น้ำตาที่มอบให้ “ต้นส้มแสนรัก”


ผมเฝ้าจูบดอกไม้เล็กๆ สีขาวที่นิ้วมือผม ผมจะไม่ร้องไห้เพราะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อีกต่อไปแล้ว แม้ว่ามิงกินโยจะพยายามกล่าวคำอำลาผมด้วยดอกไม้เล็กๆ เขาจากโลกในความฝันของผมไปสู่โลกแห่งความจริงและความเจ็บปวด
ณ มุมหนึ่งของห้าง ในร้านหนังสือ ฉันตรงดิ่งไปยังมุมวรรณกรรมเด็ก ตั้งใจมองหาหนังสืออ่านเล่นสักเล่ม ฉันกวาดตามองไปบนชั้นที่เรียงรายไปด้วยหนังสือ ปกของแต่ละเล่มมีสีสันหน้าตาชวนเชิญให้หยิบ แต่แล้วฉันก็สะดุดตาที่หนังสือเล่มหนึ่ง “ต้นส้มแสนรัก” หนังสือที่เคยอ่านเมื่อนานมาแล้วแต่อ่านไม่จบ ฉันตัดสินใจหยิบขึ้นมา เลือกหนังสือเพิ่มเติมอีกสี่เล่ม แล้วตรงดิ่งไปยังแคชเชียร์

เมื่อกลับมาถึงบ้านก็เข้าห้องปิดประตูลงนั่งอ่านทันที จินตนาการที่ผู้เขียน (โจเซ่ วาสคอนเซลอส) ถ่ายทอดออกมาช่างงดงามภายใต้ตัวหนังสือที่เล่าเรื่องช่วงชีวิตในวัยเยาว์ เป็นโลกของเด็กห้าขวบที่เรียบง่ายด้วยภาษาและวิธีการนำเสนอ “เซเซ่” เด็กน้อยตัวนำของเรื่องปรากฏเด่นชัดภายใต้จินตนาการของฉัน เหมือนรู้จักมักคุ้นกันเป็นเวลานาน เสียงบทกวีจากความคิดของเด็กน้อยล่องลอยออกมาก้องอยู่ในหัว

ให้ฉันอยู่ที่นี่เถิดลำธาร
ดอกไม้ร้องให้อ้อนวอน
อย่าพาฉันไปลงทะเลเลย
ฉันเกิดบนภูเขาสูงแท้ๆ

ก้านของฉันแกว่งไกว
หยาดน้ำใสตกลงมาจากฟากฟ้าสีคราม
น้ำเย็นรินไหลเสียงเบาเหมือนล้อเลียน
ผ่านเนินทรายไปพร้อมกับดอกไม้

ฉันอ่าน อ่าน และอ่าน จนเกือบจะถึงบทสุดท้าย แล้วความรู้สึกแปล้บก็แล่นจุกขึ้นมาในอกจากเรื่องราวของเด็กที่ไม่มีใครเข้าใจความอ่อนไหวและจินตนาการของเขา เขาพยายามมองโลกอย่างเข้าใจและสื่อสารออกมาในระดับที่ทำได้ แต่ผู้ใหญ่กลับทิ้งแต่ร่องรอยแห่งความเจ็บปวดให้กับชีวิตเล็กๆ ของเซเซ่
“ผมไม่อยากโกหกหรอก ที่จริงผมก็ไม่รู้ชัดนัก ผมร้องได้เพราะผมหัดทุกอย่าง เพราะทำนองมันเพราะมาก ผมไม่ได้คิดด้วยซ้ำว่ามันจะหมายความว่ายังไง แต่เขาก็ตีผมมาก มากเหลือเกิน โปรตุก้า ไม่เป็นไรหรอก...”
ผมสะอึกสะอื้นอยู่นาน “ไม่เป็นไร ผมจะฆ่าเขา”
“อะไรกันเด็กน้อย... จะฆ่าพ่อของตัวเองอย่างนั้นหรือ”
“ผมจะฆ่า ผมเริ่มไปแล้วด้วยซ้ำ ฆ่านี่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะเอาปืนของบัค โจนส์มายิงโป้งนะ ไม่ใช่อย่างนั้น ผมฆ่าอยู่ในใจ เพียงแต่ผมเลิกรักเขาแล้ว วันหนึ่งเขาก็จะตาย”

ประโยคต่อประโยค บรรทัดต่อบรรทัดที่เล่าเรื่องราว เหมือนเทน้ำหยดสุดท้ายลงมาในแก้วที่เต็มปรี่ และแล้วทำนบที่กั้นน้ำตาของฉันก็พังทลาย เมื่อความเมตตาจากคนที่เด็กน้อยทุ่มเทความรักให้ ซึ่งเป็นความหวังอันริบหรี่ในชีวิตกลับต้องมาพังทลายด้วยการพรากจาก
“ผมเลิกคิดถึงเขาไม่ได้ ผมรู้แน่แล้วว่า ความเจ็บปวดมันคืออะไร ความเจ็บปวดไม่ใช่จากการถูกตีจนสลบ ไม่ใช่โดนเศษแก้วบาดเท้า หรือโดนเย็บแผลที่ร้านหมอ ความเจ็บปวดนั้นคือการเจ็บที่หัวใจทั้งหมด”
มันมากเกินไปในความรู้สึกสำหรับเด็กไร้เดียงสาที่เรียนรู้จักความเจ็บปวดของชีวิตในวัยเพียงเท่านี้ ฉันปาดน้ำตาอ่านต่อไปทั้งๆ ที่ตาเริ่มพร่ามัว

ดอกไม้ของมิงกินโยบานเป็นครั้งแรกแล้ว อีกหน่อยเขาก็จะเป็นต้นส้มที่เป็นผู้ใหญ่ แล้วก็เริ่มออกลูก ผมเฝ้าจูบดอกไม้เล็กๆ สีขาวที่นิ้วมือผม ผมจะไม่ร้องไห้เพราะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อีกต่อไปแล้ว แม้ว่ามิงกินโยจะพยายามกล่าวคำอำลาผมด้วยดอกไม้เล็กๆ เขาจากโลกในความฝันของผมไปสู่โลกแห่งความจริงและความเจ็บปวด

ฉันปิดหนังสือลงด้วยอาการบอกไม่ถูก ประทับใจ ตื้นตัน อิ่มเอม เศร้าโศก หดหู่ สารพัดความรู้สึกประดังเข้ามาจนต้องลุกขึ้นมาเขียนบรรยายให้คนอื่นได้รับรู้ แต่ก็ยังบอกได้ไม่ถึงเสี้ยวที่ฉันรู้สึก เอาเป็นว่าแนะนำให้ท่านที่สนใจลองไปหามาอ่าน แล้วจะได้ร่วมรับรู้สิ่งที่ฉันเล่ามานี้
หมายเลขบันทึก: 109487เขียนเมื่อ 8 กรกฎาคม 2007 01:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2012 11:27 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (17)
  • อ่านวรรณกรรมทำให้เราจินตนาการได้มาก
  • เมื่อวานกลับไปอ่านโจนาทานอีกรอบ
  • วันนี้คึกกว่าปกติ
  • เราต้องโบยบินไปหาอิสรภาพ
  • จะกลับไปอ่านต้นส้มแสนรักอีกรอบครับ

หนู Little Jazz \(^o^)/

หนังสือเล่มนี้เป็นเล่มโปรดของอาจารย์ เมื่อ 30 กว่าปีก่อน...พอๆกับเรื่องเจ้าชายน้อย ของแซงแต็งซูเปรี

ประโยคที่คัดออกมาของหนูได้น้ำตาของอาจารย์ไปแล้วเช่นกัน...โดยเฉพาะตอนที่โจเซ่พูดคำหยาบคายที่จำมาจากภาพยนต์ แล้วถูกพ่อตบ

โจเซ่ก็พูดประโยคนั้นออกมาอีก...เพราะสวมบทบาทในหนัง

เขาจึงถูกทำโทษอีกอย่างรุนแรง!

ต้นส้ม จึงเป็นอ้อมแขนที่อบอุ่นที่รับฟังและปลอบประโลมใจที่เจ็บปวดร้าวของเขา

เป็นที่มาของคำว่า "ต้นส้มแสนรัก"

ครับ อาจารย์สนับสนุนทุกคำของหนูว่าหนังสือเล่มนี้ ดีและมีคุณค่ามาก แต่...ไม่ใช่วรรณกรรมเด็ก

หากเป็นวรรณกรรมของผู้ใหญ่ สำหรับผู้ใหญ่ที่ควรอ่านอย่างยิ่ง เพื่อที่จะเข้าใจและเข้าถึงหัวใจของเด็กๆ(ลูกชายตัวน้อยๆ ถ้าคุณมี) จะได้สำนึกในช่วงเวลาดีดีที่ควรปฏิบัติต่อกัน...

จะไม่ต้องเสียใจเมื่อเวลานั้นล่วงเลยไปแล้ว

เด็กอย่างโจเซ่ อาจอยู่ในบ้านของคุณ และอาจโชคร้ายยิ่งกว่า ที่ไม่มีต้นส้มแม้เพียงหนึ่งต้นเลย ในสวนของคุณ

 

อ้อ! ส่งข่าวเพิ่มเติมว่า ต้นส้มแสนรักภาคสองก็มีครับ แต่ไม่ดีเท่าเล่มหนึ่ง

และหนูอย่าลืมอ่าน เจ้าชายน้อย

  • สวัสดีครับ
  • มาสารภาพมายังไม่อ่าน  แต่มีหนังสือเล่มนี้อยู่ 2 ชุดเก็บไว้อย่างดี และชั้นดี
  • ...
  • กระนั้นก็ไม่กังขาใด ๆ  ต่อคำยกย่องของผู้คน
  • ....
  • วรรณกรรม  เป็นสเมือนสวนบุปผชาติที่รื่นรมย์ควรต่อการเข้าไปแนบชิดและพักนอน
  • ต้นส้ม .. เป็นต้นไม้ที่อบอุ่นเสมอ...
  • ผมคิดเช่นนั้นนะครับ
P คุณออต
ใช่แล้วค่ะ การอ่านหนังสือเป็นการเปิดโอกาสให้จินตนาการของเราทำงานได้เต็มที่ ชอบมากกว่าดูหนังซะอีก หนังสือหลายเรื่องที่เคยอ่านแล้วมีคนนำมาผลิตเป็นภาพยนตร์ ปรากฏว่าผิดหวังค่ะ เพราะจินตนาการเราบรรเจิดกว่า

อาจารย์ต้องลองอ่านดูค่ะ เพราะมีลูกชายเล็กๆ จะยิ่งอินใหญ่เลย สนุกมากนะคะ ชอบวรรณกรรมเด็กและวรรณกรรมประเภทสร้างสรรค์จินตนาการค่ะ
P อ.พิชัย

เห็นด้วยว่าไม่น่าจัดอยู่ในประเภทวรรณกรรมเด็กเลย เพราะมีเนื้อหารุนแรงทางอารมณ์ไปหน่อย แต่ผู้ใหญ่ (โดยเฉพาะที่มีลูก) ควรอ่านเป็นอย่างยิ่ง ^ ^ เล่มที่อ่านนี้แปลโดยคุณมัทนี น่าจะเป็นคนละเวอร์ชั่นกับที่อาจารย์อ่าน เห็นแต่เล่มนี้ สงสัยยังไม่ได้แปลภาค 2 แต่เวอร์ชั่นเก่าที่มีภาค 2 ก็เคยเห็นอยู่ค่ะ หนังสือที่มีภาคต่อส่วนใหญ่มักจะสู้ภาคแรกไม่ได้แทบทั้งนั้น ล่าสุดอ่านความสุขของกะทิ ภาคแรกประทับใจมาก พออ่านภาคต่อก็เฉยๆ เหมือนพยายามเติมเต็ม แต่มันกลายเป็นเหมือนมาขยาย และเฉลยต่อจนเกลี้ยง ไม่ต้องจินตนาการเอง ทำให้ขาดอรรถรสไปบ้าง

เพราะเมื่อวานพึ่งจะซาบซึ้งกับเรื่องเด็กมา วันนี้เลยดีกับหลานชายเป็นพิเศษ เรียกว่าได้อานิสงส์จากต้นส้มแสนรัก ดื้อยังไงก็ไม่ถูกตี ซึ่งจริงๆ แล้วควรจะโดนซักเพี้ยะ (เอาทรายผสมน้ำไปกองใส่ทางลงสไลเดอร์ ขวางไว้เป็นหลายกอง ให้เป็นกับระเบิดสำหรับคนอื่น ดูทำเข้า มันน่าจะโดนมั้ยเนี่ย)

แต่ก็มีเรื่องตลกด้วยเหมือนกัน ทำให้ไม่เข้าใจอารมณ์เด็กซะเลย เมื่อวานเขาไปด้วย ได้เลือกซื้อหนังสือมาชุดหนึ่ง เป็นนิทานเรื่องไซอิ๋ว มีหน้ากากกระดาษแถมมาด้วยทุกเล่ม วันนี้ก็เลยเอาหนังยางร้อยมาร้อยหูสองข้างเพื่อจะใส่ แต่หน้ากากมันใหญ่เกิน ใส่ไม่พอดี เลยนั่งร้องไห้เงียบๆ น้ำตาหยดแหมะใส่หนังสือ เรามาเห็นเข้าก็ตกใจ ซักได้ความก็ต้องบอกว่า โถ...เรื่องขี้ผง เลยเรียกน้องชายมาช่วยโมดิฟายให้เล็กน้อย แค่นี้ก็ทำให้หายเศร้าโศกได้

** เจ้าชายน้อยหนูอ่านหลายรอบแล้วค่ะ ทั้งฉบับภาษาไทย ภาษาอังกฤษ แต่ไม่มีปัญญาอ่านภาษาต้นฉบับ ^ ^ มีหนังเรื่องนี้ด้วย สั่งซื้อมาเก็บไว้ แต่ไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่ อืดๆ มีเว็บด้วยนะคะ http://www.lepetitprince.com/en/index.php

สวัสดีค่ะ

อ่านเรื่องนี้แล้ว  น้ำตาที่มอบให้ “ต้นส้มแสนรัก”  น้ำตาคลอ

เนื้อหาหนักไปค่ะสำหรับเด็ก เศร้าไป

ไม่เคยเลี้ยงลูกและทำโทษรุนแรงเลย เท่าที่จำได้ เวลาดื้อมากๆจะใช้ไม้บรรทัดบางๆตีขาข้างละ 1ที ให้รู้ว่า ผิด และอย่าทำอีก

โชคดีลูกไม่ดื้อค่ะ จริงๆเป็นคนอ่อนนอกแข็งใน แต่เขาไม่แสดงท่าทางน่าตี เขาจะไม่เถียงแต่ไม่ทำ หรือ ย้อนถามเรา ว่า ทำไมต้องให้เขาทำอย่างโน้น อย่างนี้

เราก็จะอธิบายด้วยเหตุผล เขาก็ยอมค่ะ 

แต่ภาษาในหนังสือก็สวยนะคะ

P คุณ sasinanda
ขอบคุณค่ะ โดยส่วนตัวก็ไม่ชอบตีหลาน ส่วนใหญ่จะเอามาขู่มากกว่า ขยับเฟี้ยวฟ้าวฟาดลมเขาก็กลัวจะแย่แล้ว นานๆ ทีถึงจะตี ส่วนใหญ่จะเป็นการทำโทษอย่างอื่นมากกว่า เช่น งดเล่นเกมส์ ไม่พาไปกินอาหารนอกบ้าน ไม่ซื้อของเล่นให้ งดดูการ์ตูน นี่ทำชาร์ทคะแนนติดไว้ที่ข้างฝาเลยค่ะ มีคะแนนโบนัสพิเศษ หรือคูปองสะสมแต้มไว้แจกด้วยเวลาทำดี สามารถมาแลกเป็นของได้

เวลาดื้อสุดๆ อย่างมากก็จะตีขาด้วยไม้เรียวอันเล็กๆ ต้องมีติดบ้านไว้ค่ะ ไม่งั้นบางทีพูดไม่ค่อยฟัง กำลังอยู่ในวัยดื้อ 7 ขวบกว่าเกือบจะ 8 ขวบแล้ว ซนเป็นลิง แม่บอกว่าซนกว่าหนูตอนเด็กอีก แต่ถ้าต้องตีก็จะตามด้วยคำอธิบายว่าทำไม ไม่งั้นเขาก็จะไม่เข้าใจ

หนังสือเรื่องนี้เศร้าไป มีเนื้อหารุนแรงทางอารมณ์และภาษา ไม่เหมาะกับเด็กค่ะ แต่ก็เห็นว่าหลายประเทศนำไปเป็นหนังสือประกอบการสอนด้วย ยังงงอยู่เลยว่าเหมาะหรือ????

ดรีมคงต้องหาซื้อมาอ่านบ้างแล้วค่ะ..."ต้นส้มแสนรัก1+เจ้าชายน้อย"...แค่ที่Little Jazz \(^o^)/ เอามานำเสนอสั้นก็โดนใจมากๆค่ะ...
(เผื่อซักวันจะได้เป็นคุณแม่ที่เข้าใจลูกๆบ้าง)

คุณดรีม แนะนำว่าต้องหามาอ่านเลยค่ะ เป็นวรรณกรรมที่ดี และอยู่ในใจของนักอ่านหลายๆ คน เป็นหนังสือที่ได้รางวัลด้วยนะคะ : )

ตอนนี้กำลังบ้าพลังกลับมาย้อนอ่าน Harry Potter ตั้งแต่เล่ม 1-6 อยู่เพราะไปดูหนังมา รอคอยเล่มสุดท้ายอยู่ด้วย ช่วงนี้อ่านหนังสือเยอะมาก เมื่อคืนก็อ่านถึงตีห้าครึ่งค่อยเข้านอน เช้าก็มีคนโทรมาปลุกเรื่องงานตั้งแต่ 10 โมง นี่ยังง่วงอยู่เลย หาวววววววววววว

สวัสดีค่ะ

ย้อนเข้ามาอีกที

จะขอนำเทคนิคไปใช้กับหลานตอนโตเท่าหลานคุณซูซานค่ะ

มีการเก็บคะแนนสะสมด้วย ฮิๆๆ..

แต่มีบทเรียนสำหรับลูกอยูjอย่างหนึ่งค่ะ คือ เวลา เราสัญญาอะไรกับเขาแล้ว และเขาทำได้ ต้องทำตามสัญญา มันเป็นสัจจะ

วันหลังเราให้เขาสัญญาอะไร เขาจะทำตาม

เด็กผู้ชาย แรงกว่าเด็กผู้หญิงค่ะ ซนกว่า หัวใจอ่อนโยน แต่ไม่อ่อนแอ ให้มีเมตตามากๆ

หลานตอนนี้ เดินได้ ก็ซนใหญ่ชอบเพลงค่ะ สงสัยจะมีอารมณ์ศิลปินเยอะ

คุณ sasinanda

เชิญนำวิธีไปใช้ได้เลยค่ะ ดูมาจากรายการทีวีที่เขาสอนวิธีดูแลเด็กของฝรั่งแล้วเอามาประยุกต์ใช้ ตอนนี้สะสมคูปองความดีครบ 10 ครั้ง แลกเป็นการพาไปเที่ยว 1 ครั้งได้ด้วย วันอาทิตย์นี้น้องทีมก็จะได้ใช้คูปองที่สะสมเพื่อแลกกับการพาไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ที่คลอง 5 จะพาไปดูฟอสซิลไดโนเสาร์ค่ะ

สวัสดีค่ะ

ต้มส้มแสนรักเป็นหนังสือแสนโปรดของตัวเองอีกเล่มหนึ่งเช่นกันค่ะ อ่านตั้งแต่ตอนอายุยังน้อย เกือบ 30 ปีมาแล้วค่ะ จำได้ว่าอ่านไป...น้ำตาไหลไป...ความรู้สึกหลากหลายประเดประดัง...คงเหมือนคุณ Little Jazz นั่นแหละค่ะ

คนตัวเล็ก ๆ ช่างมีความรู้สึกนึกคิดที่แสนบริสุทธิ์...แต่ก็สามารถถูกทำร้ายให้เจ็บปวดได้ไม่ต่างอะไรกับคนตัวใหญ่เลยนะคะ

เราควรต้องทนุถนอม...หล่อเลี้ยงและบ่มเพาะคนตัวเล็กให้เติบใหญ่ด้วยความรักและความศรัทธาในความเป็นมนุษย์...เพราะเขาเหล่านั้นคือ อนาคตและความหวังของสังคม...

นึกแล้วอยากเปลี่ยนอาชีพจังค่ะ...เป็นครูสอนหนูน้อยวัยอนุบาลน่าจะมีความสุขและมีประโยชน์กว่าสอนวัยมหาวิทยาลัยนะคะ

ท่าทางเราจะมี "life style" บางอย่างคล้าย ๆ กัน เช่น ศิลปะ ดนตรี ธรรมชาติ และโดยเฉพาะเรื่องของ "วรรณกรรม" นะคะ เพราะรู้สึกว่าชอบหนังสือเล่มเดียวกัน ตั้งแต่เรื่อง "เจ้าชายน้อย" แล้วค่ะ 

คงได้มีโอกาส "พบกัน" ในวันหนึ่งนะคะ

A bientot ....

 

 

P อ.ทิพวัลย์

หวังว่าจะมีโอกาสได้พบปะและลปรร.กันในไม่ช้า ส่วน Life style ก็น่าจะมีส่วนคล้ายคลึงกันบ้างจากที่อาจารย์บอกมาค่ะ

Art นี่เข้าขั้นคลั่งใคล้ตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือ ชอบที่สุดก็แนว Impressionist แล้วก็พวก Post-Impressionist / Surrealist เคยคิดไปเรียนต่อด้านประวัติศาสตร์ศิลปะที่ฝรั่งเศสด้วยซ้ำ ตอนนี้ก็ยังคิดอยู่

ดนตรี ชอบฟังแนวคลาสสิค แจ๊ส นิวเอจ และเพลงเก่าๆ ที่เนื้อเพลงมีความหมายดี ตัวเองเล่นเครื่องดนตรีได้หลายอย่างแต่ไม่เข้าขั้นดีเลยสักอย่าง พอเล่นถูไถแทนได้เวลานักดนตรีจำเป็นต้องไปเข้าห้องน้ำค่ะ 555

ธรรมชาติ ชอบมากทั้งภูเขาและทะเล โดยเฉพาะทะเลนี่สุดโปรด ชอบไปพักผ่อนและถ่ายรูป หนีบกีต้าร์+หนังสือไปสัก 2-3 เล่มก็อยู่ได้เป็นอาทิตย์

วรรณกรรม ชอบวรรณกรรมเด็กเป็นพิเศษ แต่หนังสือประเภทอื่นก็อ่านเยอะค่ะ มีอะไรก็อ่าน ชอบอ่านหนังสือมากกว่าดูทีวี ตอนนี้กำลังพยายามทำห้องสมุดส่วนตัวที่บ้านอยู่ค่ะ

A bientôt ka : )

ได้อ่าน ต้นส้มแสนรัก เมื่อคืนนี้ค่ะ ไม่สามารถตัดใจวางได้ หากอ่านไม่จบ

ให้ความรู้สึกที่บอกไม่ถูกค่ะ ว่าเรื่องนี้มันต่างจากวรรณกรรมอื่นๆที่ได้อ่านยังไง ความรู้สึกที่เกิดขึ้น มันอยู่ลึก เศร้าลึก เจ็บลึก เหมือนกับรู้สึกได้อย่างกับ เซเซ่ รู้สึก

เรื่องราวมันมีพลังเหลือเกิน...

หนูอ่านแล้วๆๆๆๆๆ

ต้นส้มแสนรัก หนูรักมันจริงๆเลย

หนูอ่านทั้ง 2 เล่มที่พิมพ์ตั้งแต่ ปี2537 แน่ะ

คอนหนูเกิดพอดี หนูอ่านๆๆๆๆ เป็น สิบๆๆๆครั้ง

ทุกครั้งก็ร้องไห้ ร้องไห้ จริงๆ

"หนูอยากมีพ่อเหมือน โปรตุก้า บ้างจัง"

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท