ชะตากรรมแห่งดวงดาว


เพราะความหมายของดวงดาวทำให้เรารู้ว่า แม้แต่ดวงดาวก็มีกรรมเป็นของตนเอง

ในโลกใบกลมๆ ใบนี้  

เราไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่า  ความเชื่อ   เป็นสิ่งหนึ่งที่อยู่ควบคู่กันมากับความเป็นมนุษย์ทีอยู่บนโลกใบนี้  แม้ว่าความเชื่อนั้นจะมีเหตุผลหรือไม่ก็ตาม  จะสามารถพิสูจน์ได้หรือไม่ก็ตาม  จะเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่ก็ตาม  

แต่เพราะความเชื่อเหล่านี้เอง  จึงทำให้เกิดทฤษฏีต่างๆ มากมาย  ทำให้เกิดวัฒนธรรม  เกิดศาสนา  เกิดหลักทั้งทางด้านวิทยาศาสตร์  จิตศาสตร์  วิญญาณศาสตร์ ที่เข้ามามีอิทธิพลของมนุษย์เรา

ความเชื่อในด้านหนึ่งที่แตกหน่อมาจากหลายศาสตร์มารวมกัน  ทั้งทางด้านศาสนา  ปรัชญา  และวิทยาศาสตร์   ที่อาจจะพิสูจน์ได้หรือไม่นั้น  ไม่ใช่เรื่องสำคัญ  แต่ความเชื่อนี้กลับส่งผลมีอิทธิพลต่อพฤติกรรม  จิตใจ  ความคิด  และกำหนดทิศทางของมนุษย์

บางคนอาจจะว่า  เรื่องของดวงดาว  เป็นหลักวิทยาศาสตร์และไม่สามารถมีอิทธิพลใดๆ ต่อพฤติกรรมคนได้ หรือต่อจิตวิญญาณ  หรือต่อความคิด  หรือแม้กระทั้งกำหนดทิศทางความเป็นไปของมนุษย์ได้   แต่มีหลายคนที่บอกได้ว่า  ทฤษฏีแห่งหลักของ ศาสตร์ที่ว่าด้วยดวงดาว มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของมนุษย์ และความเป็นอยู่ของมนุษย์    แม้ว่าจะแบ่งกลุ่มบุคคลเป็น 2 กลุ่ม ที่เชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม  แต่ดวงดาวเหล่านั้นก็คงยังส่งผลต่อมนุษย์ต่อไป

เอาแหละคราวนี้เรามาว่ากันด้วย   " ชะตากรรมแห่งดวงดาว " กันดีกว่า  ซึ่งบางคนอาจจะสงสัยว่า  ดวงดาว  เป็นดาวเคราะห์  เป็นวัตถุ  และสิ่งที่ลอยอยู่ในอวกาศ  แล้วทำไมดวงดาวต้องมีชะตากรรมด้วยหรือ    ดังนั้น  " ชะตากรรมแห่งดาวดาว "  จึงแบ่งได้ใน 2 แง่ เช่นกัน 

ในแง่ที่ 1   ในทางด้านวิทยาศาสตร์

ดวงดาว คือ  ดาวเคราะห์  ที่ลอยอยู่ในอวกาศ  ประกอบขึ้นด้วยสะสาร  แก๊ส  ของแข็ง  และของเหลว   แต่อย่าลืมว่า  มีดาวเคราะห์หลายดวงที่ผ่านมานับหลายพันปี ที่ต้องจบตัวเองลง  และก็มีการวิเคราะห์จากการสำรวจดาวเคราะห์เหล่านี้ว่า  เคยมีสิ่งมีชีวิตอยู่  หรือเคยเป็นดาวเคราะห์ที่มีแสงของตนเอง  แต่แล้วก็ต้องดับไป  สิ่งมีชีวิตที่เคยมีอยู่ก็หมด   นั่นคือ ชะตากรรมแห่งดวงดาวอย่างหนึ่ง  ที่สามารถบอกเปรียบเทียบได้ทางศาสนาพุทธว่า  ทุกสิ่ง  เกิดขึ้น   ตั้งอยู่  เสื่อมสลาย  และหมดไป  นั่นคือหนทางของดวงดาวหลายดวงที่เป็นเช่นนั้น  และก็มีดวงดาวอื่นเกิดขึ้นแทนที่   เป็นเช่นนี้ไม่มีที่สิ้นสุด  นั้นคือชะตากรรมแห่งดวงดาวทางด้านวิทยาศาสตร์

ในแง่ที่ 2 ในทางด้านศาสตร์แห่งความเชื่อ  ซึ่งเราจะขอกล่าวถึงศาสตร์แห่งโหราศาสตร์กันบ้าง  ซึ่งดวงดาวเหล่านี้ถูกกำหนดขึ้นเป็นทั้งตัวแทนทางด้านพฤติกรรม  จิตใจ  เหตุการณ์ทั้งในอดีตและปัจจุบัน  ที่เข้ามาเกี่ยวพันกับมนุษย์เราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ดวงดาวเหล่านี้จึงได้ถูกแบ่ง หรือกำหนดไว้ ตั้งแต่ เลข 0 ถึง เลข 9  บางศาสตร์ก็มีการนำเอาชื่อดาวคือ  มฤตยู  เนปจูน  พลูโต   แอตแมนตอส  ฮาเดส ฯลฯ  ซึ่งชื่อเหล่านี้ถูกกำหนดขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนในการเรียกชื่อดวงดาวหรือดาวเคราะห์นั้นได้ อย่างเป็นทางสากล

 

แล้วเราจะมาเรียนรู้กันว่า  ในแง่ที่ 2 นั้น ชะตากรรมแห่งดวงดาวจะเป็นเช่นไรในภาค 2 ตอนต่อไป

  

คำสำคัญ (Tags): #กฎแห่งกรรม
หมายเลขบันทึก: 114116เขียนเมื่อ 24 กรกฎาคม 2007 16:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 19:36 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ตอนที่ 2  ชะตากรรมแห่งดวงดาว

บางคนอาจจะสงสัยว่า  แล้วทำไมในด้านของ ศาสตร์แห่งโหราศาสตร์  ไม่ว่าจะแขนงใด  จึงวิเคราะห์ว่า  ดวงดาวที่แทนความหมายของศาสตร์นั้นๆ จึงได้กล่าวถึงเรื่องกรรมได้  เราก็ต้องมาวิเคราะห์ความเชื่อของศาสตร์เหล่านี้ด้วย  เพราะศาสตร์เหล่านี้ได้กล่าวถึงเรื่อง กฎแห่งกรรม ไว้อย่างชัดเจน  แต่อาศัยการวิเคราะห์ทั้งเชิงทางด้าน  วิทยาศาสตร์ ( ดาวเคราะห์ ) ศาสนา  ( กรรม )  และ  ปรัชญา  ซึ่งมีมาหลายพันปีมาแล้ว  ตั้งแต่สมัยยุคแห่งกรีก หรือนานกว่านั้น  ซึ่งไม่น่าเชื่อว่า ศาสตร์แห่งโหราศาสตร์ ไม่ว่าจะแขนงใดก็กล่าวถึงเรื่อง กรรม  เป็นตัวตั้ง  เป็นตัวตนเหตุ แห่งผลของกรรมนั้น

เราจึงต้องมาวิเคราะห์ว่า  คำว่า  กฎแห่งกรรม  หมายถึงอะไร   กฎ  มาจากคำว่า  ข้อจำกัด  ข้อปฏิบัติ     กรรม  มาจากคำว่า   การกระทำ    ดังนั้น  กฎแห่งกรรม  จึงกล่าวถึง  ข้อปฏิบัติแห่งการกระทำ

หลักของโหราศาสตร์ในทุกแขนงนั้น  หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะใช้  วัน  เดือน  ปี ( พ.ศ. หรือ ค.ศ. ) และเวลาเกิดของผู้ที่เราจะทำนายให้  ซึ่งในวันที่เขาเกิดและช่วงเวลาที่เขาเกิดนั้น  ได้กำหนดไว้ว่า  ดวงดาว ณ ท้องฟ้าเวลาเกิด  และฤกษ์ที่เกิด ( ที่เกี่ยวเนื่องกับดาวอาทิตย์ และดวงจันทร์ ) ส่งผลให้ผู้นั้นเป็นเช่นใด  และในวงกลมหรือจักรราศีนั้น ก็ได้กำหนดให้แทน โลก ใบกลมๆ ดวงนี้ ( ซึ่งก็เป็นดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง ) และเรามองจากโลกใบนี้ไปหาดาวเคราะห์หรือดวงดาวต่างๆ ที่ปรากฏอยู่ในท้องฟ้า  โดยใช้โลกเป็นจุดศูนย์กลางมองออกไป  ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะกำหนดซึ่ง ชีวิต  จิตใจ  การกระทำ  ความสำนึกคิดดีและชั่ว  และเหตุการณ์  มาเป็นตัวตั้ง  ซึ่งเราจะสามารถแยกแยะได้ว่าแต่ละหลักแห่งโหราศาสตร์นั้นใช้อย่างไรในการวิเคราะห์  ชะตากรรมแห่งดวงดาว

ในทางหลักของศาสนาบ้างหละ  ศาสตร์แห่งโหรทั้งหลายก็ได้กล่าวไว้เช่นกัน  ซึ่งบางอย่างได้กล่าวไว้รวมอยู่กับปรัชญาด้วย 

เช่น 

ตามหลักของศาสตร์แห่งชัยภูมิ  ( ฮวงจุ้ย ) ได้กล่าวทางหลักปรัชญาไว้ว่า  แม้ว่า ฮวงจุ้ยจะดีเช่นไร  แต่หากผู้นั้นไร้ซึ่งคุณธรรม  ก็ทำให้ฮวงจุ้ยที่ดีเสื่อมสลายได้    ซึ่งหมายถึง  การกระทำของผู้นั้นย่อมส่งผลให้ในอนาคตได้เช่นกัน  

ตามหลักของโหราศาสตร์ไทย  ได้กล่าวกว่า  เหนือดวงคือเรื่องกฎแห่งกรรม  ซึ่งถ้าทำดีย่อมส่งผลดี  และถ้าทำกรรมไม่ดี ก็ย่อมส่งผลไม่ดีให้เช่นกัน

ตามหลักของศาสตร์แห่งลายมือ  ก็มีเรื่องของคุณธรรม ความดีและไม่ดีเข้ามาเกี่ยวข้องที่มีผลต่อเจ้าของลายมือเช่นกัน  แต่ที่เห็นได้ชัดคือ  อารมณ์ จิตใจ  จิตวิญญาณ ณ ขณะนั้นคิดไปแนวทางไหน  เส้นที่ปรากฎก็จะบ่งบอกไปในทางแนวนั้นด้วยเช่นกัน  ถ้าคิดไม่ดี  สภาพจิตใจสู่สภาวะที่ตกต่ำทางด้านจิตวิญญาณ  มีความคิดที่จะก่ออกุศลแห่งกรรม  สภาพของร่างกายก็จะปรับเปลี่ยนไปตามนั้นด้วย  ซึ่งในลายมือก็ยังมีการกล่าวถึงเรื่อง เนิน ที่ประกอบด้วย เนินเสาร์  เนินพฤหัสบดี  เนินศุกร์ เป็นต้น  จึงถึงขนาดมีผู้กล่าวว่า    เส้นลายมือจะดีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับคุณธรรมของคนๆ นั้น  ขึ้นอยู่กับวาสนา คุณความดีของคนๆ นั้น

ตามหลักของศาสตร์แห่งไพ่  ก็ยังนำเอาดวงดาวมากำหนดเป็นตัวเลข  และให้ผู้ที่จะดูนั้นมีการสัมผัสและหยิบไพ่ขึ้นมาซึ่งถ้าคนนั้นคิดในด้านดี  ประกอบทำดีในขณะนั้น อารมณ์ที่สะท้อนออกมาก็จะทำให้ร่าเริงแจ่มใส่ ไพ่ส่วนใหญ่ที่จับออกมาจะมุ่งไปในทางดีมากกว่าเสีย   แต่หากว่าคนๆ นั้นคิดไม่ดี  ซึ่งอยู่ในช่สวงของอกุศลแห่งกรรมแล้ว  ส่วนใหญ่ไพ่ที่หยิบออกมาจะบ่งบอกในทางที่ไม่ดีซะมากกว่า

แต่ไม่ว่าจะศาสตร์แห่งโหราศาสตร์ใดก็ตาม  ชะตากรรมแห่งดวงดาว  ก็ได้สะท้อนในแง่มุมออกมาให้ผู้ที่เข้าไปเกี่ยวข้องได้รับรู้รับทราบ ว่าจะเกิดเหตุการณ์ดีหรือไม่  คนๆ นั้นเป็นอย่างไร  และมีแนวทางที่จะแก้ไขได้หรือไม่  ซึ่งการแก้ไขนั้นคือการแก้พฤติกรรมแห่งตนเอง  และพยายามที่จะคิดดี  ทำดี  เพื่อให้เกิดกุศลแห่งกรรมทางดีมากกว่าทางไม่ดี   แต่ผลสุดท้ายทุกอย่างอยู่ที่คนๆ นั้นจะกระทำดีหรือไม่  และ เลขที่ได้รับจากการวิเคราะห์ดวงดาวบนท้องฟ้า  จากตัวเลขบนไพ่  จากเนินและเส้นบนฝ่ามือ  ก็ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับมนุษย์เราอยู่ตลอดเวลา

ตอนที่ 3 เราจะว่าด้วยตัวเลขที่แทนดวงดาวต่างๆ ว่าเข้าไปเกี่ยวข้องกับ  ชะตากรรม  อย่างไร  ขอให้ติดตามกันตอนไป 

 

ตอนที่ 3 

ตัวเลขที่แทนดาวต่างๆ ที่ทำให้รู้ถึงชะตาความเป็นไป ว่าจริงๆ แล้วมีอิทธิพลและส่งผลให้โลกใบกลมๆ ที่เรายืนสูดอากาศหายใจเพื่อต่อชีวิตของเรานั้น

เลข 1  เป็นตัวแทนของดาวอาทิตย์  ซึ่งส่องแสงสว่างให้กับมวลมนุษย์โลกใบนี้  เป็นพลังงานที่ยิ่งใหญ่  อยู่ในธาตุไฟ    ความร้อนของพลังงานแสงอาทิตย์ย่อมให้คุณและโทษฉันท์ใด  อิทธิพลของเลข 1 ก็เช่นกัน  เพราะถ้าเลข 1 นั้นในให้คุณแล้ว  จะทำให้ดูมีสง่าราศี  มีความสว่างไสว  ดุจการมองเห็นที่กว้างไกล  ดูหยิ่งในศักดิ์ศรีของตนเอง  รักความยุติธรรม  แสดงถึงความเป็นผู้นำ  ช่วยเหลือผู้อื่น  แสดงถึงความเป็นผู้ใหญ่  กล้าหาญ  ตำแหน่งที่ยิ่งใหญ่เพราะถือเป็นจุดศูนย์กลางของจักรวาล   ทำให้มีตำแหน่งหน้าที่การงานที่สูง  และยังเป็นตัวเลขที่แทนความเป็นผู้นำต่างๆ ในทุกระดับ  เช่น  กษัตริย์   นายกรัฐมนตรี  ผู้ว่าราชการจังหวัด     นายก อบต.    นายกเทศมนตรี  กำนัน  ผู้ใหญ่บ้าน  ผู้นำองค์กรชุมชน  ผู้นำในสถานการณ์นั้นๆ  ผู้มีชื่อเสียงในระดับสูง  ฯลฯ   ถ้าเป็นสถานที่ก็ต้องเป็นสถานที่เด่นและใหญ่ เช่น  พระราชวัง  ทำเนียบนายกรัฐมนตรี  สภา  ที่ตั้งองค์กรส่วนท้องถิ่น  ศาลากลางจังหวัด  แล้วสิ่งของหละ  เช่น หม้อแปลง  หลอดไฟ  แว่นตา  เทียน(ที่จุดสว่างแล้ว)  สีแดง  หัวใจ  สายตา  ฯลฯ

แต่ในทางให้โทษหละ  ความเย่อหยิ่งถือตัวเกินไปก็เป็นเหตุให้พลาดโอกาสอันดีงามได้เช่นกัน  การรักความยุติธรรมเกินไปก็อาจจะทำให้ตนเองเดือดร้อนในเรื่องที่ทั้งใช่เรื่องของตนเองและของผู้อื่น  การเป็นผู้นำที่กล้าเกินเหตุก็อาจจะถูกเป็นเครื่องมือเครื่องไม้ให้ตนเองเสียหายแต่ผู้อื่นได้ประโยชน์จึงสามารถถูกยุยงได้ง่ายเพียงเพราะความอยากเป็นผู้นำนั่นเอง   การมองเห็นสิ่งที่เป็นวิทยาการอันกว้างไกลแต่จังหวะและโอกาสไม่ให้ หรืออยู่ในตำแหน่งหน้าที่การงานที่ไม่อำนวยก็อาจจะทำให้ความคิดที่ดีๆ กลายเป็นเด่นเกินแล้วเป็นภัย  เจ้านายคงไม่ชอบ ( เพราะเจ้านายหลายคนไม่ว่าจะวงการไหนก็ตามมักจะไม่ชอบให้ใครมาแสดงว่ามีวิสัยทัศน์ที่เกินตัวเอง )  ด้านสุขภาพนั้นให้โทษคือโรคหัวใจ  การมองเห็นที่เลือนลางหรือการสูญเสียสายตา  เป็นต้น

และถ้าเรามองความเป็นจริงในระบบสุริยะจักรวาลแล้วจะเห็นว่า  มีจุดดำในดวงอาทิตย์ที่เกิดขึ้นมานานและขยายวงกว้างขึ้นทุกๆ ปี ตามหลักวิชาวิทยาศาสตร์ที่เราร่ำเรียนกันมา  และจุดดำนี้หรือจุดที่เสียหายนี้ก็มิใช่ว่าจะมีเฉพาะดวงอาทิตย์เท่านั้น แต่มีทุกจุดในดวงดาวในจักรวาล  มีดวงอาทิตย์หลายดวงในระบบสุริยะจักรวาลที่เกิดขึ้น  ตั้งอยู่  เสื่อมสลาย  และดับไปในที่สุด  ธรรมชาตินี้แม้แต่คนในโลกมนุษย์ใบกลมๆ อันแสนจะวุ่นวายก็รู้กันดี  แต่ใครจะยอมรับหรือไม่ก็เท่านั้นเอง  นี่จึงสิ่งที่อยากบอกว่า  กรรมนั้นมีจริง  กรรมนั้นย่อมสนองตามผลแห่งกรรมที่ทำ  แม้แต่ดวงดาวก็มีเช่นกัน  จึงอยากให้เป็นข้อคิดไว้  " หลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์นั้นยิ่งใหญ่  และใช้ได้ในทุกสถานการณ์ อยู่ที่ว่า  ผู้ใดจะมองเห็นหลักะรรมคำสอนนั้นหรือไม่"

ว่าด้วยเลข 2

เลขนี้แทนที่ดาวจันทร์  ทำไม่ต้องแทนที่ดวงจันทร์  นั่นอาจเป็นเพราะในยามค่ำคืนนั้นดวงจันทร์สวยงาม ถ้าเปรียบเทียบเป็นหญิงสาวแล้วก็ต้องบอกว่าเธอเพรียบพร้อมด้วยรูปลักษณะที่อ่อนหวานเชียวแหละ และดวงจันทร์นี้ก็เปลี่ยนแปลงในแต่ละวันไม่เหมือนกัน   มีรูปร่างลักษณะแตกต่างกันออกไป ( คนที่ช่างสังเกตุก็จะเข้าไปดีในข้อนี้  โดยดูได้จากข้างขึ้น - ข้างแรม )  การมีผลต่อน้ำในโลกมนุษย์นี้ที่ทำให้เกิดน้ำขึ้น - น้ำลง   แต่น่าสงสารที่ดวงจันทร์นั้นได้แค่เป็นดาวบริวารของดาวเคราะห์ดวงอื่นเท่านั้น  ( ทำให้เข้าใจว่าผู้หญิงจึงต้องกลายเป็นผู้ที่เป็นช้างเท้าหลังอยู่เสมอ  )  ทั้งที่ดวงจันทร์นั้นถูกสำรวจก่อนดาวเคราะห์อื่นในจักรวารนี้ ( จากโลก - ดวงจันทร์ ทำให้เกิดการกล้าหาญของมนุษย์ที่จะสำรวจยังดาวเคราะห์ดวงอื่นต่อไป )  และดาวจันทร์นั้นยังมีนัยะสำคัญในเรื่องของการกู้ชาติ ( ของจีนในสมัยหนึ่งซึ่งทำให้เกิดประเพณีไหว้พระจันทร์ขึ้นมา เพราะระลึกถึงเหตุการณ์ในสมัยนั้น และเพื่อเป็นการบอกกล่าวตอบแทนบุญคุณของดวงจันทร์อีกด้วย)  ดังนั้นดวงจันทร์จึงแทนคุณสมบัติของมารดา คือการให้ความสำคัญของผู้หญิงในให้กำเนิดบุตร  ( เพราะวันไหว้พระจันทร์มักจัดเครื่องไหว้ที่เป็นของผู้หญิงโดยตรง )

       แล้วความความหมายของดาวจันทร์ในทางด้านโหราศาสตร์แหละ   ดาวจันทร์นั้นหมายถึงความอ่อนไหว  การขึ้นลงของน้ำขึ้นน้ำลง (ทางด้านโหราศาสตร์ที่ว่าด้วยเกี่ยวกับพืช)   ความอ่อนละมุน  ความละเอียดอ่อน  ความสวยงามแบบหญิงสาวที่อ่อนหวาน ( มิใช่เซ็กซี่)  ความไม่แน่นอนทางด้านอารมรณ์  (จากน้ำขึ้น-น้ำลง)  เปลี่ยนแปลงได้ง่ายตามสภาวะการ ( จากการปรับตัวของน้ำตามสภาวะที่อยู่)  การปรับตัวเข้าได้ทุกสถานการณ์  ( กับธรรมชาติที่ปรับเปลี่ยนไปตามสภาวะอากาศ)  มารดา  สตรี  บุตรตรี  น้ำในร่างกายคนเรา  น้ำเหลือง  น้ำลาย  น้ำตา  น้ำที่ใช้กันอยู่ 

      ถ้าดาวจันทร์นั้นอยู่ในมุมที่ดีให้คุณ ก็จะทำให้เกิดความมีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้าม  ความละเอียดอ่อนในการงานหรือสิ่งที่กระท  การปรับตัวเองในสภาวะการณ์ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี  น้ำเหลืองที่ดีมากกว่าเสีย ( เพราะถ้าเสียจะมีผลต่อหลายโรคในร่างกายคนเรา)  การปรับความสมดุลของน้ำในร่างกาย  การปลูกพืชที่ให้ผลดี  การเสียเลือดมาก ( จึงทำให้ทางด้านโหราศาสตร์การแพทย์นั้นไม่นิยมในการผ่าตัดใดๆ ในช่วงข้างขึ้น หรือในช่วงที่ดวงจันทร์มีอิทธิพลต่อคนๆ นั้น)  น้ำท่าอุดมสมบูรณ์ดี  เป็นต้น

     ถ้าดาวจันทร์นั้นอยู่ในมุมที่ไม่ดี  และให้โทษ ก็จะเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกี่ยวข้องกับน้ำ  น้ำในบ้านของคน ๆ นั้นย่อมนำความเสียหายมาให้ เช่น มีน้ำขัง  น้ำรั่ว  การเกิดอุบัติเหตุทางน้ำ  ความไม่มีเสน่ห์  การแข็งกระด้าง  ความไม่ละเอียดอ่อน  ความหนักแน่น  ความแข็งกระด้าง  เป็นต้น 

     ซึ่งถ้าเราวิเคราะห์ให้ดีเนื่องจากดาวจันทร์เป็นดาวที่เดินเร็วที่สุดในระบบโหราศาสตร์  จึงสามารถแทนได้เป็นอย่างดีในเรื่องของความไม่แน่นอนทั้งหลายในชีวิตที่เราพบเห็น  ซึ่งหลากหลายคนที่ชอบในการไปหาหมอดูหรือนักโหราศาสตร์นั้น ควรที่จะเข้าใจในเรื่องเหล่านี้  และเก็บเป็นอุทาหรณ์สอนใจเสมอว่า  ทุกสิ่งในโลกนี้ไม่แน่นอน  มีเปลี่ยนแปลงขึ้นลงอยู่เสมอ  ถ้าเราระลึกได้เช่นนี้ ความประมาณย่อมไม่บังเกิดกับคนๆ นั้นเด็ดขาด

คราวนี้มาว่ากันด้วยเลข 3

ตัวแทนของแทพเจ้าสงคราม  ตัวแทนของเลือด  ตัวแทนของนักรบ  และตัวแทนแห่งความขยันขันแข็ง

ดาวอังคารนี้ในปัจจุบันกำลังเป็นที่ฮิตสำหรับประเทศสหรัฐอเมริกา  ถึงขนาดส่งยานอวกาศออกไปสำรวจ  และต่อเก่งที่สุดคือคนไทยที่คิดวิธีการลงจอดบนดาวอังคาร ( ไงคนไทยก็เก่งอยู่แล้ว  แต่ไม่มีโอกาส และเป็นที่ยอมรับของคนไทยแค่นั้นเอง ต้องให้ต่างต่างประเทศการันต์ตีให้ ไม่รู้ว่าทำไมอะไร ๆ ก็ต้องให้ต่างประเทศการันต์ตี ) มาพูดถึงประเทศสหรัฐต่อดีกว่า ว่าทำไมถึงสนใจดาวดวงนี้  เค้าว่ากันว่าเป็นดาวคู่แฝดกับโลกเรานี่เอง และน่าที่จะเคยมีสิ่งที่มีชีวิตอยู่ พอไปสำรวจแล้วก็คิดวางแผนอีกว่า จะเอาต้นไม้ไปปลูกเพื่อให้มีก๊าซออกซิเจนมากขึ้น และเอาลิง ( สัตย์ประเภทนี้น่าสงสารอะไร ๆ ก็โดนจับไปทดลอง) ขึ้นไปลองใช้ชีวิตอยู่บนนั้น ( นั่นเพราะคิดอีกแหละว่าลิงเป็นสัตย์ที่ใกล้เคียงกับมนุษย์มากที่สุด  แต่ไม่ โลภ โกรธ หลง ทะเยอทะยาน เท่ามนุษย์อีกแล้ว)  ที่สหรัฐทดลองดูเพราะคิดว่าอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า หรือร้อยปีข้างหน้าโลกเราจะเกิดภัยพิบัติขึ้น และจากสภาวะโลกร้อนทำให้เป็นตัวเร่งปฏิกริยาหลายๆ อย่างในโลกที่เสื่อมเร็วขึ้น

คราวนี้เรามาว่าชะตากรรมของดาวอังคารกัน

ดาวอังคารแทนกายคือผู้มีรูปร่างกำยำ ผิวสีดำแดงหรือแทน ผมหยักโศก  ในตาโปน แข็งแรงกำยำ เหมาะกับผู้ใช้แรงงานมากกว่าใช้สติปัญญา นั้นอาจจะเพราะนิสัย

นิสัยของอังคารนั้นกล้าหาญ  ขยันขันแข็ง  อดทน  ใจร้อน  กล้าได้กล้าเสีย  กล้าเสี่ยง (จึงเหมาะกับผู้ทำงานเชิงรุกมากกว่าเชิงรับ)  รักอิสระ ( ดังนั้นถ้าจะใช้คนวันอังคารต้องพูดเพราะและก็พยายามเอาใจเข้าไว้ เรียกว่าเอาน้ำเย็นเข้าลูบ)  กล้าหาญชาญชัย  ชอบช่วยเหลือผู้อื่น ( อย่างนี้เป็นอาสาสมัครก็ดีนะ ) ไม่ชอบให้ใครดูถูกเหยียดหยาม

และถ้าแทนสิ่งของแล้วอังคารนี้จะแทนโลหะ  แทนของแข็งเกือบทุกประเภท (ยกเว้น ที่ทำจาก อิฐ หิน ปูน ทราย )  ของมีคมทุกชนิดตั้งแต่เข็มไปจนถึงจอบ กระสุนปืน   

ส่วนทางด้านสุขภาพแล้ว แทนเลือด  การบาดเจ็บทุกประเภท  อุบัติเหตุทุกชนิด  การเจ็บปวดทุกอย่าง    กล้ามเนื้อ 

ทางด้านดี

ดาวอังคารหมายถึงคนนั้นขยันขันแข็ง  คนแข็งแรง  มีรูปร่างกำยำ  กล้าหาญ  มีเลือดที่เข้มข้น (เหมาะกับการบริจาคโลหิตจริงๆ) การผ่าตัดที่ประสบความสำเร็จ  หมอผ่าตัด  ทหาร  ตำรวจ  ฯลฯ

แต่ในด้านความเสื่อมแล้วจะหมายถึง การหมดสมรรถภาพต่างๆ  โรคเกี่ยวกับอัมพฤตอัมพาต ( เพราะขาดความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ)  เลือดจาง ขี้ขาด  รูปร่างไม่สมส่วน  ฯลฯ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท