ชึวิตจริงของอินเทอร์น : ความรู้ที่ได้ปัน...ช่วยปั้นฝันที่อยากเป็น (๕)


ดร.เกษรา  ผู้เชี่ยวชาญด้าน Learning Organization, Coaching, Leadership, Communication & Interpersonal Skills   มาช่วยขยายจุดเน้นเรื่องบรรยากาศองค์กรว่าสำคัญที่สุด 

การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่มีการเรียนรู้ พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว แต่ละแห่งต้องเรียนรู้ที่จะสร้างขึ้นในแบบของตัวเอง บรรยากาศองค์กรจึงมีความสำคัญที่สุด

ปัจจัยที่ทำให้องค์กรมีความเคารพ เปิดใจ รับฟัง พร้อมปรับเปลี่ยนตามแนวคิดที่ถูกต้องกว่า เป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก และเป็นปัญหาหลักขององค์กรที่มี openness ต่ำ 

อย่ามุ่งเน้นองค์ความรู้ถ้าบรรยากาศยังไม่ได้  เมื่อแรกเป็นพนักงานแทบทุกคนจะเข้ามาทำงานด้วยความฮึกเหิม ต่อมาต้องทำให้ตระหนักว่า ถ้าองค์กรขาดคุณจะเป็นอย่างไร และคุณขาดองค์กรได้ไหม 

องค์กรต้องช่วยปรับกระบวนทัศน์ ปรับแนวคิดหลายคนที่ไม่ใฝ่รู้ใฝ่เรียน จินตนาการมีพลังกว่าความรู้ เราทุกคนเข้ามาเพราะความฝัน ต้องหมั่นทบทวนและสะท้อนกันว่าใครเข้ามาเพื่ออะไร อยากไปทางไหน ใครยังไม่รู้จักฝันขององค์กรก็ต้องกลับไปทบทวน และต้องหมั่นสำรวจตัวเองว่าตนเป็น high performer แล้วหรือยัง 

 สรุปได้ว่าเรื่องที่สำคัญขององค์กรอัจฉริยะ คือ
  • บรรยากาศ
  • วิสัยทัศน์ร่วม ฝันร่วมกัน
  • มีความหมั่นสำรวจตัวเอง
  • มีค่านิยมที่ถูกต้องดีงามในการทำงานในทุกขณะจิต

หากมีคำถามว่าช่วงไหนในชีวิตที่สำคัญที่สุด ทุกคนตอบว่าครอบครัว  แต่ ๗๐% ของเวลาที่ตื่นอยู่เป็นเวลาที่เราอยู่ในที่ทำงาน และเวลา ณ ปัจจุบันเป็นเวลาที่สำคัญที่สุด บุคคลที่สำคัญที่สุด คือ คนที่อยู่ต่อหน้าเรา  

กิจกรรมดีๆคือกิจกรรมที่เราควรทำให้กับคนที่แวดล้อมเราอยู่ ทำให้คนรอบข้างมีความสุข แล้วเราจะมีสุขไปด้วย เราจะช่วยกันสานฝันอย่างไร เรียนรู้ร่วมกันอย่างไร จิตวิญญาณของ LO คือความไว้วางใจ ถ้าปัจเจกแต่ละคน เก่ง ดี มีคุณธรรม มีคุณภาพ ใครๆก็ไว้วางใจ

ในองค์กรต้องมีการคิดแบบใหม่ พูดจากันแบบใหม่ คนในองค์กรต้องเรียนรู้ไปด้วยกัน หาวิธีคุยกันในแบบที่จะพากันออกไปจากกรอบความคิดเดิมได้

สุนทรียสนทนาฝึกทั้งทักษะการฟังและการคิด ต้องมีสมาธิ มีการผ่อนพัก ตระหนักรู้ คิดร่วมกัน ฟังกัน ต้องฝึกกันใหม่หมด ต้องมีการปรับวิธีคิด ปรับพฤติกรรม เพื่อไปสู่สิ่งอื่น ตราบใดที่เรายังคุยกันไม่รู้เรื่องวิสัยทัศน์ ค่านิยมจะตรงกันได้อย่างไร ทุกเวลาที่เราอยู่ร่วมกันเป็นเวลาที่มีค่าที่สุด

การจะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนนั้นอยู่ที่ตัวเราก่อน เบอร์ต้นๆขององค์กรจะทำให้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเร็ว และทั้งหมดต้องไปด้วยกัน มีวิสัยทัศน์ร่วมแล้วจะเห็นตัวเองชัด  ความคิดจะเชื่อมโยง  และพึงระลึกไว้เสมอว่าการกระทำของเรามีผลต่อองค์กรมาก

ฉะนั้นต้องสร้างตัวเองให้เป็นแฟนพันธุ์แท้ในสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ ด้วยจินตนาการและความฝันทั้งหมดที่มี 

ระบบ การจัดการ เป็น hard side ต้องหล่อลื่นด้วย ธรรมะ วัฒนธรรม บรรยากาศ ซึ่งเป็น soft side” 

ประเด็นแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในลำดับถัดมาคือ วัฒนธรรมแบบไหนที่จะสร้างการเรียนรู้

 ดร.ปรอง  ต้องทำให้องค์กรมีความเป็นหนุ่มเป็นสาวอยู่ตลอดเวลา และต้องเปิดกว้างให้เกิดการเรียนรู้ ที่สแปนชั่นมีชมรมพระเครื่อง ทำให้เกิดไฟในการทำงาน มีการอนุญาตให้ทำสิ่งที่อยากทำได้ในเวลางาน

 ดร.เกษรา  ที่มาบุญครอง ผู้บริหารนับถือศาสนาคริสต์ แต่หลังจากทำ LO ทุก ๒ สัปดาห์จะมีพระมาแสดงพระธรรมเทศนาให้กับพนักงาน เพราะพนักงานขอมา  เรื่องระบบข้อเสนอแนะ ที่ในตอนแรกดูเหมือนการจับผิดกัน ต้องมีการปรับกระบวนทัศน์ ปรับวิธีคิดกันใหม่ เมื่อได้เห็นความเห็นที่แตกต่างก็รู้สึกขอบคุณกันได้ 

ดร.วรภัทร์  ทำให้รู้สึกสบายๆ คนเราทุกคนมี mode รบ กับ mode เรียนรู้ วัฒนธรรมคือสันดาน ต้องมองโลกด้วยมุมมองด้านใหม่ ไม่ว่าจะดีหรือจะร้าย ที่ปูนซิเมนต์ไทยทำมากคือเรื่อง การสร้างเวทีให้คนค้นพบตัวเอง check in รู้สันดานตัวเอง  check out รู้ความรู้ทั่วไป  mode พักผ่อน ช่วยให้เราฉลาดได้  check in เห็นความชั่วในตัวเอง  ต้องหมั่นทำตัวเองให้มีน้ำใจ มีการแบ่งปัน สังคมปัจจุบันสอนให้เราทิ้งไพ่ดีไปหมด เหลือแต่ไพ่ร้าย เพื่อที่จะปรับตัวให้เข้ากับสังคมที่ชั่วร้าย

 วัฒนธรรมจะช่วยคืนความเป็นคนให้กับคนที่ติดกับความคิดเชิงระบบ 

ดร.เกษรา  เราเปลี่ยนใครไม่ได้ นอกจากจะปรับตัวเองให้เข้ากับคนๆนั้น ปล่อยให้ชนะ ปล่อยให้พูด ทำการสนทนาให้สั้น กระชับ ตรงประเด็น มุ่งเน้นที่ผลลัพธ์ ถ้าหากมีโอกาสเราก็ควรแนะนำ 

 ถ้าเขาปรับไม่ได้ เราก็เปลี่ยนตัวเอง 

ดร.ปรอง  walk more, talk more บางคนไม่เคยพูดคุยกันนอกห้องประชุมเลย พอเข้าไปในห้องก็ฉะกันเลย การทักทาย การสร้างบรรยากาศให้มีความเป็นเพื่อนเป็นเรื่องจำเป็น ทำบรรยาศนอกห้องประชุมแบบนี้ไปเรื่อยๆ แล้วบรรยากาศของการประชุมจะเปลี่ยนไป   การทำงานก็คือการมาใช้ชีวิต  เราคือผู้สร้างบรรยากาศต่างๆขึ้นมา  บรรยากาศเกิดจากเรา

 เราเป็นคนสร้างสิ่งแวดล้อมในองค์กร การเลือกของเรากำหนดชีวิตเรา ถ้าเลือกที่จะมีความสุข เราก็มีความสุข ... ปรับเปลี่ยนตัวเอง มากกว่าที่จะรอให้ใครมาเปลี่ยน

ดร.เกษรา ในการเปลี่ยนพฤติกรรม เปลี่ยนวิธีคิด ต้นทุนชีวิตของแต่ละคนมีมาไม่เท่ากัน คนที่มีจิตใจละเอียด น้อมรับสิ่งดีๆก็เปลี่ยนง่าย 

ถ้าอยากจะเป็นองค์กรอัจฉริยะต้องฉลาดรอบด้านทั้ง

-         ด้านร่างกาย ต้องแข็งแรง มีการดูแลตัวเอง

-         ด้านสติปัญญา (IQ) มีการหาความรู้เพิ่มเติม  เราอ่านหนังสือถึงปีละ ๒๐ เล่มไหม ถ้าไม่ถึงเราก็ล้าหลัง เพราะโลกเปลี่ยนแปลงตลอด

-         ด้านความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) มีความสามารถในการควบคุมอารมณ์ รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา

-         ด้านการพัฒนาจิตวิญญาณ (SQ) มีการดูแลจิตใจให้แจ่มใส เบิกบาน ไม่ขุ่นมัว มองเห็นความเป็นจริงของโลกและชีวิต

หมายเลขบันทึก: 109810เขียนเมื่อ 9 กรกฎาคม 2007 09:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 27 พฤษภาคม 2012 21:26 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

 

 สวัสดีค่ะ

ดิฉันบันทึกนี้ด้วยความสนใจ เพราะมีหลายสิ่งมากที่ดิฉันได้เคยทำกับองค์กรที่ดุแลอยู่และได้ผลมาก ที่สำคัญคือการสร้างบรรยากาศ ให้แก่องค์กร ที่ดิฉันปั้นมาตั้งแต่แรกเกิด จนป็นวัยรุ่น และวัยหนุ่มสาว ซึ่ง ในวัยนี้ ดิฉันได้พยายามรักษาให้สดใสซาบซ่า อยู่ตลอดเวลา ไม่ยอมให้อายุมากไปกว่านี้ ก็ได้ผลมากค่ะ confirmค่ะ

ส่วนด้านความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) มีความสามารถในการควบคุมอารมณ์ รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา ของพนักงาน ดิฉันใช้การกีฬาเข้าช่วย เราให้มีการซ้อมกีฬาทุกเย็น ทำเป็นทีม แข่งกันเอง และไปแข่งกับบริษัทอื่นๆด้วย มีกีฬาสี มีวันครอบครัวฯลฯ  ไม่ค่อยมีปัญหาให้หนักใจเท่าใดค่ะ ทั้งๆที่ พนักงานชายก็มาก

เห็นในประวัติคุณ วิมลศรี  อยู่ในวงการศึกษา ก็สนใจ เพราะหลานอายุ 1 ขวบ ใครๆบอกว่า ให้ไปจองโรงเรียนได้แล้ว เดี๋ยวจะเข้าไม่ได้ ก็อยากให้ไปซ้อมไปร.ร.ตอน 2.5 ขวบ สัก 2ช.ม./วัน

ไม่ทราบว่าจะให้เข้าที่ไหนดี หลายๆคนบอกให้เข้าร.ร.อินเตอร์ อยากฟังความเห็นคุณวิมลศรีนิดนึงค่ะ

บ้านอยู่แถวๆสุขุมวิท 16 คงต้องใกล้บ้านไว้ก่อนนะคะ เด็กจะเหนื่อย อยากให้เรียนแบบธรรมชาติก่อนค่ะ ไม่อยากให้เรียนมาก  หลานเป็นเด็กผู้ชายซน สมาธิอาจไม่มากนักค่ะ กลัวเขาจะเบื่อเรียน ถ้าเรียนไม่สนุก

ขอบคุณที่กรุณาเข้ามาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ค่ะ เห็นรูปของท่านผู้นำที่สะท้อนความสดใสแล้วก็เชื่อค่ะว่าองค์กรของท่านจะเป็นเช่นนั้นด้วย :) เรื่อง พัฒนาการทางด้านร่างกาย IQ EQ SQ ที่เป็นประเด็นในการมองสุขภาวะของคนในองค์กรนั้น เป็นเรื่องที่โรงเรียนต้องสนใจ โดยเฉพาะในเด็กวัยอนุบาล พัฒนาการทั้ง ๔ ด้าน คือเรื่องที่ครูทุกคนต้องใส่ใจอย่างละเอียดอ่อน แต่ดูเหมือนว่าเมื่อเด็กโตขึ้น ก็จะมีเรื่องอื่น เช่นเรื่องของความก้าวหน้าทางวิชาการ มาแบ่งความสนใจไป จนถ้าไม่ตั้งหลักให้ดี เรื่องเหล่านี้ก็จะเลือนหายไปจากความสนใจในที่สุด ดิฉันก็เพิ่งทราบจากการมาร่วมสัมมนาครั้งนี้เองค่ะว่า ทางภาคธุรกิจก็มีแนวโน้มที่จะให้ความสนใจกับเรื่องพัฒนาการทั้ง ๔ ด้านด้วย ซึ่งเรื่องนี้ได้ช่วยให้สิ่งที่ทำกันอยู่ในโรงเรียน ไม่ใช่การทำงานกับมนุษย์เฉพาะในวัยเด็ก แต่เมื่อเด็กเหล่านี้เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ พัฒนาการทั้ง ๔ ด้านนี้ก็ขยายออกไปตามศักยภาพของวัยด้วยเช่นกัน ขอบคุณจริงๆค่ะ ที่หลายๆท่านที่อยู่ในภาคธุรกิจเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้ เพื่อมาช่วยกันสร้างสังคมที่เข้มแข็งต่อไป คำแนะนำสำหรับหลานย่าวัย ๑ ขวบ ในความเห็นของดิฉันแล้ว บ้านที่มีคุณย่าคุณยาย เป็นบ้านที่มีศักยภาพในการดูแลเด็กก่อนวัยเรียนได้ดีกว่าโรงเรียนค่ะ เพราะเด็กจะได้รับการดูแลเอาใจใส่ และเกิดการเรียนรู้อย่างเป็นธรรมชาติ แต่อยากจะให้ฝึกวินัยตั้งแต่ยังอยู่ในวัยเล็กด้วยค่ะ เช่นเรื่องการกิน การนอนที่เป็นเวลา และไม่ควรให้ดูโทรทัศน์เลย เปลี่ยนเป็นฟังเพลงเบาๆดีกว่าค่ะ หรือถ้ามีผู้ใหญ่ร้องเพลงกล่อมนอนให้ฟังได้ก็จะยิ่งวิเศษ เพราะเด็กจะได้ซึมซับทั้งความอบอุ่น ความรัก คุณธรรม จริยธรรม ฯลฯ ที่ถ่ายทอดจากใจสู่ใจ ไม่ควรให้เด็กไปเรียนไกลบ้านค่ะ เรื่องซนเป็นเรื่องการเรียนรู้ที่เกิดจากความอยากรู้อยากเห็นตามวัย แต่เรื่องสมาธิเป็นเรื่องที่ต้องฝึกค่ะ ผู้ใหญ่ต้องคอยดูแลไม่ให้มีสิ่งกระตุ้นอยู่รอบตัวเด็กมากเกินไป ทั้งแสง สี เสียง และภาพ หากเด็กเติบโตมาในครอบครัวขยาย ไม่ใช่ครอบครัวเดี่ยว ที่เด็กได้พบแต่พ่อแม่ และพี่เลี้ยง เด็กจะมีความสามารถในการปรับตัวที่ดีอยู่แล้วค่ะ การซ้อมไปโรงเรียนอาจมีข้อดีอยู่บ้างในเรื่องการช่วยสร้างความคุ้นเคย สามารถปรับตัวกับสภาพแวดล้อมใหม่ได้เร็ว แต่หากจะไม่ทำก็ไม่เสียหายมากมายนัก โรงเรียนอินเตอร์เป็นประเภทของโรงเรียนที่เหมาะกับเด็กที่ต้องย้ายประเทศไปมา ท้ายที่สุดแล้วเขาจะไม่มีเพื่อน เพราะเพื่อนต่างก็แยกย้ายกันไปอยู่ตามประเทศต่างๆจนหมด แต่ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ สำนึกในความเป็นคนไทยจะไม่เหลืออยู่ในตัว เพราะไม่มีโอกาสจะได้ซึมซับรับรู้ความเป็นไทยเท่าที่ควร เด็กอาจจะได้เรื่องความสามารถในหารใช้ภาษาต่างประเทศมาทดแทน แต่ดิฉันว่าไม่คุ้มที่จะแลก เพราะเด็กสามารถเก่งภาษาต่างประเทศได้โดยไม่ต้องเข้าเรียนในโรงเรียนอินเตอร์ค่ะ

สวัสดีครับ

ข้อมูลของคุณมีประโยชนสำหรับผมมากครับ

เกี่ยวกับ LO

ไม่ทราบว่าตอนนี้ยังทำโครงการนี้อยู่หรือเปล่าครับ

หากว่าจะรบกวนขอคำแนะนำบ้าง จะสะดวกไหมครับ

ขอบคุณอีกครั้งครับ

ขอบคุณคุณอมรมากค่ะ ที่แวะเข้ามาเยี่ยมเยือน ทุกวันนี้โรงเรียนเพลินพัฒนาก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะเดินสู่เป้าหมายต่อไปค่ะ

ด้วยความยินดีค่ะ :)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท