ผิดด้วยหรือ? ที่เป็นข้าราชการครู

 พลันที่มีกระแสข่าวว่า ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-กันยายน 2550 กรมบัญชีกลางได้แจ้งไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) และสถานศึกษาว่าไม่มีงบประมาณเป็นค่าตอบแทนค่าวิทยฐานะให้กับข้าราชการครูและบุคลากรทางศึกษา ข่าวนี้ก็สะพัดไปถึงวงการครูทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว ไม่มีใครอยากจะเชื่อว่า กระทรวงศึกษาธิการในฐานะกระทรวงต้นสังกัดจะประสบปัญหาเช่นนี้ เพราะหากการเงินการคลังของประเทศตกอยู่สภาวะชักหน้าไม่ถึงหลังจริงๆ ก็ไม่ควรจะมีแต่วงการครูเท่านั้นที่จะได้รับผลกระทบ หากแต่ข้าราชการ กระทรวงอื่นๆ ก็น่าจะประสบปัญหาเหมือนกัน ทำไมจึงต้องจำเพาะเจาะจงกับครูและบุคลากรทางการศึกษาเท่านั้น หรือจะมาจากเหตุผลที่ข้าราชการครูมีจำนวนมากที่สุดในประเทศ? แล้วผิดด้วยหรือที่ครูเป็นข้าราชการที่มากที่สุดในบรรดาข้าราชการประเภทต่างๆ ?? ขณะเดียวกันก็เกิดคำถามแทรกซ้อนขึ้นมาทันทีว่า มีหนทางใดบ้างหรือไม่ที่รัฐบาลจะขจัดปัดเป่าปัญหานี้ให้หมดสิ้นไปโดยเร็ว

เป็นธรรมดาที่บรรดาครูจะตกใจเมื่อเงินค่าวิทยฐานะซึ่งเคยได้เป็นประจำทุกเดือนมีอันจะต้องหยุดชะงักขาดหายไปอย่างน้อยก็ 3 เดือน แม้เงินจะไม่มากมายอะไรนัก แต่เงินเดือนครูที่ได้อยู่ตามปกติซึ่งเป็นเงินจำนวนน้อยนิด ภาระค่าใช้จ่ายที่ครูต้องแบกรับทุกวัน ทุกสัปดาห์และทุกเดือนนั้นอย่าว่าแต่จะมีเงินเหลือเก็บเลย ลำพังจะใช้ไม่ให้ติดลบเพื่อจะได้ไม่เป็นหนี้ใครก็ยังทำไม่ได้ จากสถิติตัวเลขจะพบว่า ครูคนหนึ่งเป็นหนี้ทั้งในวงเงินเป็นหมื่นบาทถึงเป็นแสนหรือหลายแสนบาท เมื่อนำหนี้ของครูทั่วประเทศมารวมกันจะมากมายเป็นแสนล้านบาท การชดใช้หนี้ของครู ทางหนึ่งเป็นความรับผิดชอบของครูและครอบครัว อีกทางหนึ่งผู้บริหารของกระทรวงศึกษาธิการก็ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือด้วยมาตรการต่างๆ เพราะตระหนักดีว่า ถ้าปล่อยให้ครูเป็นหนี้เป็นสินย่อมจะกระทบกระเทือนต่อขวัญและกำลังใจครู และนั่นย่อมหมายถึง ผลสัมฤทธิ์ในการเรียนการสอนของนักเรียนจะต้องตกต่ำลงไปด้วย

สิ่งที่สร้างความกังวลใจให้กับครูกว่า 300,000 คน เมื่อรู้ว่าเงินค่าวิทยฐานะจะไม่ตกมาถึงเป็นรายเดือน รวม 3 เดือน ก็คือ จะไม่มีเงินให้ธนาคารออมสินหักเป็นรายเดือนตามโครงการกระทรวงศึกษาธิการร่วมกับธนาคารออมสินปล่อยสินเชื่อบรรเทาปัญหานี้สินครูโดยใช้เงินวิทยฐานะค้ำประกันเงินกู้ และครูอีกไม่น้อยที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการนี้แต่ก็ต้องใช้เงินวิทยฐานะไปใช้จ่ายตามความจำเป็นของครอบครัวอย่างอื่น อย่างไรก็ตาม หลังจากนายวิจิตร ศรีสอ้าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการรับทราบปัญหานี้แล้วก็ได้พยายามหาทางแก้ไขทันทีโดยจะเชิญผู้แทนกรมบัญชีกลาง สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษามาหารือ หากแก้ไขไม่ได้จะเสนอคณะรัฐมนตรีของบฯกลางจากส่วนอื่นมาช่วยเหลือไปก่อน จะไม่ยอมให้หักหนี้เงินกู้จากเงินเดือนประจำของครูอย่างเด็ดขาด

จากคำชี้แจงของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการนี้ คงจะทำให้บรรดาครูและบุคลากรทางการศึกษาเบาใจขึ้นบ้างไม่มากก็น้อย เพราะถึงอย่างไร รัฐบาลก็ไม่ควรจะทำให้ครูประสบความเดือดร้อนด้วยข้ออ้างเพียงว่าเป็นเรื่องของการเงินการคลังของประเทศ เพราะโดยข้อเท็จจริง การตั้งงบประมาณหลายๆ โครงการโดยเฉพาะด้านความมั่นคงที่เกิดขึ้นในรัฐบาลปัจจุบันหลายร้อยล้านหรือเป็นพันล้านบาทก็ยังสามารถตั้งงบฯและเบิกเงินมาใช้ได้ แล้วทำไมเงินค่าวิทยฐานะซึ่งมีความหมายต่อชีวิตครูจึงเบิกมาไม่ได้ กระทรวงศึกษาธิการจะต้องจัดการปัญหานี้ให้ได้ ซึ่งมีเวลาพอสมควรในการดำเนินการเรื่องนี้ ให้เรียบร้อย เมื่อมีความคืบหน้าอย่างไร ประสบความเร็จหรือติดขัดด้วยเรื่องอะไร อย่างไรก็ควรที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการจะต้องอธิบายชี้แจงให้เกิดความชัดเจนกับครูทั้งประเทศ

มีคุณครูหลายท่านตัดพ้อเมื่อทราบว่าจะไม่ได้รับเงินวิทยฐานะ 3 เดือน ว่า ผิดด้วยหรือ? ที่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เป็นข้าราชการที่มีจำนวนมากที่สุดในบรรดาข้าราชการประเภทต่างๆ ที่มีอะไรเกี่ยวกับเรื่องเงิน ก็มักจะได้ช้ากว่าข้าราชการประเภทอื่นๆ

ผิดด้วยหรือ? ที่เป็นข้าราชการครู

[dejavu monmon]

• ไม่ผิดครับ :-)
• เมื่อเทียบระหว่างข้าราชการระดับสูงกับระดับล่างสุด ผมคิดว่าระดับล่างสุดลำบากมากกว่า แต่ถ้าล่างไปกว่าข้าราชการ ก็ยิ่งลำบากมากกว่าอีก ถ้าจะไม่ลำบากคือ อย่าไปคิดอะไรมาก แต่จะไม่ให้คิดก็ไม่ได้อีก :-)
• ประเทศไทยน่าจะมีทางออกที่ดีนะครับ
• เมื่อคืนผมดูข่าว ค่าเงินบาทแข็งตัวมากที่สุดในรอบสิบปี น่าจะเป็นทิศทางที่ดีหรือร้ายก็ไม่รู้นะครับ