เมื่อวันเสาร์ไปสอบนักพัฒนาชุมชนที่จังหวัดนครศรีธรรมราช พอเริ่มเข้าเมืองนครก็เห็นแต่ป้ายโฆษณาจตุคามตลอดทั้งเมืองเลย เห็นแล้วก็ทำให้คิดได้ว่ากระแสจตุคามเป็นกระแสที่กำลังมาแรงมากคนๆหนึ่งห้อยจตุคามกันคนละ 2-3 องค์ มีรุ่นต่างๆผุดขึ้นมามากมาย ให้ได้เช่ากัน แต่ตอนนี้จะเห็นได้ว่าปริมาณความต้องการขาย มากกว่าปริมาณความต้องการซื้อแล้ว แต่เรื่องแบบนี้มันขึ้นอยู่กับความเชื่อ แต่การเชื่อก็ไม่ควรเชื่อจนงมงาย หมกมุ่นจนเกินไป เชื่อโดยยึดหลักของเหตุผลเข้ามาเกี่ยวข้อง
ดังเช่นที่ท่านพระพยอมท่านออกมาทำจตุคำ รุ่นฉุกคิด 4 รวยโคตร รูปแบบคล้ายจตุคามรามเทพ มียันต์คาถามหาเศรษฐีที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนว่า อุ อา กะ สะ แปลว่า ขยันหา ขยันเก็บ เลือกคบ เลือกใช้ เพื่อเตือนสติผู้ที่นิยมจตุคาม อย่างไม่ลืมหูลืมตา เช่น คิดว่าห้อยจตุคามแล้ว จะรวยโดยที่ไม่ทำงานอะไร ซึ่งเป็นไปไม่ได้ ไม่ว่าเราจะทำอะไรควรยึดเหตุผลเป็นที่ตั้งว่าสิ่งที่เราทำนี้จะส่งผลต่อเราอย่างไร เช่น ถ้าเราขยัน เราก็ต้องอยู่ดี กินดี แต่ถ้าเราเกียจคร้าน เราก็ต้องอดอยาก เป็นต้น
คนเราจะรวยได้ต้องขวนขวายและมีความพยายาม เมื่อมีโอกาสก็ต้องคว้าเอาไว้ รวมทั้งเรียนรู้ความสำเร็จจากคนอื่นก็เป็นหนทางลัดที่จะช่วยให้เราประสบความสำเร็จได้ ไม่ต้องพึ่งอะไรทั้งนั้น พึ่งตัวเองดีที่สุดครับ...
ช่วงนี้รับไม่ได้จริงๆ กับกระแสจตุคราม
จากแรกยังนับถือบ้าง หลังๆ แทบจะเสียความรู้สึกไปเลยกับสิ่งนี้
สวัสดีค่ะ การที่คนเราหลงเชื่ออะไรง่ายๆนั่นก็เพราะว่าคนเราเข้าไม่ถึงศาสนาค่ะ ถ้าเรามีหลักยึดมั่นที่ดีและมั่นคงเราจะไม่หลงงมงายกับสิ่งที่ผ่านเข้ามาง่ายๆค่ะ
ศาสนาสอนให้คนเป็นคนดี ถ้าเราเป็นคนดี ทำดี ขยัน ไม่ต้องใช้จตุคามช่วยหรอก ไม่ใช้ลบหลู่แต่ต้องยึดทางสายกลาง