เวทีการจัดการความรู้สู่ชุมชนอินทรีย์ ที่ หมู่ที่ 11 ตำบลท่าเรือ


ผมมารู้ทีหลังว่า กลุ่มที่เข้ามาตั้งคำถามก่อกวนคือกลุ่มที่ต้องการล้มผู้ใหญ่บ้าน... แต่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะกระบวนการของเราไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด และโครงการก็มาจากมติประชาคมซึ่งมีทั้งไทยพุทธและไทยมุสลิมลงมติร่วมกัน... นี่แหละครับ สามัคคีชุมนุม “ทุกอย่างจะเสร็จสมได้ด้วยสามัคคี”

เวทีการจัดการความรู้ที่คุณกิจมีความแตกต่าง

ตอนเช้าวันศุกร์ที่ผ่านมา ครูเกษม เพื่อนคู่ทุกข์คู่ยากของผมบอกว่าไปช่วยเวทีการจัดการความรู้สู่ชุมชนอินทรีย์ ที่ หมู่ที่ 11  ตำบลท่าเรือหน่อย... นัดชาวบ้านในช่วงบ่ายโมง  ผมตอบตกลง และได้ชวน คุณแต้ว พี่และเพื่อนผู้รู้ใจ ของผมไปด้วยครูแต้วตกปากรับคำทันที... ก็คนมันคอเดียวกันครับ...เพื่อนช่วยเพื่อน...

ตอนเที่ยงเศษ พวกเราออกเดินทาง มีผม  ครูเกษม  ครูแต้ว และน้องครูศศิธร (ครูศิ) ไปกับพวกเราด้วย และไปเจอกับ คุณโสภิตา  สารวัตกำนัน ตำบลท่าเรือ ซึ่งเป็นตัวแทนคุณเอื้อระดับตำบลที่คอยอำนวยความสะดวกให้กับพวกเราครับ... พอไปถึงสถานที่ทำเวที  ผมคิดว่าเป็นหมู่บ้านไทยมุสลิมแน่ๆ เพราะสถานที่เป็นโรงเรียนสอนศาสนา  ก็นั่งคิดกับครูแต้วกับอาจารย์เกษมถึงแนวทางการเดินกระบวนการครับ...

เมื่อบรรดาชาวบ้านผู้เข้าร่วมเวทีมาถึงผมจึงรู้ว่าผมคิดผิดถนัดเลยครับ...ผู้ที่มาเข้าร่วมมีทั้งไทยพุทธ และไทยมุสลิม  ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีความขัดแย้งเหมือนกับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หรือเปล่า... ผมให้อาจารย์เกษมเริ่มเข้ากระบวนการ โดยชี้แจงความเป็นมาของโครงการที่สำคัญเราได้ใช้เวทีนี้ในการทำประชาคมเรื่อง โครงการ พพพ. ด้วย  เมื่ออาจารย์เกษมเริ่มรายการก็มีการซักถามเรื่องต่าง ๆ มากมายจนตอบคำถามแทบไม่ทัน...ซึ่งเกิดความระส่ำระสายพอสมควร... เพราะคนที่ถามเป็นคนไทยมุสลิม และมีอยู่  2  คนที่ถามมาตั้งแต่ต้น และถามถึงแต่เรื่องของเงินงบประมาณที่จะได้รับและผู้รับผิดชอบเงินจำนวนดังกล่าว... ผมไม่รู้ว่าผู้ถามมีจุดประสงค์อะไร มืดแปดด้านไปหมด... ผมสะกิดอาจารย์เกษม บอกว่าผมนำกระบวนการเอง  ครูแต้ว คอยบันทึกในกระดาษปรู๊ฟ ผมเริ่มทีละคำถามครับ... ไล่ไปตามความเป็นมาของงบประมาณ จากเสียงที่ดังอื้ออึงเริ่มเงียบหันมาเป็นการฟังอย่างตั้งใจส่วนคนที่ตั้งคำถามผมตอบข้อข้องใจจนหมด และบอกให้ทุกคนเสนอโครงการที่จะของบประมาณให้ได้มาก่อนแล้วจึงรู้ว่าใครเป็นคนรับผิดชอบเรื่องเงินที่ใช้ในโครงการ...

เสียงอื้ออึงกลับดังขึ้นอีกครั้งเมื่อทั้งไทยพุทธ และไทยมุสลิม ต้องหันหน้ามาปรึกษากันเพื่อให้ได้โครงการที่เป็นของหมู่บ้าน ... สักพักก็มีเสียงเสนอโครงการดังขึ้นจากชาวไทยมุสลิมคือ... ทำกรงนก  และเสียงชาวไทยพุทธเสนอเรื่องเลี้ยงปลา  และมีเสียงว่า โครงการเลี้ยงโค  ออกมาเป็น 3 โครงการครับ...

ผมให้ผู้ที่เสนอโครงการอภิปรายรายละเอียดของโครงการที่เสนอ ความสอดคล้องและความเป็นไปได้ในการดำเนินการโครงการที่สำคัญคือสามารถกระตุ้นการประกอบอาชีพของคนในชุมชนได้เป็นส่วนใหญ่... จากการอภิปรายของผู้เสนอโครงการผู้เข้าร่วมเวทีวันนั้นนั่งฟังกันอย่างตั้งใจ... สุดท้ายมติของเวทีออกมาเป็นโครงการเลี้ยงปลากินพืช... ทำไมชาวบ้านเลือกโครงการนี้หรือครับ... เพราะว่าชาวบ้านหมู่ที่ 11  ตำบลท่าเรือมีบ่อปลากันเกือบทุกบ้านนะซีครับ... 70% ของพื้นที่มั้งครับ... โครงการนี้ผมว่าทั่วถึงแน่ครับ... สำหรับคนที่มีหลายบ่อทั้งไทยพุทธไทยมุสลิมก็ตกปากตกลงที่จะให้คนที่ไม่มีใช้บ่อของตนได้คือตกลงเลี้ยงกันคนละบ่อครับ...

ผมมารู้ทีหลังว่า กลุ่มที่เข้ามาตั้งคำถามก่อกวนคือกลุ่มที่ต้องการล้มผู้ใหญ่บ้าน... แต่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะกระบวนการของเราไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด และโครงการก็มาจากมติประชาคมซึ่งมีทั้งไทยพุทธและไทยมุสลิมลงมติร่วมกัน... นี่แหละครับ สามัคคีชุมนุม   ทุกอย่างจะเสร็จสมได้ด้วยสามัคคี  แต่กว่าจะมาถึงการปิดเวที เล่นเอาผม  และครูเกษม รวมทั้งคุณโสภิตา  คอแหบ คอแห้ง  ส่วนครูแต้วบอกว่าเมื่อยแขนมากๆ  แต่สุดคุ้มครับ...

หลังจากจบเวที  ครูเกษมบอกว่า... พรุ่งนี้วันเสาร์ ให้ผมกับครูแต้ว ช่วยไปทำเวทีที่บ้านท้าวราช หมู่ที่ 13 ตำบลท่าเรือ เพราะครูเกษม เองมีธุระสำคัญไปไม่ได้  บอกว่าได้ประสานทางผู้ใหญ่ไว้แล้ว และ คุณโสภิตาก็รับปากว่าจะไปร่วมเวทีด้วย ผมกับครูแต้วมองหน้ากันแล้วตอบเกือบพร้อมกันว่า ตกลง  แล้วผมกับครูแต้วก็นัดเจอกันที่บ้านผู้ใหญ่หมู่ที่  13  ตำบลท่าเรือพรุ่งนี้...

หมายเลขบันทึก: 108856เขียนเมื่อ 5 กรกฎาคม 2007 15:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 มิถุนายน 2012 23:37 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท