ที่คุณต้องหาวิธีพูด
ให้เขารู้สึกดี ไม่ใช่พูดจาเหมือนกับว่าเจ้านายปล่อยปละละเลยไม่ใส่ใจคุณ
ดีไม่ดีจะเป็นการหาเรื่องใส่ตัวเสียเปล่า ๆ

8. คิดโปรเจคของตัวเอง
สำหรับคนที่รู้สึกเบื่อสุด ๆ กับงานตรงหน้า
การคิดหาโปรเจคส่วนตัวจะเป็นการสร้างแรงบันดาลใจ
และช่วยให้คุณควบคุมความรู้สึกที่รู้สึก
ขาด ๆ เกิน ๆ เกี่ยวกับงานของตัวเองได้ดีขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น จัดกิจกรรมอาสาสมัครขึ้นในหน่วยงาน,
จัดกลุ่มเรียนภาษาจีน หรืออะไรก็ได้ที่คุณสนใจ
กิจกรรมเหล่านี้จะช่วยเบี่ยงเบนความคิดของคุณ
จากงานน่าเบื่อตรงหน้า และทำให้คุณรู้สึก
กระตือรือล้นขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ..ขอบอก

หากคุณลองทำตามข้อแนะนำทั้ง 8 ข้อนี้แล้ว
แต่ยังรู้สึกว่าเช้าวันจันทร์ยังเป็นช่วงเวลาที่น่าเบื่อหน่ายที่สุดละก็
อาจถึงเวลาแล้วที่คุณต้องเริ่มร่อนใบสมัครงานใหม่อีกครั้ง
แต่อย่างน้อย ๆ คุณก็ยังสามารถที่จะรู้สึกดีกับความจริงที่ว่า
คุณได้พยายามอย่างดีที่สุดแล้ว ก่อนที่จะเดินจากมา
และที่รู้ ๆ การที่ได้พยายามพัฒนาปรับปรุงตัวเองในด้านต่าง ๆ
ตลอดเวลาที่อยู่ในสายงายเดิม ..มันจะช่วยให้คุณเตรียมตัว
พร้อมกับการก้าวไปสู่ตลาดการจ้างงานใหม่ได้อย่างเต็มภาคภูมิทีเดียว

หมายเลขบันทึก: 125321เขียนเมื่อ 5 กันยายน 2007 16:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 มิถุนายน 2012 11:33 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
  • สวัสดีค่ะ
  • ถ้าไม่รักก็หนีชะเลยค่ะ
  • เข้ามาอ่านบันทึกค่ะ

สวัสดีครับคุณกิ่ง ยินดีครับ ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมครับผม

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท