ราคะจริต ต้องปรับตัวให้เข้ากับบุคคลประเภทนี้ด้วยการเน้นทางด้านความสวยงามชักชวนไปในทางสวยงามแต่อย่าทำตัวเด่นจนเกินไปเพราะจะทำให้เกิดความอิษฉาและตัวเราต้องแสดงความเป็นผู้นำทางด้านวิชาการเพราะบุคคลประเภทนี้ไม่มีความเป็นผู้นำขี้เกรงใจควรมอบหมายงานประเภทการประชาสัมพันธ์ ติดต่อลูกค้า
โทสะจริต ต้องปรับตัวให้เข้ากับบุคคลประเภทนี้โดยการใช้หลักการและมีเหตุผล ไม่ใช้คำพูดพร่ำเพรื่อเพราะบุคคลประเภทนี้จะโกรธง่าย พูดคุยแต่เรื่องทีมีสาระ ควรมอบหมายงานที่มีหลักการเช่น บัญชี การเงิน การวางแผนปฎิบัติงาน
ราคะจริต
ลักษณะ : บุคลิกดี มีมาด น้ำเสียงนุ่มนวลไพเราะ ติดกับความสวยงาม ความหอมความไพเ ความอร่อยไม่ชอบคิด แต่ช่างจินตนาการเพ้อเจ้อ
จุดแข็ง : มีความประณีตอ่อนไหว และมีความละเอียดอ่อน ช่างสังเกตุเก็บข้อมูลเก่ง มีบุคลิกหน้าตาเป็นที่ชอบและชื่นชอบของทุกคนที่ได้เห็น วาจาไพเราะ เข้าได้กับทุกคน เหมาะกับงานประสานงาน งานประชาสัมพันธ์ และงานที่ต้องใช้บุคลิกภาพ
จุดอ่อน : ไม่มีสมาธิ ทำงานใหญ่ได้ยาก ไม่มีเป้าหมายในชีวิต ขี้เกรงใจคน ขาดหลักการ
วิธีแก้ไข : ฝึกสมาธิ หาเป้าหมายที่แน่ชัดในชีวิต
ทำตัวเหมือนเขาคล้อยตาม เช่น พูดจาไพเราะ ยิ้มแย้มแจ่มใส แต่งตัวดูดีเหมาะสมเป็นผู้รับฟังที่ดี ยอมรับความคิดเห็นของเขา วางตัวเหมาะสมในสถานการณ์สถานที่ต่างๆ
ทำตัวเหมือนเขาคล้อยตาม เช่น พูดจาไพเราะ ยิ้มแย้มแจ่มใส แต่งตัวดูดีเหมาะสมเป็นผู้รับฟังที่ดี ยอมรับความคิดเห็นของเขา วางตัวเหมาะสมในสถานการณ์สถานที่ต่างๆ
ทำตัวเหมือนเขาคล้อยตาม เช่น พูดจาไพเราะ ยิ้มแย้มแจ่มใส แต่งตัวดูดีเหมาะสมเป็นผู้รับฟังที่ดี ยอมรับความคิดเห็นของเขา วางตัวเหมาะสมในสถานการณ์สถานที่ต่างๆ
โมหะจริต คนยึดมั่นถือมั่น
คนที่มีอาการง่วงๆ ซึม ๆ เบื่อง่าย ไม่ชอบสังคม ดวงตาดูเศร้า พูดจานุ่มนวลอ่อนหวาน เข้าใจง่าย ตัดสินใจอะไรได้ถูกต้อง ไม่ทุกข์ ไม่เครียด
ข้อดี ไม่คิดฟุ้งซ่าน เข้าใจอะไรง่าย มีการตัดสินใจที่ดี ถ้าคิดออก
ข้อเสีย ชอบรู้สึกว่าตนเองไม่เก่ง ไม่ดี ทำอะไรไม่ดี สู้คนอื่นไม่ได้ ไม่ทันโลก
วิธีแก้ไข ฝึกสมาธิ สวดมนต์ ออกกำลังกายให้กล้ามเนื้อทำงาน เป็นการฝึกสมองด้านซ้าย
วิเคราะห์และสรุป
ภาวะผู้นำ เป็นกระบวนการของอิทธิพลที่บุคคลหนึ่งพยายามใช้อิทธิพลต่อบุคคคอื่นให้มีพฤติกรรมไปในทิศทางที่ต้องการ ทั้งนี้เพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ในการกล่าวถึงภาวะผู้นำ จะต้องพิจารณาสิ่งต่อไปนี้ 3 ประการ คือ
1.ภาวะผู้นำเป็นกระบวนการ
2.ภาวะผู้นำอยู่ที่ระดับความถูกต้องที่ผู้ตามจะปฏิบัติตามและ
3.การบรรลุป้าหมายที่ตั้งไว้ ผู้นำคือบุคคลที่มีอิทธิพลมากที่สุดในกลุ่ม จะมาจากการเลือกตั้ง แต่งตั้ง หรือยกย่องจากกลุ่มให้เป็นผู้ชี้แนะ ช่วยเหลือให้กลุ่มปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ จนประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
คำว่าผู่นำ ผู้จัดการและผู้บริหาร มีความแตกต่างกัน แต่ก็ยังนิยมใช้แทนกันเพื่อให้เข้าใจ ถึงลักษณะขององค์การที่ผู้นำเกี่ยวข้องอยู่ สำหรับประสิทธิภาพของภาวะผู้นำนั้น ได้มีการสรุปเกณฑ์ที่ใช้ในการประเมินประสิทธิภาพ ผู้นำไว้ 3 เกณฑ์ คือ
1.ผลที่เกิดขึ้นของกลุ่ม
2.ทัศนคติของผู้ตามและ
3.คุณภาพของกระบวนการกลุ่ม
การศึกษาภาวะผู้นำได้ทำกันมานาน และมีงานวิจัยจำนวนมากมาย อย่างไรก็ตามก็พอจะแบ่งประเภทของการศึกษาภาวะผู้นำได้เป็น 4 แนวทางคือ
1.การศึกษาภาวะผู้นำจากอำนาจ-อิทธิพล
2.การศึกษาภาวะผู้นำจากพฤติกรรมของผู้นำ
3.การศึกษาภาวะผู้นำจากคุณลักษณะ ของผู้นำ และ
4.การศึกษาภาวะผู้นำในสภานการณ์ต่างๆ นอกจากนั้น ยังมีการศึกษาหาความสามารถพิเศษของผู้นำ ซึ่งเริ่มมีการศึกษาจริงจังประมาณต้นปี ค.ศ.1980 แต่ก็ยังมีงานวิจัยในด้านนี้ไม่มากนัก รวมทั้งยังคงศึกษาทุกภาวะผู้นำที่จะเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของโลกที่แคบเล็ก เนื่องจากเทคโนโลยีด้านการสื่อสารที่รวดเร็ว แต่ทวีคูณด้านการแข่งขันและช่วงชิงโอกาสในทุกๆ ด้าน