ที่จริงติดตามเรื่องโลกร้อนมานานพอสมควรแล้ว แต่พอทราบข้อมุลจากสารคดีแล้ว รู้สึกว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นเริ่มใกล้ตัวชัดเจนขึ้นแล้วครับ และคิดว่าเราคงจะอยู่ในยุคนี้ไปอีกอย่างน้อยหกสิบปี ถึงแม้มนุษย์จะกลับตัวกลับใจบ้าง(แต่ก็ไม่ทันแล้ว) ภาวะกัดเซาะชายฝั่งทะเลของเมืองไทยเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อย โดยที่ใครต่อใครไม่ค่อยรู้ตัวครับ ภาวะโลกร้อนเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเล ประเทศไทยมีแนวชายฝั่งทะเลทั้งสิ้น ๒,๖๖๗ กิโลเมตร ่บริเวณที่ประสบปัญหารุนแรงในปัจจุบัน คือชายฝั่งทะเลจังหวัดฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ กรุงเทพมหานคร สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม ซึ่งมีการกัดเซาะชายฝั่งมากกว่า ๒๕ เมตรต่อปี โดยเฉพาะจังหวัดสมุทรปราการ มีการกัดเซาะจมน้ำไปแล้ว ๑๑,๑๐๔ ไร่
แนวเขื่อนป้องกันแรงกระแทกของคลื่นตลอดหน้าวัดขุนสมุทราวาส แสดงให้เห็นความพยายามของชาวบ้าน เพื่อจะรักษาชายฝั่งที่ถูกน้ำทะเลกัดเซาะเข้ามาเรื่อยๆ จนบัดนี้ผ่านมา ๑๐ กว่าปีแล้ว ความช่วยเหลือจากทางการก็ยังเดินทางมาไม่ถึง ริมสุดด้านซ้ายคือเสาไฟฟ้าโผล่ให้เห็นโด่เด่อยู่กลางทะเล เป็นหลักฐานยืนยันว่าทะเลตรงนั้นเคยเป็นถนนมาก่อน (ภาพ : สกล เกษมพันธุ์)
หลักเขตกรุงเทพมหานคร หลักเขตที่ ๒๘ เดิมเป็นหลักเขตกั้นระหว่างเขตบางขุนเทียน กับอ่าวไทย บริเวณนี้เคยเป็นแผ่นดินมาก่อน ปัจจุบันถูกน้ำทะเลกัดเซาะจนเหลือแต่หลักเขต ซึ่งอยู่ห่างจากฝั่ง ๘๐๐ เมตร (ภาพ : ประเวช ตันตราภิรมย์)
.......................................................................................................................
ระดับน้ำทะเลกำลังสูงขึ้น
นักวิทยาศาสตร์ทำนายว่า อีก ๑๐๐ ปีข้างหน้า อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกจะเพิ่มสูงขึ้น ๑.๑-๖.๔ องศาเซลเซียส ส่งผลให้ระดับน้ำทะเลทั่วโลกสูงขึ้นประมาณ ๐.๓-๑.๑ เมตร และทำให้พื้นที่ชายฝั่งทะเลต้องจมน้ำไปตลอด โดยเฉพาะบริเวณอ่าวไทยตอนบน รวมถึงกรุงเทพมหานคร จะถูกน้ำท่วมลึกเข้ามาไม่น้อยกว่า ๖-๘ กิโลเมตร
โบสถ์วัดขุนสมุทราวาส จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเคยอยู่ห่างจากฝั่งทะเล ๑ กิโลเมตร ปัจจุบันพื้นที่โบสถ์บางส่วนกำลังจมน้ำทะเล (ภาพ : วัดขุนสมุทราวาส)
ไฟป่าที่เกิดในประเทศไทยมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นทุกปี โดยเฉพาะปีนี้ไฟป่าทางภาคเหนือได้ทำให้เกิดมลพิษ ทางอากาศปกคลุมเมืองเชียงใหม่มากเป็นพิเศษ
(ภาพ : สกล เกษมพันธุ์)
เกิดน้ำท่วมใหญ่บริเวณภาคกลางของไทย เป็นเวลาหลายปีติดต่อกัน
(ภาพ : จำนงค์ ศรีนวล)
สารคดีพิเศษ : โลกร้อน ความจริงที่ทุกคนต้อง - น้ำท่วม โรคระบาด และการหายไปของชาวนา บทเรียนเมื่อโลกร้อนมาเยือนไทย เรื่อง : วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์
ที่จริงแล้วผลกระทบที่เข้ามาจะเข้ามาอย่างช้าๆ
เพราะโลกขยับตัวอย่างช้าๆ จนเราไม่ทันรู้สึก
เอาแค่ง่ายๅ หากน้ำท่วมกรุงเทพเข้ามาอีก 6-7 กิโลนี่ถึงไหนครับ
นับจากหลักเขตกรุงเทพมหานคร หลักเขตที่ ๒๘ ที่ท่วมอยู่ตอนนี้...เข้ามา
นั่นแหละ คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอีก 10-30 ปีนี้
ผลจากภาวะโลกร้อน น้ำแข็งละลาย และสภาวะโลกที่โดนมนุษย์รบกวนยังไม่หมดแค่นี้นะครับ
ที่สำคัญ คือ ยังมีคนอีกมากไม่สนใจ
เราจึงกำลังเดินไปสู่ผลลัพธ์ของการกระทำมนุษย์ร่วมกันทั่วโลก
ภาษาพุทธเรียกว่า รับกรรม มนุษย์ก่อกรรมใดไว้ก็ต้องรับผลของกรรมนั้นร่วมกันโดยไม่มีข้อแม้
นึกถึงคนที่ลงเรือลำเดียวกัน
ฝ่าลมหนาวในทะเลไปยังอนาคต
คนกลุ่มนึงเห้นแก่ตัวเลาะไม้จากเรือไปเผาให้อุ่น โดยที่คนอื่นไม่ห้าม
เรือมันก็ค่อยๆหมดสภาพลงทีละน้อย
และเมื่อเรือถึงเวลาจม
คนที่ไม่ห้ามก็ไม่มีสิทธิอุทธรณ์ใดใดกับความตายที่จะมาเยือนครับ
จบแรงๆแบบนี้แหละกระชากให้คิดดี..
แก้ไขแล้วครับ พอดีอยากได้ธีมขาวแดงดำเทา
ปรับตัวอ่านให้เป็นสีดำแล้วครับ
มีการศึกษาหรือเปล่าครับว่า อะไรบ้างที่เป็นสาเหตุของโลกร้อน. แล้วเอามาจัดอันดับกัน. เช่น สมมุตินะครับ
1. ไฟป่า
2. รถยนต์
3. แอร์
4. โรงงานอุตสาหากรรม
ฯลฯ
เรียงลำดับได้ยากครับ เพราะข้อมูลข้อเ็ท็จจริงนั้นมักถูกบิดเบือน
คุณรู้ไหมว่ามีการบิดเบือนข้อมูลมานานแล้วทั้งๆที่รู้
แต่ทำไมถึงรู้ในวงแคบและการรณรงค์ถึงเพิ่งจะมามีกระแสเริ่มอย่างเป็นจริงเป็นจังในช่วงหลังนี่เอง
เหตุผลนี้เกิดจากผลประโยชน์ทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องครับ
บุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์(co2) ออกมา เช่นธุรกิจค้าน้ำมัน ธุรกิจการผลิตรถยนตร์ และอุตสาหกรรมหลายประเภทจำเป็นต้องปกป้องธุรกิจของเขา
เพราะถ้าเกิดว่ามีการเปิดเผยข้อมูลส่วนนี้จริง แน่นอนย่อมส่งผลต่อธุรกิจของเขาอย่างแน่นอน ถึงขนาดมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลของผลการทดลองเรื่องภาวะโลกร้อนกันเลยทีเดียวเพื่อให้มีผลกับธุรกิจของตนเองให้น้อยที่สุด
ภาวะโลกร้อน เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง และกำลังเกิดขึ้นอยู่ ณ ตอนนี้ สาเหตุหลักก็คือ การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์(co2) ที่มากเกินกว่าปกตินั่นเอง
บางคนบอกว่า แล้วทำไมเราถึงต้องมานั่งเดือดร้อนเรื่องพวกนี้ด้วยหล่ะ มันร้อนก็ไปอยู่ที่เย็นซะสิ -_-"
ในทุกๆวันโลกเราปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์(co2)ออกมาสู่โลกของเราวันละ 70 ล้านตันทุกวัน !!!
25 ล้านตันจาก 70 ล้านตันของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์(co2) นั้นจะถูกมหาสมุทรดูดซึมลงไปครับ
ซึ่งแน่นอนส่งผลให้น้ำในมหาสมุทรมีอุณหภูมิที่สูงขึ้น เมื่อมหาสมุทรร้อนขึ้น พายุก็จะรุนแรงมากขึ้น ปี2004 ญี่ปุ่นเจอพายุใต้ฝุ่น 10 ลูกมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ จากการบันทึกแอตแลนติกใต้ไม่เคยมีเฮอริเคน ในปีเดียวกันกับญี่ปุ่น เฮอริเคนก็เกิดขึ้นที่นั่นเช่นกัน
ภาคใต้ของเราเจอพายุมากมายในปีที่ผ่านมา สภาพอากาศในเมือง ทุกคนคงได้เจอกับตัวเองแล้วว่ามันเป็นเช่นไร เปลี่ยนแปลงจากเมื่อตอนคุณยังเด็กขนาดไหน
ในประเทศไทย การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์(co2)นั้นยังไม่เกินข้อกำหนดมาตรฐาน แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเราสามารถมีสิทธิ์จะปล่อยไปตามอำเภอใจแบบนั้นได้ ประเทศที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์(co2) คิดเป็น%แล้วชาติที่ปล่อยมากที่สุดคือ อเมริกา 36% ทวีปเอเชียของเรา รวมกันทั้งทวีปคิดเป็น12%
กลับมาทีคำถาม ผมแบ่งสาเหตุ เป็น 2 กลุ่ม สาเหตุแรกปรากฏการณ์ของโลกที่สร้างco2 มีอยู่เหมือนกัน
เป็นปัจจัยไม่สม่ำเสมอนัก แต่ถือว่าไม่ได้เกิดจากน้ำมือมนุษย์ โดยตรง
กับแบบที่ 2 ที่เป็นปัญหาหลัก คือจากน้ำมือมนุษย์
ในส่วนนี้เกิดจากมนุษย์หันไปพึ่งการเผาผลาญเชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น น้ำมัน ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ เพื่อผลิตพลังงาน(การเผาผลาญเชื้อเพลิงสกปรก) และในกระบวนการการเผาผลาญเชื้อเพลิงฟอสซิลจะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกตัวสำคัญที่สุดออกสู่ชั้นบรรยากาศครับ
แบบนี้ก็ดูง่ายว่าอะไรสร้าง co2 บ้างใช่เปล่าครับ?
แต่ถ้า 70 ล้านตัน ออกมาจากโรงงาน ซะ 69 ล้าน ผมอุตส่าไม่ขึ้นรถเมล์ แต่เดินไปโรงเรียนแทนก็ไม่ค่อยช่วยเลยดิครับ?
ผมเห็นบางที่คำนวณให้ดูเลยว่า รถส่วนตัวปล่อย co2 เท่าไหร่ รถเมล์ รถไฟฟ้า รถจักรยาน ฯลฯ การ recycle กระป๋อง.
ปลูกต้นไม้ช่วยลดได้เท่าไหร่ครับ? สมมุติว่าเป็นป่า 1 ตารางเมตร แล้วกันลดได้เท่าไหร่.
เข้าไปเล่นที่นี่เลยครับ
ยังไม่สมบูรณ์นะครับ แต่ว่าจะพัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ ตามเวลา่ว่างของคนทำ
ส่วนอันนี้ของตปท. สวยมากน่าเล่นทีเดียว
ได้ความรู้ดีค่ะ
แต่อยากได้ภาพที่เป็นผลกระทบจากภาวะโลกร้อนเยอะๆ
เราเอาไปสอนนักเรียน่ะค่ะ
ถ้าจะกรุณา
ส่งไปทางมลล์นะคะ
ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
อยากส่งข้อมูลให้จริงๆครับ
แต่ไม่เห็นเมล์ ที่ระบุให้ส่งครับ...แฮ่ม