หลายคนมักทักคนที่เคยเดินทางไปประเทศเวียดนามด้วยคำถามชวนคิดว่า “ไปเวียดนามมาเหรอ วุ่นวายดีไหม” คนที่ไม่เคยไปคงจะจินตนาการไปต่างๆ นาๆ ส่วนคนที่เคยไปแล้วจะพยักหน้ารับพร้อมกับตอบว่า “วุ่นวายสุดๆ” ผู้เขียนเองก็เช่นกัน ความวุ่นวายในสายตาเรา กลับเป็นความธรรมดาของคนเวียดนามซะมากกว่า จำได้ว่าครั้งเมื่อไปเมืองฮานอยครั้งแรกเมื่อ 3 ปีก่อน สิ่งแรก ที่เห็นว่าวุ่นวายสุดๆ คือ การขับรถ และขี่รถของคนเวียดนามที่แสนจะ “วุ่นวาย” แต่ความวุ่นวายกลับทำให้เราไม่สามารถละสายตาออกจากการมองคนบนถนนไปได้ คนที่ขับขี่ยวดยานต์ต่างพากันขับไปข้างหน้าแบบไม่เป็นแถวเป็นแนว ใครใคร่แซงก็แซง ใครนึกได้อยากเลี้ยวก็เลี้ยว แต่ที่น่าแปลกคือไม่มีอุบัติเหตุ หรือแม้แต่คำด่าทอจากเพื่อนร่วมทางแม้แต่นิดเดียว ถ้ายกฉากความวุ่นวายนี้มาวางไว้บนถนนใดถนนหนึ่งในเมืองไทย คงมีหลายคนที่แปลงร่างเป็นพ่อมดแม่มดหรือตัวร้ายในละครทีวี ที่จะละบายความโกรธของตนกระหน่ำเทกับเพื่อนร่วมทางที่เราคิดว่าไม่มีวินัยในการขับรถ อย่างที่กล่าวไว้ ในเวียดนามกลับตรงข้าม
แล้วคำถามก็เกิดขึ้นในใจผู้เขียนว่า “ขับยังไงไม่ให้ชนกัน” หลังจากที่อยู่ในภวังค์อยู่นาน ประสาทการรับเสียงก็เริ่มทำงาน “แต้น ๆๆๆๆๆๆ” เสียงอะไรจะรัว เร็วและแสบแก้วหูขนาดนี้ รถแต่ละคันสื่อสารผ่านเสียงแตรรถ เป็นการแจ้งให้ทราบว่า “ฉันอยู่ข้างหลังนะ จะแซงแล้ว” (อันนี้ตัวเองคิดเอาเอง ว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น) แม้ว่าบนถนนจะวุ่นวายสักแค่ไหน สิ่งที่สะดุดตาอีกอันเห็นจะเป็น บรรดาเก้าอี้ของร้านน้ำชา กาแฟ ที่ต่างก็เรียงแถวและหันน่านไปทางถนนหมด ไม่เหมือนบ้านเราที่เก้าอี้ล้อมวงเข้าหาโต๊ะ ลักษณะเก้าอี้ที่นั้นก็แสนจะสบายในการเอนหลัง เหมือนเก้าอี้ชายหาดก็ไม่ปานแต่เอนลงน้อยกว่าเท่านั้นเอง ระหว่างเก้าอี้ก็มีโต๊ะขนาดเล็กเอาไว้วางกาน้ำชาและแก้วกาแฟ คำถามชวนสงสัย คือ เวลาเรานั่งดื่มชากาแฟยามเช้าและยามเย็น มักต้องการความสงบ ผ่อนคลาย แต่ที่เวียตนาม ผู้คนดื่มกาแฟและชาโดยหันหน้าออกถนนที่แสนจะวุ่นวายตลอดวัน อาจเป็นเพราะ “ความเงียบที่แท้จริงอยู่ภายใต้ความวุ่นวาย” ก็เป็นได้ไม่มีความเห็น