ปัจจัยที่สนับสนุนการหมัก
1. สัดส่วนวัสดุสีน้ำตาล : วัสดุสีเขียว
2. อากาศ
3. ความชื้น
4. ขนาดของกอง
ถ้าพูดในเชิงทฤษฎีก็คือ Optimum Composting Conditions
1. Carbon : Nitrogen <> 30 : 1
2. Oxygen > 5 %
3. Moisture 40-60 %
4. Temperature 90-140 F
อากาศ - Oxygen > 5%
ในการทำปุ๋ยหมัก นอกจากจะต้องผสมวัสดุสีน้ำตาลและวัสดุสีเขียวให้ได้สัดส่วนที่เหมาะสมแล้ว สิ่งที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือต้องมีอากาศเข้าไปในกองหมัก หรือต้องให้มี Oxygen เข้าไปในกองหมักมากพอสมควร จึงจะเกิดการหมักหรือการย่อยสลายกลายเป็นปุ๋ยหมัก
ในการหมัก จุลินทรีย์ต้องการ Oxygen เพื่อทำให้เกิดการย่อยสลายตามธรรมชาติ เรียกว่าเกิด Aerobic Raction ตามสมการ
และในกระบวนการนี้จะไม่ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นเพราะเกิดคาร์บอนไดออกไซด์กับน้ำ
แต่ถ้ากระบวนการนี้ไม่มี อากาศ หรือ Oxygen ก็จะเกิดการบูดเน่า เรียกว่าเกิด Anaerobic Digestion ตามสมการ
กระบวนการนี้ จะเกิดก๊าซมีเทน ไฮโดรเจนซัลไฟด์ และแอมโมเนีย ทำให้เกิดการบูดเน่าแทนการย่อยสลายตามธรรมชาติหรือการหมัก
ส่วนมากจะเข้าใจผิด เวลาทำปุ๋ยหมักก็กลัวว่าจะมีกลิ่นเหม็นเลยหาภาชนะที่มิดชิด ปิดฝาให้สนิท อากาศเข้าไปไม่ได้ เลยยิ่งเหม็นมากขี้น
ในการหมัก ขนาดของวัสดุที่ใช้ต้องอย่าให้ละเอียดเกินไป เพราะถ้ามีขนาดเล็กเกินไปก็จะทำให้กองแน่น อากาศเข้าไปในกองหมักลำบาก
เวลาหมักไปสักระยะหนึ่งก็เกิดการย่อยสลาย กองจะยุบตัวลงมาทำให้กองแน่นขึ้น อากาศก็จะเข้าไปในกองได้น้อยลง ทำให้เกิดการบูดเน่าภายในกองหมักได้ จึงจำเป็นต้องกลับกองหมัก เพื่อให้อากาศเข้าไปในกองได้ ส่วนมากจะแนะนำให้กลับกองหมักทุก 5-7 วัน
ถ้ากองหมักมีความชื้นมากเกินไป ( มีน้ำมาก ) ก็จะเป็นอุปสรรคทำให้อากาศเข้าไปในกองหมักได้น้อย ทำให้เกิดการบูดเน่าภายในกองหมักได้
สรุปว่า ในการหมักปุ๋ย นอกจากผสมวัสดุสีน้ำตาลและวัสดุสีเขียวให้ได้สัดส่วนแล้ว ต้องดูแลให้อากาศเข้าไปในกองหมักได้ดี ด้วยการใช้วัสดุที่มีขนาดเหมาะสม ต้องคอยกลับกองหมักทุก 5-7 วัน และต้องดูแลอย่าให้กองหมักแฉะหรือมีความชื้นมากเกินไป
ภาพวิวที่ลงประกอบ สวยมากเลยครับ ขอบพระคุณครับ
sawasdeekab I want to know the composting inThailand thank you