ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนนะครับว่าไม่มีส่วนได้ส่วนเสียใดๆทั้งสิ้น เพียงแต่มีน้องๆหลายคนถาม และอยากให้คุณครู ผู้ปกครอง และน้องที่เรียนมัธยมได้รู้ เพื่อจะได้มีโอกาสในการแข่งขันที่ใกล้เคียงหรือเท่าเทียมกัน โดยไม่เสียเปรียบกันมากนัก เพราะปีหนึ่งมีการสอบประมาณ 4 ครั้ง แต่ละครั้งมีผู้เข้าสอบร่วมหมื่นกว่าคน แต่รับไม่กี่ร้อยคนเอง
SMART-I (Scholastic Management Aptitude
Requirement Test – I) หรือ SMART for Undergraduate Level
คือ…
ชุดข้อสอบที่ออกแบบและพัฒนาขึ้นโดย
ศูนย์ทดสอบทักษะด้านการจัดการแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
โดยใช้เครื่องมือในรูปแบบต่าง ๆ
เพื่อประเมินความพร้อมและความเหมาะสมของบุคคลในการเข้าศึกษาในระดับปริญญาตรีทางการบัญชีและบริหารธุรกิจ
SMART-I หรือ SMART for Undergraduate
Level ใช้กับใคร
ผู้เข้าทดสอบ SMART for Undergraduate Level โดยส่วนใหญ่ คือ
ผู้ประสงค์เข้าศึกษาในระดับปริญญาตรีทางการบัญชีและบริหารธุรกิจทั้งหลักสูตรภาษาไทยและหลักสูตรนานาชาติ
(BBA) ผ่านโครงการรับตรง (Direct Entrance)
ของคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
โดยคณะฯได้มอบหมายภารกิจในการจัดสอบให้แก่ศูนย์ทดสอบทักษะด้านการจัดการแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์พัฒนาแบบทดสอบชุดนี้ขึ้นเพื่อใช้เป็นส่วนหนึ่งในการคัดเลือกเข้าศึกษาในระดับปริญญาตรีทางการบัญชีและบริหารธุรกิจของคณะฯ
SMART-I หรือ SMART for Undergraduate
Level วัดอะไร
การทดสอบข้อเขียนโดยใช้ข้อสอบ SMART for Undergraduate Level
นั้นจุดมุ่งหมายประการสำคัญ คือ
การวัดระดับความสามารถทางวิชาการที่จำเป็นและเหมาะสมในการศึกษาในระดับปริญญาตรีทางการบัญชีและบริหารธุรกิจของนักศึกษา
โดยผลการทดสอบนั้นจะสะท้อนความสำเร็จของการเรียนในระดับปริญญาตรี
ข้อสอบ SMART for Undergraduate Level
เป็นมาตรวัดที่มีทั้งความเที่ยง(Reliability) และความตรง (Validity)
ของกระบวนการคัดเลือกเข้าศึกษาโดยผู้สมัครจะเข้าทดสอบด้วยแบบทดสอบที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน
ทำให้ผลสอบที่ออกมาสามารถนำไปเปรียบเทียบระหว่างผู้สมัครได้อย่างเป็นรูปธรรม
SMART-I หรือ SMART for Undergraduate
Level มีองค์ประกอบอะไรบ้าง
ข้อสอบ SMART for Undergraduate Level
เป็นข้อสอบแบบปรนัย(ภาษาไทย) ทั้งหมด 120 ข้อ ให้เวลาทำข้อสอบประมาณ 3
ชั่วโมง 15 นาที ข้อสอบแบ่งเป็น 4
ส่วนแจกข้อสอบทุกส่วนพร้อมกัน
และกำหนดให้ทำแต่ละส่วนตามช่วงเวลาที่กำหนด
โดยมีรายละเอียดแต่ละส่วนดังนี้
เกณฑ์ขั้นต่ำของคะแนน SMART for
Undergraduate Level
คะแนนรวมเมื่อแปลงเป็นคะแนนสำหรับโครงการรับตรงฯ
ตามค่าน้ำหนักที่กำหนดแล้วไม่น้อยกว่า 47.5 คะแนนจาก 95 คะแนน
และคะแนนแต่ละส่วนของ SMART-I ไม่น้อยกว่า 30 คะแนน
สำหรับรายละเอียดลองเข้าไปดูได้โดยตรงที่เวบของ Smart-I นะครับถ้าไม่รู้ลองค้นจาก google ก็ได้เพราะอาจมีการเปลี่ยนแปลงบางประการ
คำแนะนำสำหรับการเตรียมตัว
1. ระดับความยากของโจทย์คณิตศาสตร์ใกล้เคียงกับข้อสอบคณิตศาสตร์ของ GMAT หรือ CU-BEST แต่มีความซับซ้อนน้อยกว่า
2. การอ่านส่วนใหญ่เป็นการทดสอบเพื่ออ่านจับใจความหรือลักษณะเด่นบทความที่นำมาให้อ่านเนื้อหาค่อนข้างเกี่ยวกับเชิงธุรกิจ หรือ เศรษฐกิจ ต้องอ่านให้เร็วและจับประเด็นหลักให้ได้ ควรฝึกทดสอบอ่านข้อสอบภาษาไทยปีเก่าๆ ที่มีบทความยาวๆ หรือ ข้อสอบภาค ก. ของ ก.พ. ซึ่งจะมีลักษณะคล้ายๆ กัน
3. ข้อสอบภาษาอังกฤษส่วนใหญ่ดัดแปลงจากข้อสอบ TU-GET ของสถาบันภาษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ดังนั้นรูปแบบของข้อสอบจึงคล้ายข้อสอบ TU-GET ควรระวังเพราะส่วนใหญ่มักไม่ผ่านภาษาอังกฤษ
4. ข้อสอบความรู้รอบตัว ส่วนใหญ่จะเน้นความรู้รอบตัวเกี่ยวกับข้อมูลที่สำคัญของประเทศไทย ความรู้ทางบริหารธุรกิจ เศรษฐกิจ สังคม การเงิน การคลัง การเมือง สถานการณ์โลก องค์กรหรือหน่วยงานที่สำคัญทั้งใน และนอกประเทศ ชื่อบุคคลสำคัญ เหตุการณ์บ้านเมืองหรือเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ในช่วงใกล้สอบ ดังนั้นควรติดตามข่าวสารต่างๆตลอดเวลา รวมทั้งควรอ่านหนังสือพิมพ์ธุรกิจบ้าง
ถ้ามีน้องๆสนใจตัวอย่างข้อสอบลองเมล์มาละกัน ถ้าพอรู้ก็จะบอกให้นะ แต่คงต้องขยันมากๆ ละกัน จะว่าไปแล้วยิ่งเปลี่ยนระบบการเรียนการสอบ เด็กๆยิ่งต้องปรับตัวขยันกันยกใหญ่ จากเดิมที่สอบวัดผลครั้งเดียวตอนเอนทรานซ์ เพียงไม่กี่วิชา ตอนนี้เห็นบอกจะสอบ 8 กลุ่มสาระ แถมมีคะแนนเฉลี่ย แล้วมีการสอบอะไรอีกมากมาย แถมการสอบตรงแต่ละที่ก็มีแนวไม่เหมือนกัน ถ้าอยากสอบได้ต้องเตรียมตัวกันเหนื่อยมาก น่าสงสารจังชีวิตวัยเรียนที่สนุกต้องมาเคร่งเครียดกับการสอบแข่งขัน ไม่รู้ว่ามีผู้ใหญ่ท่านไหนที่เกี่ยวข้องเคยมองเห็นปัญหาไหม จะมองในแง่ที่อยากคัดเลือกคนเก่งเพียงอย่างเดียว แล้วคนดีหรือคนทั่วไปที่ไม่เก่งมากละจะไปเรียนอะไรกัน ปัญหาเหล่านี้มองได้หลายมิติถ้าจะว่ากันไปแล้วคงเรื่องยาว เอาเป็นว่าตอนนี้ขอแค่นำเสนอเพื่อเป็นข้อมูลไว้เท่านั้นก่อนแล้วกัน ถ้ามีโอกาสคงได้มาเปิดประเด็นใหม่อีกที
แต่อยากฝากข้อคิดสักนิดสำหรับน้องๆ ก็คืออย่าเครียดมาก ปัญหาทุกปัญหามีทางแก้ และการสอบได้ไม่ได้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ อนาคตเราไม่ได้อยู่ที่การสอบแข่งขันอย่างเดียว เราควรมองถึงการเรียนในสาขาที่เราสนใจ เราชอบ ควรสนุกกับการเรียนมากกว่าที่จะมานั่งทนเรียนที่ไม่ชอบ ถึงแม้ว่าอาจประกอบอาชีพได้และไม่รวย แต่ถ้าอยู่ได้แบบพอเพียงก็น่าจะพอจริงไหม การเป็นคนรวยมากๆแต่ขาดคุณธรรม บางทีก็นอนหลับไม่สนิท ชีวิตมีแต่ความสุขทางกาย แต่ต้องทนทุกข์ทรมานทางใจก็มีตัวอย่างให้เห็นเยอะไป ส่วนผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรก็อยู่ทีน้องๆแต่ละคนจะเป็นคนเลือกเอง...จริงไหม ???
ฝากคณิตศาสตร์ของ SMART-I ไว้คิดเล่นๆสักข้อก่อนจากนะครับ เป็นข้อที่เพิ่งออกสอบไปไม่นานนี้(กลางปี 50) ลองดูนะครับ
(500-1)(500-2)(500-3)(500-4) . . . (500-998)(500-999)(500-1000) มีผลลัพธ์เท่ากับเท่าไร
ใครคิดไม่ออกลองค่อยๆมองดีๆนะครับ โจทย์ข้อนี้ใช้ไหวพริบอ่านจบแล้วน่าจะตอบได้เลย ; )
ผมอยากรู้คำตอบครับพี่ teenja@hotmail.com
ANSWER
(500-1)(500-2)...(500-500)...(500-999)(500-1000) = 0
ไม่ยากเลย..จริงไหมครับ !!!
คำตอบคือ 0 ป่าวคับ
เพราะจำนวนจะไล่ไปเรื่อยจนถึง 500-500 (=0)
อะไร*0 ก็ได้ 0
คำตอบที่ได้ เท่ากับ 0 คับ เพราะว่าจำนวนนั้นลดลงเรือยๆจนถึงลบตัวของมันเองคับคือ (500-500)นั่นเอง พอได้ 0 คูณกับตัวอะไรต่อให้เยอะแค่ไหนก็ได้ 0 เท่าเดิมคับ