เมื่ออาทิตย์ก่อน... เป็นอีกวันที่ผมนั่งไม่ค่อยจะติดโต๊ะสักเท่าไหร่.... นัก
แน่หละ... วันนี้ผมต้องไปนำเสนองานนี่ ใครจะจะนั่งอยู่กับที่ได้ หลายคนคงคิดสิว่า... เรื่องแค่นี้เรื่องเล็ก ๆ เท่านั้นมันง่ายเหมือน “แคะขี้เล็บ” ซะอีกแน่ะ
ถ้าคุณ... คิดแบบที่ผมว่ามา นั่นคงเป็นความคิดที่ผิด และมันก็เป็นเรื่องยากของใครหลาย ๆ คนเหมือนกันนะครับ... คุณลองนึกดู ว่าวันนี้จะเกิดอะไรกับตัวคุณบ้าง และจะเกิดอะไรหลังจากที่ผ่านวันนี้ไป คนที่ตั้งความหวังไว้สูงต้องคิดทั้งนั้น
อะไรล่ะ... จะเกิดขึ้นในวันนี้
เขา... จะสนใจในสิ่งที่เราพูดไหม เราจะทำอย่างไรเมื่อมันเกิดสถานการณ์ที่เราไม่คาดคิดมาถึง...
เรา... ต้องทำการบ้านให้ดี เตรียมตัวให้พร้อม และรู้จักอ่านใจคน สิ่งนี้... คือสิ่งที่นักขาย แม้แต่มนุษย์ไอเดียยังคงต้องเตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอ...
ไม่ว่า... คุณจะอยู่กับคนฟังเพียงแค่คนเดียว หรือรายล้อมตัวคุณอยู่นับร้อย สิ่งหนึ่งที่คุณต้องพยายามทำในตอนนั้นก็คือ “อ่านใจผู้ฟังของคุณให้ออก” ไม่ว่าจะเป็นสีหน้า ท่าทาง แม้แต่อาการขยุกขยิกของผู้ที่อยู่เบื้องหน้าของคุณก็ตาม ทุกสิ่งเหล่านี้สามารถทำให้การพูดและการนำเสนอของคุณผ่านไปได้... ดีกว่าที่คุณจะพูดพร่ำอยู่คนเดียวโดยรอบตัวคุณไม่มีใครสนใจคุณเลย
อ่านใจ... ผู้ฟังของคุณอย่างไร
เริ่มแรก... ให้ดูปฏิกิริยาของผู้ฟังขณะที่คุณกำลังพูด เพราะในบางครั้งสีหน้าของผู้ฟังของคุณก็ไม่ได้ช่วยอะไรได้เลยจริง ๆ ที่จะให้เรารู้ถึงความตั้งใจฟังของเขาเหล่านั้น ดังนั้นสิ่งที่คุณจะกระทำได้ตอนนั้นก็คือ สังเกต... การเปลี่ยนอิริยาบทของผู้ฟังอย่างกระทันหัน จะช่วยให้เราพอจะรู้ได้ว่าเขาตอบสนองในการฟังของเราอย่างไร ถ้าเกิดในเวลานั้นผู้ฟังของคุณเกิดเปลี่ยนอิริยาบทมาเป็นนั่งกอดอก ไขว่ห้าง หรือหันซ้านหันขวา มองไปมาที่ผนัง ประตู หรือหลังคา ถ้าคุณไม่สามารถทำให้สายตาของเขาเหล่านั้นกลับมาอยู่ที่ตัวคุณได้ นั่นหมายถึงว่าวันนั้นคุณเสนองานไม่ได้อย่างแน่นอน...
หรือถ้า... ตอนนี้ผู้ฟังของคุณเกิดอาการหน้ายับยู่ยี่ สายหน้าไปมา... ให้คาดการเบื้องต้นไว้ก่อนเลยว่าตอนนี้คุณเจอกระดูกชิ้นโตซะแล้ว เพราะตอนนี้ความคิดของคุณกับผู้ฟังกำลังหักล้างกันอยู่ในใจ... ถ้าคุณเปิดโอกาสให้เขาเหล่านั้นพูดเมื่อไหร่ คุณได้ปวดหัวแน่... ทางที่ดีเมื่อคุณเห็นท่าทางแบบนี้คุณควรพิจารณาคำพูดของคุณให้ดีกว่าเดิม แต่งเสริมเติมแต้ม ขยายความในคำพูดของคุณให้ละเอียดยิ่งขึ้น สิ่งนี้จะช่วยให้ผู้ฟังของคุณเข้าใจอะไรง่ายขึ้น แต่อย่าพยายามพูดแบบพายเรือในอ่างเด็ดขาด เพราะนั่นหมายถึงว่า อีกชั่วโมงถัดไปคุณพับเสื่อกลับบ้านได้เลย....
และถ้า... ผู้ฟังของคุณเริ่มกอดอก หรือไขว่ห้าง นั่นก็อาจหมายถึงว่าผู้ฟังกำลังมีความคิดที่ขัดแย้งกับคุณ คุณควรพยายามจับประเด็นคำพูดของคุณ แล้วขยายความถึงข้อดีของมันออกมาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะนั่นเป็นการเปลี่ยนแปลงความคิดของผู้ฟังของคุณให้มาอยู่ในความคิดเดียวกันกับคุณนั่นเอง...
และ... เมื่อไหร่ที่มีผู้ฟังคนใดคนหนึ่งของคุณ เกิดแสดงอาการกำจมูกหรือเอามือจับจมูกอยู่ในเวลานั้น ให้คุณพยายามหาช่องให้ซักถามทันที เพราะว่าในขณะนั้นอาจมีคนสงสัยในคำพูดของคุณอยู่ก็เป็นได้...
และถ้าหากวันนี้... คุณโชคดี คุณก็จะเห็นสายตาของผู้ฟังของคุณมองมาที่ตัวคุณ พร้อมทั้งพยักหน้าตอบรับ เพื่อบ่งบอกถึงการรับรู้ การยอมรับในคำพูดของคุณ ในเวลานี้... คุณลองสับสายตาของคุณไปมองทางอื่นดู ถ้าผู้ฟังของคุณหันตามไปในทิศทางเดียวกับคุณ ให้คุณมั่นใจไว้ก่อนเลยว่าคุณสำเร็จมาครึ่งทางแล้ว....
แล้ววันนั้น... ผมก็โชคดีกลับมาอย่างคาดไม่ถึง เมื่อผมคำตอบรับที่ผมได้รับเป็นข้อสุดท้าย...
ไม่มีความเห็น