วันหนึ่ง นพดลเห็นหญิงชราหลังค่อม สติไม่สู้ดี ปกติแกจะเดินวนเวียนอยู่ในละแวกนี้ มาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านของตน และหยิบไม้กวาดมากวาดเศษขยะออกไปพ้นจากหน้าบ้าน แม้จะกวาดได้ไม่ดีนักแต่ก็ทำให้นภดลเกิดความเอ็นดูจึงให้เงินแกไป 10 บาท
หญิงชราก็มากวาดขยะทุกวัน นภดลก็ให้ทานแกวันละ 10 บาททุกวัน
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา นภดลเริ่มรู้สึกอึดอัดและคิดว่า “เราทำทานวันละ 10 บาท เดือนหนึ่งก็ 300 บาท รายได้ของเราก็ไม่มากนัก เราควรเก็บไว้ใช้เองดีกว่า”นภดลตัดสินใจไม่ให้เงินแก่หญิงชราอีกต่อไป ดังนั้นเมื่อแกมารอรับทานเช่นเคยก็ต้องพบความผิดหวัง เพราะนภดลหลบอยู่ในบ้านไม่ออกมาให้เงินแก แต่หญิงชราก็ยังเดินวนเวียนไปมา และมองหานภดลผู้ซึ่งเคยให้ทานแกวันละ 10 บาท
น่าคิดว่าหญิงแก่หลังค่อมสติไม่ดี และมักพูดจาเลอะเลือนอยู่คนเดียว แต่กลับจดจำผู้ที่เคยให้ทานแกได้อย่างแม่นยำ
อาจเป็นเพราะ “การให้ทานสามารถสร้างความประทับใจให้กับทุกคนได้แม้แต่กับคนเสียสติ” ทำให้รับรู้และจดจำได้โดยสัญชาตญาณ เพราะแม้แต่สัตว์ เช่น สุนัข ที่มีภูมิต่ำกว่ามนุษย์ ยังสามารถจดจำผู้ที่เคยให้อาหารแก่มันเพียงครั้งเดียวได้ รู้ว่าผู้ใดมีเมตตาหรือคิดทำร้ายมัน
หญิงชราสติฟั่นเฟือนย่อมไม่เข้าใจว่า เหตุใดนภดลจึงไม่ออกมาให้ทานแกเช่นเคย ดังนั้นแกจึงได้รอคอยจนกว่านภดลจะออกมาให้ทาน อย่างไม่ย่อท้อ
นภดลคิดว่าถ้าทำเฉยเสียแกก็คงจะไปเอง แต่ผ่านไปชั่วโมงเศษแกก็ยังรอ
น่าคิดว่า ความอดทนของคนเสียสติจะมีมากกว่าคนปกติ ฝ่ายหนึ่งรอคอยการให้ทาน 10 บาท อีกฝ่ายไม่ยอมให้ ก่อให้เกิดสภาพคุมเชิงที่แปลกประหลาดท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบ มีการแย่งชิงเงิน 10 บาทเกิดขึ้นอย่างดุเดือด เร้นลับ
เหตุเพราะนภดลเกิดตระหนี่ขึ้นในใจ เงินร้อยบาทหรือหนึ่งบาทจึงให้ไม่ได้
เวลาผ่านไป นภดลกลับเป็นฝ่ายกระสับกระส่ายเอง ท่าทีเด๋อด๋าไร้มารยา แววตาของหญิงชราที่มองมาอย่างมุ่งหวัง ทำให้นภดลเกิดความรู้สึกผิดขึ้นในใจ ต้องทบทวนความคิดและการกระทำของตนใหม่
“เรามีสิทธิ์ที่จะไม่ให้เงินแก แต่จะทำให้คนสติไม่ดีผิดหวัง ถ้าคนสติดีคงไม่มารอรับเงินแค่ 10 บาทจากเราเป็นชั่วโมง เงิน 10 บาทที่ไม่เคยได้รับจากคนอื่นอาจมีค่าสำหรับแกมาก บางทีตอนนี้แกอาจรอเงินจากเราเพื่อซื้ออาหาร…ป่านนี้แกคงหิวแย่! การไม่ให้แก่ผู้สมควรให้ ซึ่งตนให้ได้เป็นการทำบาปอย่างหนึ่ง มิน่า เราถึงรุ่มร้อนใจตลอดมา”
เมื่อจิตเกิดเมตตา เงิน 10 บาทหรือ 300 บาท ก็สามารถให้เป็นทานได้โดยง่ายดายนภดลเดินออกมาอย่างปลอดโปร่าง หญิงชราเดินรี่มาหาอย่างดีใจ นภดลยื่นเงินให้แก…เงินเหรียญ 10 บาทจ้องมองวาบวับ! แม้มันจะเล็กน้อยและไม่มีชีวิตแต่เป็นที่ต้องแกของคนเสียสติและปกติ ฉุดกระชากความตระหนี่และเมตตาให้เกิดขึ้นในจิตมนุษย์ได้ ความรู้สึกของนภดลที่มีต่อเงิน 10 บาทในขณะนี้ กลับผิดแผกไปจากหนึ่งชั่วโมงก่อน
เงิน 10 บาทให้ออกไปแล้ว ความตระหนี่ถูกแทงสลาย การแย่งชิงยุติบัดดล
พริบตานั้น นภดลอาศัยเพียงเงิน 10 บาท ก็สามารถทะยานเข้าสู่หัวใจของการให้ทานทันที เพราะการให้ประกอบด้วยความเมตตา ณ เวลานั้นนั่นเอง
เมื่อความตระหนี่เกิดขึ้นย่อมเป็นทุกข์เพราะความหวงแหน แต่เมื่อเมตตาอุบัติก็ทำลายตระหนี่ลงได้ การให้กลับเป็นความสุข ดังพุทธพจน์ “พึงกำจัดความตระหนี่ด้วยการให้” หรือ “ผู้ให้ย่อมมีความ” ท่านพุทธทาสก็เคยกล่าวว่า “จิตที่คิดจะให้สบายกว่าจิตที่คิดจะเอา” มันสบายจริงๆ