จากการที่ได้เข้าร่วมงานมหกรรมตลาดนัดการจัดการความรู้ ๔ ภูมิภาค ซึ่งจัดโดย โครงการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กรทางการศึกษาด้วยการจัดการความรู้ หรือ EdKM ครบทั้ง ๔ ภูมิภาคแล้ว ผู้เขียนมีข้อสังเกต และขอ AAR กิจกรรมดังกล่าว ดังนี้
๑. วัตถุประสงค์หรือความคาดหวังของการเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ คือ
- เข้าร่วมสังเกตการณ์กิจกรรมต่างๆ
- ร่วมชื่นชมความก้าวหน้า ความสำเร็จเล็กๆ ของโรงเรียนและ สพท. ที่เข้าร่วมโครงการ
- เป็นกำลังใจให้กับทีมนักวิจัยผู้ทุ่มเทแรงใจอย่างมาก
- ติดตามผลของการนำ KM ไปใช้ หลังจากที่ได้ผ่านกระบวนการเรียนรู้เครื่องมือ KM จาก สคส. และทีมนักวิจัย เพื่อนำมาปรับกระบวนการในการเป็นวิทยากร KM ของตนเอง
๒. สิ่งที่ได้เกินความคาดหวัง คือ
- ได้รับฟังองค์ปาฐกของแต่ละภาค คือ คุณเดชา ศิริภัทร มูลนิธิข้าวขวัญ นพ.พิเชฐ บัญญัติ อดีตผู้อำนวยการ โรงพยาบาลบ้านตาก คุณทรงพล เจตนาวณิชย์ ผู้อำนวยการ สถาบันเสริมสร้างการเรียนรู้เพื่อชุมชนเป็นสุข (สรส.) และผู้ว่าฯ วิชม ทองสงค์ จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งองค์ปาฐกทั้ง ๔ ท่าน ได้พูดถึง Concept KM และยกตัวอย่างประสบการณ์จริงได้ชัดเจนและเข้าใจง่าย เป็นการเร้าพลังและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้เข้าร่วมงานได้ดีทีเดียว
- เห็นความตั้งใจและกระตือรือร้นของคนในแวดวงการศึกษา ทั้งที่อยู่ในโครงการ EdKM และที่ไม่ได้อยู่ในโครงการ EdKM ที่ให้ความสนใจเข้าร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างเนืองแน่น (ภาคอีสาน คนเข้าร่วมประมาณ ๑,๐๐๐ คน ภาคเหนือ คนเข้าร่วมประมาณ ๘๐๐ คน ภาคกลาง คนเข้าร่วมประมาณ ๖๐๐ คน และภาคใต้ คนเข้าร่วมประมาณ ๑,๐๐๐ กว่าคน) โดยเฉพาะภาคใต้ คนเข้าร่วมหนาแน่นมาก ห้องประชุมใหญ่ของโรงแรมพาวีเลี่ยน จังหวัดสงขลา ต้องเสริมเก้าอี้จนเต็มห้อง แล้วยังมีคนที่ไม่มีที่นั่ง ยืนอยู่นอกห้องอีกมากมาย นั่นแสดงว่า ให้ความสนใจเข้าร่วมจริงๆ ซึ่งวันที่จัดก็เป็นวันเสาร์-อาทิตย์ ด้วย แต่ทีมนักวิจัยบอกว่า ปัจจัยหนึ่งเป็นเพราะ สพท. ที่รับเป็นเจ้าภาพแต่ละแห่งนั้น ได้ทำการประชาสัมพันธ์กระจายข่าวสารเชิญชวนคนเข้าร่วมได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้ง สพท. ที่เป็นเจ้าภาพ ยังเกิดความเป็น Ownership งานด้วย
- เสวนาห้องย่อย ในห้อง Blog ของครั้งที่จัดภาคกลาง นอกจากมีวิทยากรที่เป็นทีมนักวิจัยแล้ว ยังได้เชิญ Blogger ภาคการศึกษาร่วมเป็นวิทยากรด้วย เช่น พี่ปวีณา สพท. สุพรรณบุรี ๒ ครูอ้อยและครอบครัว ฯลฯ ทำให้บรรยากาศสนุกสนาน และมีการซักถามประสบการณ์ของ Blogger ตัวจริงด้วย ซึ่งนับว่าเป็นการสร้างกระแสให้บุคลากรทางการศึกษาหรือกลุ่มเป้าหมายได้ตื่นตัวกับการใช้ Gotoknow ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้อีกด้วย และยังมีตัวแทนจาก สพฐ. ที่ดูแลงานด้าน ICT หรือเครือข่ายใยแมงมุมเข้าร่วมด้วย ทำให้เกิดการเชื่อมโยงระหว่าง Gotoknow กับ เครือข่ายใยแมงมุมเข้าด้วยกัน
- การใช้ KM ของโรงเรียนและ สพท. ที่เข้าร่วมโครงการ EdKM มีการนำ KM ไปใช้ใน ๒ รูปแบบใหญ่ๆ คือ กลุ่มที่ใช้เครื่องมือตามที่ สคส. หรือทีมนักวิจัยอบรมให้แบบไม่ผิดเพี้ยน กลุ่มที่ปรับประยุกต์ใช้ตามบริบทของตนเอง กลุ่มนี้จะไม่ใช้เครื่องมือ KM ที่ สคส. หรือทีมนักวิจัยอบรมให้ทุกเครื่องมือ โดยเลือกเพียงบางเครื่องมือที่มีประโยชน์และเหมาะสมกับองค์กรตนเองเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ทั้ง ๒ กลุ่ม จะใช้เครื่องมือ “เรื่องเล่าเร้าพลัง” กันทั้งหมด และยังมีบางแห่งที่นำ KM ไปใช้กับนักเรียนโดยตรงก็มี โรงเรียนหลายแห่งใช้เครื่องมือ KM แล้วมีความสุข เกิดความสร้างสรรค์งานมากขึ้น โดยเฉพาะโรงเรียนเอกชนที่มีความอิสระและคล่องตัวมากกว่า
๓. สิ่งที่ได้น้อยกว่าที่คาดหวังไว้ คือ
- การนำเสนอยังไม่ค่อยเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้มากนัก (อ.เลขา ปิยะอัจริยะ ใช้คำว่า Show & Tell มากกว่าการ Share & Learn)
- เป็นงานเรียนรู้ KM มากกว่า เพราะมีผู้เข้าร่วมงานส่วนใหญ่จะมาเรียนรู้ว่า KM คืออะไร ใช้อย่างไร หัวปลาคืออะไร ปลาทูคืออะไร ทำไมต้องปลาทู เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม มหกรรมฯ ครั้งนี้ เป็นการจัดกิจกรรมที่เน้นรูปแบบการจัดการความรู้ ซึ่งเป็นเวทีแรกๆ ของภาคการศึกษา และเป็นเวทีเรียนรู้สำหรับการจัดงานมหกรรมการจัดการความรู้ระดับชาติ ของภาคการศึกษาต่อไป ทำให้เกิดการเรียนรู้ที่ดี เนื่องจากคณะทำงาน คือ ทีมนักวิจัย สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา และ สพท. ที่รับเป็นเจ้าภาพของทั้ง ๔ แห่ง มีการดำเนินงานร่วมกัน
๔. สิ่งที่ควรต้องปรับปรุง หากจะต้องจัดกิจกรรมเช่นนี้อีก คือ
- การให้น้ำหนักและความสำคัญกับทุกๆ กิจกรรมของงานอย่างเท่าเทียมกัน ตัวอย่างเช่น จากทั้ง ๔ เวทีนี้ ทางทีมนักวิจัยพบว่า เน้นไปให้น้ำหนักที่เวทีใหญ่และห้องห้องย่อยมาก ทั้งๆ ที่ส่วนของนิทรรศการก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะนิทรรศการยังเป็นแหล่งเรียนรู้ที่ดี เพราะคำถามหลายๆ อย่าง หรือการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในเชิงลึก มักจะเกิดที่นิทรรศการมากกว่าห้องย่อย หรือเวทีใหญ่ เป็นต้น
- การ Focus ประเด็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในแต่ละห้องย่อยให้ชัดเจน แล้วเลือก case ที่เหมาะสมและตรงกับประเด็นนั้นจริงๆ (มีระดับความเข้มข้นในการคัดเลือก case ที่จะมานำเสนอบนเวทีห้องย่อย โดยเลือก case ที่มี success story หรือเป็น best practice ในประเด็นนั้นอย่างเห็นเป็นรูปธรรม) จะช่วยทำให้การแลกเปลี่ยนเรียนรู้มีพลังมากยิ่งขึ้น
๕. สิ่งที่จะทำต่อไป คือ
- ทางทีมนักวิจัยจะปรับเปลี่ยนรูปแบบกิจกรรมใหม่ โดยเพิ่มกิจกรรม “KM Cognitive Coaching” เพื่อทบทวน เน้นย้ำ Concept KM ให้ลึกซึ้ง และแนะนำเครื่องมือ KM อื่นๆ ที่เหมาะสมกับแต่ละแห่ง รวมทั้งทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้กับกลุ่มเป้าหมายของโครงการฯ อย่างใกล้ชิดมากขึ้นด้วย
...ติดตามรายงาน ตลาดนัด KM ของอาจารย์มาตลอดค่ะ...
...ขอบคุณนะค่ะ สำหรับคำแนะนำดี ๆ ...
...ตลาดนัด KM 4 ภูมิภาค ครั้งที่ 4 นี้ เค้ามีแจกรางวัลอะไรกันบ้างค่ะ..
...หากอาจารย์มีข้อมูล รบกวนนำมา ชี้แจงแถลงไขให้ทราบด้วยนะค่ะ
...ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ...
"JasmiN"
ได้อ่านบทความของอาจารย์ อดปลื้มใจในความเป็นคนใต้ และอาจารย์ได้ชื่นชมการจัดตลาดนัดที่ภาคใต้ ผมเป็นคนหนึ่งที่มีโอกาสไปแสดงผลงานที่นั่นด้วย