คุณทรงพล เจตนาวณิชย์
:
ลุงสนั่นช่วยให้ข้อมูลเพิ่มเติมตอนที่เราเรียนแมลงเราได้วิทยากรมาจากไหน
หมายถึงคนที่มาสอนครั้งแรก
คุณลุงสนั่น เวียงขำ
:
คือ อาจารย์วิมล สีมาสุข ที่ดูแลด้านแมลงที่เรียนมาจาก กศน.
เรื่องแมลงโดยเฉพาะ
คุณณรงค์ อ่วมรัมย์
:
ผมลืมไปตอนหนึ่งตอนที่เราสรุปบทเรียนกันว่าหัวใจที่สำคัญที่สุดของการทำนาของชาวนามันมีอะไรจากเวทีระดมใหญ่ถึงเกิดหลักสูตร
3 หลักสูตรคือ หนึ่งหัวใจสำคัญในเรื่องของเมล็ดพันธุ์ สอง
การเตรียมปุ๋ยการเตรียมดิน และสามจุลินทรีย์ซึ่งเป็นที่มา
สามหลักสูตรที่ข้าวขวัญกำหนดเรียน
ต่อไปนี้คือสิ่งที่เป็นพันธกิจร่วมกัน ห้า หก
ข้อที่ท่านเห็นไม่มีผลทางกฎหมาย
แต่มีผลทางเรื่องจิตใจสำหรับพวกเรา นักเรียนชาวนาทุกท่านต้องมี
แปลงการทดลองเป็นของตนเองอย่างน้อย 2 ไร่
ไม่ใช้สารเคมีไม่ใช้สารกำจัดศัตรูพืชใดๆ ทั้งสิ้นตลอดหลักสูตร 18
สัปดาห์ โรงเรียนชาวนาของเราเปิดสัปดาห์ละ 1 วัน วันละ 3
ชั่วโมง
คือเก้าโมงเช้าถึงเที่ยงกำหนดวันใดวันหนึ่งก็ได้แล้วนักเรียนชาวนาห้ามขาดติดต่อเกิน
2 ครั้ง
แต่ถ้าหากมีความจำเป็นหาตัวแทนครอบครัวมาเรียนได้
แต่ไม่ใช่เอาลูกเด็กเล็กแดงมาเรียนเอาผู้เฒ่าผู้แก่ที่สามารถทำการเกษตรได้สามารถตัดสินใจได้
การเรียนของนักเรียนชาวนาของเราจาก 18 ครั้ง ห้ามขาดเกิน 5 ครั้ง
ถ้าขาดเกิน 5 ครั้ง
จะไม่ได้รับวุฒิบัตรเราถือเป็นพันธะสัญญาร่วมกันแล้วสิ่งหนึ่งนี่คือความภาคภูมิใจของนักเรียนชาวนา
นักเรียนชาวนาที่เรียนต่อเนื่องอย่างน้อย 10 ครั้ง
มันสร้างขบวนการในการคิดไม่ใช่ว่าจะมาไม่มาเพื่อนจะถามหามันมีขบวนการดูแลกัน
43 คน มีอยู่ 9 กลุ่ม
ดูแลกันเองภายในแต่ละกลุ่มซึ่งตรงนี้คือสิ่งสำคัญ
คุณทรงพล เจตนาวณิชย์ :
อันนี้จะเป็นช่วงโรงเรียนเปิดฤดูการเปิด เฉพาะช่วงสี่เดือน
คุณณรงค์ อ่วมรัมย์ :
ครับ มีวีดีทัศน์ที่เราต้องการนำเสนอประมาณ (6 นาที)
นำเสนอวีดีทัศน์ โดยมีรายละเอียดดังนี้
“เกษตรปลอดสารพิษหรือเกษตรอินทรีย์ก็คงยังมาแรงอย่างต่อเนื่อง
เกษตรกรส่วนใหญ่ก็หันมาสนใจ กันมากขึ้น
อย่างเช่นชาวบ้านชาวสุพรรณบุรีเขาสนใจกันมาก
ขณะนี้เปิดโรงเรียนสอนเป็นโรงเรียนชาวนาที่ให้ความรู้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน
วันนี้เราเครือข่ายโลกสีเขียวเก็บภาพ
และรายละเอียดมาให้ชมกันครับ”
พิธีกร :
“ภายในศาลาวัดเล็กๆ แห่งนี้ คือสถานที่ที่กลุ่มชาวนาจากที่ต่างๆ
ในจังหวัดสุพรรณบุรีมารวมตัวกันเพื่อมาเข้าเรียนหลักสูตรธรรมชาติของคนทำนาโดยใช้ชื่อว่าโรงเรียนชาวนา
โรงเรียนชาวนาเป็นหนึ่งของโครงการสถาบันการจัดการความรู้เพื่อสังคม
โดยมีการจัดการเรียนการสอนให้ชาวนารู้จักเรียนรู้ถึงระบบธรรมชาติในแปลงนาและแนวทางในการทำนาของตน
โดยหวังให้หลุดพ้นจากการถูกครอบงำจากโฆษณาชวนเชื่อจากการใช้สารเคมีที่สร้างผลกระทบต่อคนและระบบนิเวศน์
ที่โรงเรียนชาวนามีหลักสูตรการเรียนการสอนทั้งภาคทฤษฎี และปฏิบัติ
ควบคู่กันโดยมีการแบ่งกลุ่มกันเองตามสภาพพื้นที่การทำนาและมีการแลกเปลี่ยนความรู้จากการปฏิบัติจริงทุกๆ
สัปดาห์”
คุณณรงค์ อ่วมรัมย์ :
กิจกรรมในโรงเรียนมี 3 หลักสูตรด้วยกัน
หลักสูตรแรกหลักสูตรการควบคุมศัตรูพืชโดยชีววิธี
ซึ่งหลักสูตรนี้เป็นหลักสูตรระดับขั้นประถมของพวกเรา
เพื่อจะทำให้เกษตรกรมีความมั่นใจที่ไม่ใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชสามารถปลูกพืชได้เจริญงอกงาม
หลักสูตรที่สองที่เรากำลังดำเนินการอยู่ก็คือ
ในเรื่องหลักสูตรการปรับปรุงบำรุงดิน ส่วนหลักสูตรที่สาม
เป็นหลักสูตรในการปรับปรุงพันธุ์ข้าวซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ชาวนาสูญเสียรายได้ในครัวเรือนต่อฤดูกาลเพาะปลูก
ก็คือว่าเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ต้องซื้อมีราคาค่อนข้างแพงเป็นเงาตามตัวขึ้นไปเรื่อยๆ
เราต้องผ่านขั้นตอนกระบวนการเรียนรู้ที่เป็นกลุ่มของพวกเราภายในมีการคิดและแลกเปลี่ยนกันอยู่ตลอดเวลาทุกสัปดาห์
ตลอดฤดูการผลิต 18 สัปดาห์ หรือประมาณ 4 เดือน
พิธีกร :
“สิ่งสำคัญที่ทำให้คนกลุ่มนี้กลับลำหันมาเข้าสู่กระบวนการเรียนรู้ที่ปลดตัวเองจากการเป็นทาสสารเคมี
มาเคารพ ศรัทธา ต่อจิตวิญญาณของชาวนา ไม่ว่าจะเป็นแม่โพสพ
แม่ธรณี แม่คงคา
ก็คือการได้เห็นได้เรียนรู้จากประสบการณ์ที่ได้ศึกษาด้วยตนเองและจากชาวนาคนอื่น
ลุงสนั่น คือหนึ่งในชาวนาตัวอย่างที่รู้จักวิถีของการทำนาโดยแท้จริง
โดยลุงสนั่นรู้จักการทำนาปราศจากสารเคมีซึ่งผลผลิตที่ได้นี้ต่างจากการปลูกข้าวแบบทฤษฎีเดิมอย่างสิ้นเชิง”
คุณลุงสนั่น เวียงขำ :
พอดีมาเจอะเจ้าหน้าที่จากมูลนิธิข้าวขวัญคือคุณณรงค์ มาเยี่ยมตามบ้าน
มาคุยจะทำนาแบบไม่ต้องใช้สารเคมี ถามว่าจะทำอย่างไร
จะเอาอะไรมาทดแทนสารเคมี ณรงค์บอกว่า
ขั้นแรกก็ให้ใช้สารสมุนไพรพื้นบ้านพวกสะเดาทดแทน
พิธีกร :
“จากการลองผิดลองถูกจนได้เรียนรู้การปฏิบัติจริงควบคู่กันไปทำให้ชาวนาผู้หนึ่งที่แม้จบการศึกษาเพียงแค่ชั้น
ป.4 ได้รับความรู้มากมายเพียงแต่อาศัยความขยันหมั่นเพียร
ปฏิบัติตามสิ่งที่ได้เรียนรู้มา
ผลลัพธ์ที่ได้คือต้นข้าวที่ออกรวงและให้ผลผลิตที่แสนคุ้มค่า”
คุณลุงสนั่น เวียงขำ :
อันดับแรกสุขภาพแน่นอนเลยพอเลิกจากสารเคมีแล้วไม่มี ปวดหัว ตัวร้อน
อาการมึนงงต่างๆหายไปเลยไม่มีกับเราเลย
ในเรื่องของต้นทุนเราไปซื้อยาเขาเท่าไหร่ขวดละ ร้อยสองร้อย
ขวดละพัน สองพันก็มี
เงินที่เราซื้อยาเราเก็บไว้นั่นเป็นยอดกำไรของเราโดยตรง
พิธีกร :
“วิถีชีวิตของชาวนาโดยอาศัยระบบธรรมชาติที่ได้ห่างหายไปนานบัดนี้ได้เริ่มกลับมีชีวิตดั่งเดิมจากโรงเรียนชาวนาแห่งนี้ที่ซึ่งปลูกฝังจิตวิญญาณแห่งการเป็นชาวนาอย่างแท้จริงอีกครั้ง”
จบการนำเสนอวีดีทัศน์
คุณณรงค์ อ่วมรัมย์ :
จุลินทรีย์ที่เราไปเอามา
อาจารย์ก้านเอาไปวิเคราะห์ผลทางการศึกษาที่ซึ่งถ้าใครอยากได้ก็สำเนาซีดีไป
เพราะไม่มีเวลาตีพิมพ์
คุณทรงพล เจตนาวณิชย์ :
ชาวบ้านไปเอาจุลินทรีย์ที่ไหนครับ
คุณณรงค์ อ่วมรัมย์ :
จุลินทรีย์ที่เอามาจากไซเบอร์ อุทัยธานี
จุลินทรีย์ที่นี่จะมีความอุดมสมบูรณ์สูงมาก
แล้วจุลินทรีย์แต่ละชนิดไม่เหมือนกัน
นี่คือสภาพพื้นที่จริงที่เราไปเก็บในท้องป่า อุดมสมบูรณ์
ตอนที่เราเอาจุลินทรีย์มาเพาะเลี้ยง
จุลินทรีย์จากป่าธรรมชาติเราไม่รู้ว่ามันมีผลทางวิทยาศาสตร์อย่างไร
แต่เราเอามาใช้ในนามันเกิดผลดีข้าวของเราเมล็ดเต็มเมล็ดข้าวสารเต็มเมล็ดข้าวเปลือก
โรงสีเกิดความต้องการแล้ว เมื่อท่านอาจารย์ก้านมา
ได้เอาจุลินทรีย์ที่เราเพาะเลี้ยงจากใบไผ่ไปวิเคราะห์
ผลปรากฏว่ามี 32 ตัว จากธรรมชาติที่มีอยู่
ผมไม่ได้หมายความว่าให้ทุกคนไปเก็บที่ไซเบอร์เก็บท้องถิ่นที่อยู่ใกล้บ้านเรามีความปลอดภัยจากสารเคมีมากที่สุด
อยากนำเสนออย่างนี้ก่อนแล้วอีกส่วนหนึ่งนี่คือเชื้อ ไตรโคเดอร์ม่า
บริสุทธิ์ที่เราไปเรียนจากคลินิกโรคพืชของ ดร. วรรณวิลัย
เป็นการเรียนรู้อย่างง่ายๆ เราเอามาทำเอง
ผลการตรวจสอบเชื้อ นี่คือประโยชน์ของเชื้อ 3-4 ตัวที่เราได้ นี่คือทักษะการเรียนรู้ของนักเรียนชาวนาที่จะต้องมีการทำการบ้าน สอนวันจันทร์ทุกคนก็ไปทำวันอาทิตย์ถึงวันอังคาร วันจันทร์ต้องมาสรุปวิเคราะห์ผลต่อ
เปรียบเทียบระหว่างนาที่ใช้สารเคมี นาที่เผาฟาง
นาที่เกิดการใช้ปุ๋ยชีวภาพเพียงอย่างเดียว
นาที่ใช้ปุ๋ยชีวภาพร่วมกับจุลินทรีย์
ดูจากลักษณะรากข้าวเป็นหลัก
มีคำถามจากพี่เมื่อกี้
คือข้าววัชพืชที่เห็นคือข้าวที่เห็นสีแดงปัจจุบันข้าววัชพืชเป็นปัญหามากซึ่งจะต้องมีรายละเอียดมากมันมีบูธของข้าวขวัญที่อยู่ข้างนอกที่ผมเตรียมสำหรับข้าวเปลือกธรรมดาและสีเป็นข้าวกล้องที่มีความปนเปื้อนอยู่
ข้าวบริสุทธิ์ที่คัดแล้วเราปลูกข้าวจากข้าวสารเราคัดข้าวสาร
สิ่งที่เราลงนี่คือเมล็ดข้าวสาร
นี่คือที่เราร่วมแรงร่วมใจกัน
รูปรับขวัญแม่โพสพ ผมใช้คำว่าข้าวคือชีวิต
ชีวิตท้องทุ่งคนวัดดาวเพราะว่าผมเขียนงานเรื่องนี้อยู่ที่นั่น
ผมอยากให้ทุกคนคิดว่าเป็นชาวนาหรือคนที่ไปสัมพันธ์กับชาวนาอยากจะให้ฟังชื่อบทกลอนว่า
ข้าวขวัญ เหมือนชื่อมูลนิธิ
“ข้าวมีคุณมากแท้ แม่โพสพ
เราเคารพข้าวนั้น เราทำขวัญข้าว
พิธีกรรมตำนานอันนานยาว
คือเรื่องราวเลือดเนื้อเหงื่อชาวนา
พระคุณแม่มากล้ำธรรมชาติ
จนไม่อาจแทนคุณเสมอค่า
ได้แต่ขออภัยให้เมตตา
ขวัญแม่คืนกลับมาคอยคุ้มภัย
เป็นขวัญอยู่คู่ดิน ขวัญถิ่นฐาน
เป็นขวัญอยู่คู่บ้าน
ขวัญนาไร่
ผีละโมบโรคร้ายให้ห่างไกล
นำขวัญ กลับคืนใจ ให้ใกล้มา
ข้าวขวัญความสัมพันธ์คนกับข้าว
คือเรื่องราวตำนานการผลิต
ขวัญพืชพันธุ์ ธัญญาหารขวัญชีวิต
แนบสนิท ในจิตใจในไร่นา”
นี่คือภาพที่สะท้อนนี่คือความภูมิใจระดับเบื้องต้นที่เราบอกว่าท่านผู้ว่า
ท่านทรงพล ทิมาศาสตร์
มอบวุฒิบัตรการจบหลักสูตรที่หนึ่งในเรื่องของโรคแมลง
ซึ่งเป็นความภูมิใจเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับนักเรียนชาวนา
นี่คือความภูมิใจของพวกเราที่มีเพื่อนอาจจะคุ้นหน้าคือคุณหมอวิจารณ์
นั่งฟังเรื่องราวการทำนาของเราที่ทำนามีประสบการณ์ตรงโดยใช้โมเดลในการจัดการความรู้เอามาใช้
ภาพลุงสนั่นนำเสนอท่านทูตญี่ปุ่น
มีต่อตอนที่ ๓
ไม่มีความเห็น