รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ...


เราหัวเราะคนทั้งโลกจะหัวเราะกับเรา เราร้องไห้เราจะร้องไห้คนเดียว

          ปราชญ์ชาวจีนกล่าวว่า  เวลาที่เราหัวเราะคนทั้งโลกจะหัวเราะกับเรา  เวลาที่เราร้องไห้เราจะร้องไห้คนเดียว  เป็นปรัชญาที่แสดงให้เห็นว่า  ความสุขเป็นสิ่งสากลที่สังคมและใครๆ ต่างก็ปรารถนาจะใฝ่คว้าให้มี  และให้เกิดขึ้นกับตัวเองให้มากที่สุด  ความทุกข์คือสิ่งที่ใครๆ ต่างไม่ต้องการ  เราไม่เคยเห็นใครที่บอกเราว่า  ทำทุกอย่างเพื่อความทุกข์  มีแต่ได้ยินว่า ทำทุกอย่างเพื่อความสุข  และอยาได้มากๆด้วย

          ความสุข เป็นสิ่งที่มนุษย์เห็นว่าเป็นสิ่งสูงค่า  แต่มีกลุ่มคนบางกลุ่มที่เห็นว่า  ความสุข  คือหลุมพลางของชีวิต  เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำลายมนุษย์และฆ่ามนุษย์มามากมาย  โดยเฉพาะคนที่เพลิดเพลินติดอยู่กับความสุขจนลืมเรียนรู้ความทุกข์  แท้จริง  ความสุข  ก็ไม่ต่างจากเศษเนื้อข้างเขียง  ที่บรรดาเราๆท่านๆ  ต่างหมายมุ่งและแก่งแย่งเศษเนื้อเหล่านั้นเอามาไว้ครอบครอง แต่เราไม่เคยเงยหน้ามองและเห็นค่าของเนื้อบนเขียง  ที่เปรียบเสมือนความทุกข์  (บางคนบอกเนื้อที่อื่นดีกว่าเนื้อบนเขียง)   แต่หารู้ไม่ว่า ความสุขมีมุมต่างที่ถูกปกปิดมาตลอดเวลา  คือ

1.                   ความสุข ไม่เคยสร้างอารยะธรรมให้แก่ความเป็นมนุษย์ แม้ว่าความสุขคือดินแดนแห่งสวรรค์ในปัจจุบันของมนุษย์  แต่ว่ามนุษย์กับต้องต่อสู้กับความทุกข์ตลอดเวลา  จะเห็นว่า การเริ่มต้นของวันใหม่ในแต่ละวัน  คือวันแห่งการต่อสู้  วันแห่งความทุกข์ วันที่แสนจะเหนื่อยล้า  และจะต้องอดทน   โดยเฉพาะกับการต้องดูแลตัวเองและคนอื่น  ต้องทำสารพัดทำเพื่อตนเอง  และต้องทำสารพัดอย่างเพื่อคนที่เรารักและรักเรา  นี่คงไม่ใช่ความสุขแท้แน่นอน  ความทุกข์  เป็นความรู้สึกที่ขัดกับความรู้สึกที่แท้  เป็นความรู้สึกว่าต้องปรับเปลี่ยนยอมรับ  เป็นความรู้สึกที่ขัดแย้งกับความต้องการของตนเอง  ความทุกข์คือสิ่งที่เราปฏิเสธตลอดเวลาที่ผ่าน  เราทำทุกอย่างเพื่อหลบหลีก และหนีมัน  การหลีกหนีความทุกข์คือวิธีการหนึ่งที่จะทำให้ความสุขมีได้  การที่เราเคยชิน และมีชีวิตที่คุ้นเคย โดยมีจุดหมายที่ถ่ายทอดเป็นแรงใจว่า  เดี๋ยวก็สบาย  สักพักจะดีเอง  ไม่นานเราจะพบกับความสุข  โดยนัยคือ  การปฏิเสธความทุกข์  แต่เหมือนว่า  เราปฏิเสธมัน มันเหมือนจะใกล้ชิดเรา  เราหนีเหมือนกับยิ่งตามติด  เราไม่ปรารถนาแต่ต้องรับเอามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต  ปากเราปฏิเสธแต่ใจต้องโอบกอด  เราอาจจะให้คุณค่าบางสิ่งมากไป แต่ลืมไปว่า  ความทุกข์ทั้งมวล  ที่ใครๆไม่ต้องการกลับแปรสภาพเป็นพลังให้เราแกร่งขึ้น  ทำให้เรามีพัฒนาการขึ้น  ทำให้เกิดการเรียนรู้ตามลำดับ  เหมือนกับการก้าวเดิน   ก้าวแรกที่พลาดพลั้งคือก้าวหลังที่มั่นใจ  ก้าวแรกที่พลาดไปคือก้าวใหม่ที่มั่นคง  ความสุขไม่เคยทำให้เราแข็งแกร่ง  ความสุขไม่เคยทำให้เราจดจำสิ่งที่น่าจดจำ  วันนี้เราวิ่งได้เร็วเพราะเมื่อวานเราวิ่งแล้วล้ม  วันนี้เรากล้าแกร่งเพราะเมื่อวานเราทนต่อความอ่อนล้า 

2.                   ความสุข  ไม่เคยสร้างคุณธรรมอันน่าสรรเสริญให้กับมนุษย์  คุณธรรมเป็นสมบัติของมนุษย์  ตัวอย่างเช่น  คุณธรรมของพ่อและแม่  ถ้าครอบครัวใดมีพ่อและแม่ขาดคุณธรรม  จะส่งผลกระทบต่อลูกๆที่เกิดขึ้นมาเป็นสมาชิกของครอบครัว  เหมือนข่าวที่นำเสนอเกี่ยวกับครอบครัวครอบครัวหนึ่ง ที่มีพ่อแม่และลูกสาว  พ่อและแม่ทะเราะ  แม่ไม่พอใจพ่อ  โกรธพ่อ  ด้วยความที่ลุแก่อารมณ์โกรธ  อันขาดการยับยั้งจึงเอาน้ำกรดหวังจะไปสาดสามีของตนเอง  ไม่รู้ว่าเวรกรรมของใคร  น้ำกรดที่สาดไปนั้นพลาดไปโดนเอาใบหน้าลูกสาวของตนเองอย่างจัง  น้ำกรดได้ทำลายใบหน้าเกือบทั้งหมด  ดีที่ดวงตายังใช้การได้อยู่  อยู่ๆมาแม่ได้ตายจากไป  ทิ้งความอัปยศเอาไว้บนใบหน้าลูกไว้เป็นอนุสรณ์แก่ลูกตัวเอง  เดี๋ยวนี้ลูกสาวได้เติบใหญ่เป็นสาวเต็มตัวแล้ว   นี่คือภาพสะท้อนว่าคุณธรรม หรือจริยธรรม มีค่ามากแค่ไหน    มันมีเพราะคนเห็นค่ามัน  กับความสุขก็ไม่เคยสร้างคุณธรรมให้กับใคร  ตรงกันข้ามเวลาที่มีความสุขกับลืม หรือระเริงขาดสติ  สำหรับพ่อกับแม่  ท่านมีคุณธรรมของความเป็นพ่อแม่  เพราะท่านรู้บทบาทและทำหน้าที่ของตนเองอย่างสมบูรณ์  การที่ทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์ คือความเหนื่อยยากเพื่อครอบครัว เพื่อลูก  เป็นความทุกข์อีกประเภทหนึ่ง  ยิ่งคาดหวังกับลูกเท่าใดก็ทุกข์มากเท่านั้น  แต่นั่นคือกระบวนการสร้างคุณธรรมของพ่อกับแม่  ที่มีความทุกข์เป็นองค์ประกอบ  ความสุขก็พอมี   แต่เป็นความสุขที่เป็นเศษเสี้ยวซึ่งหลุดเหลือหล่นมาจากความทุกข์

3.                   ความสุข  เป็นเพียงมายา  มายาก็คือภาวะที่เปลี่ยนแปลง  มีลักษณะไม่แน่นอน  ความสุขคือสิ่งไม่แน่นอน  เรามีความสุขไม่นาน  มีเวลาจำกัด  เราจะเห็นว่าเราจะจดจำเวลาแห่งความสุขได้น้อยมาก  แต่เวลาแห่งทุกข์เราจดและจำได้นาน  บางคนนานเท่าชีวิตเลยทีเดียว ยิ่งเรื่องใดที่เจ็บปวดมากเท่าใด  ยิ่งทรงคุณค่าแก่การจดจำ   นั้นแสดงว่า ความสุขมีเพียงชั่วพักชั่วครู่ เป็นมายาแห่งชีวิต ความทุกข์ต่างหากที่เป็นเพื่อนแท้

          ความสุข  เหมือนคนที่เรารัก  ความทุกข์เหมือนคนที่รักเรา  เป็นคำพูดของอาจารย์กำพล  ซึ่งเป็นธรรมะของคนพิการ  ที่ชี้ให้เห็นว่าความสุขคือคู่ชีวิตคนแรก  ความทุกข์คือคู่ชีวิตคนสุดท้าย  ความเห็นเกี่ยวกับความสุขและความทุกข์  ได้ให้แนวคิดเชิงปรัชญา  ที่แตกต่างกัน  ความเหมือนกันก็คือ  มนุษย์ทุกคนยังต้องแสวงหาความสุขและหนีความทุกข์ต่อไป  วันนี้ความทุกข์คือของไม่ดีที่ใครๆไม่ต้องการ  แต่การไม่ต้องการหรือปรารถนามัน  ใช่ว่าความทุกข์จะไม่เกิดกับตัวเรา ในพุทธศาสนาสอนเรื่องเกี่ยวกับความทุกข์ว่า  ให้เรียนรู้ความทุขก์และอยู่ได้อย่างเป็นสุข  ให้เรียนรู้จักมัน เมื่อรู้จักและเข้าถึง จะเข้าใจ  วันนี้ มันจะเปลี่ยนเป็นเพื่อนแท้  เป็นครู  เป็นความสุขได้ทุกเมื่อ  ไม่ว่าเราจะประสบกับภาวะใดๆก็ตาม  ขอให้ทุกคนเป็นนักปรับเปลี่ยน  Adaptor  เปลี่ยนความทุกข์ให้เป็นความสุข  มีความทุกข์เป็นความสุข  มีความสุขที่เกิดจากความทุกข์

หมายเลขบันทึก: 120279เขียนเมื่อ 17 สิงหาคม 2007 19:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 19:57 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

เข้าใจยากคร๊าบบบบบบ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท