ชื่อผู้วิจัย นางมณี ขิระนะ โรงเรียนบ้านกร่างวิทยาคม ตำบลบ้านกร่าง อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก
1. ชื่อปัญหาการวิจัย รายงานการใช้บทเรียนสำเร็จรูปชุดการสร้างคำในภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านกร่างวิทยาคม จังหวัดพิษณุโลก
2. ความสำคัญของปัญหา
จากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนเรื่องหลักการสร้างคำในภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 พบว่ามีนักเรียนจำนวน 44 คน จากจำนวนนักเรียนทั้งหมด 159 คน มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดคิดเป็นร้อยละ 27.67 ซึ่งจำเป็นต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน จากการสอบถามนักเรียนพบว่าเวลาในการเรียนมีน้อยทำให้เรียนไม่ทันเพื่อนเพราะไม่มีพื้นฐานความรู้ในเรื่องนี้มาก่อน สื่อและอุปกรณ์ที่ใช้ในการเรียนการสอนมีน้อยไม่เพียงพอที่จะศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมได้และไม่สนองตอบความต้องการของผู้เรียน
3. วัตถุประสงค์ของการวิจัย
1. เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของบทเรียนสำเร็จรูปชุดการสร้างคำในภาษาไทยสำหรับ
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80
2. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูปชุดการสร้างคำในภาษาไทยสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
3. เพื่อประเมินความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1ที่มีต่อการเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูปชุดการสร้างคำในภาษาไทย
4. วิธีดำเนินการวิจัย
4.1 ประชากร / กลุ่มตัวอย่างที่ศึกษา
ประชากรนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1โรงเรียนบ้านกร่างวิทยาคม อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก ปีการศึกษา 2551 จำนวน 139 คน
กลุ่มตัวอย่างนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านกร่างวิทยาคม อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก ปีการศึกษา 2551 จำนวน 1 ห้องเรียน จำนวน 40 คน
4.2 เครื่องมือที่ใช้
ก. เครื่องมือในการแก้ปัญหา / แนวทางแก้ปัญหา
1. แผนการสอนเรื่องการสร้างคำในภาษาไทย จำนวน 14 ชั่วโมง
2. บทเรียนสำเร็จรูปชุดการสร้างคำในภาษาไทยจำนวน 4 เรื่อง คือ 1. เรื่องคำมูล 2. เรื่องคำประสม 3. เรื่องคำซ้อน 4. เรื่องคำซำ
3. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 40 ข้อ
4. แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีต่อการเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูปชุดการสร้างคำในภาษาไทย
ข. เครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล
1. แบบทดสอบก่อนและหลังเรียน
2. บทเรียนสำเร็จรูปชุดการสร้างคำในภาษาไทย จำนวน 4 เรื่อง แบ่งเป็น 6 เล่ม
3. แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีต่อการใช้บทเรียนสำเร็จรูป
4.3 วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล
ผู้วิจัยได้เก็บรวบรวมขอมูลจากการประเมินผลของนักเรียนดังนี้
1. ผลการทดสอบก่อนเรียน
2. การตรวจแบบฝึกหัดและกิจกรรมการเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูป
3. ผลการทดสอบหลังเรียน
4. ผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีต่อการใช้บทเรียนสำเร็จรูป
4.4 สถิติที่ใช้และวิธีการวิเคราะห์ข้อมูล
1. ค่าเฉลี่ย
2. ค่าร้อยละ
3. ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน S.D.
4. หาค่าประสิทธิภาพของบทเรียนสำเร็จรูปด้วยE1/E2
5. หาค่าความแตกต่างก่อนและหลังเรียนด้วย t-test
5. สรุปผลการวิจัยที่ได้
1 บทเรียนสำเร็จรูปที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นมีประสิทธิภาพ สามารถแก้ปัญหาการเรียนของนักเรียนได้เพราะนักเรียนมีผลการเรียนพัฒนาขึ้นจากผลการทดลองบทเรียนสำเร็จรูปมีประสิทธิภาพ 86.50/83.25 ตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80
2 คะแนนทดสอบหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน ผลการเรียนของนักเรียนมีความก้าวหน้าขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. ค่าเฉลี่ยความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อบทเรียนสำเร็จรูปชุดการสร้างคำในภาษาไทย มีความพึงพอใจในระดับมากที่สุด (ได้ค่าเฉลี่ย = 4.82, ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน = 0.39)
ข้อเสนอแนะ ก่อนใช้บทเรียนสำเร็จรูปครูและนักเรียนต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการใช้ โดยเฉพาะครูผู้สอนควรเน้นให้นักเรียนมีความซื่อสัตย์ต่อตนเอง เพื่อให้การเรียนมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม ทั้งให้คำแนะนำและให้กำลังใจแก่ผู้จัดทำเป็นอย่างดี ขอรับคำแนะนำเพื่อไปปรับปรุงและแก้ไขต่อไป ขอบคุณมากค่ะ
ขอขอบคุณครูสุนันท์มากนะคะที่เป็นกำลังใจให้
เป็นกำลังใจให้เหมือนกันค่ะ ครูมณี
ชื่นชมคุณครูมณีมาก ในความมุ่งมั่นตั้งในพัฒนานักเรียน ขอให้คุณครูทำต่อไปนะคะ
คงจำได้น่ะค่ะขอชื่นชมความตั้งใจ ว่าง ๆก็เมล์หานะตามเมล์ที่ให้ไว้ คิดถึงจ้า
ขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจให้
หนูเป็นนักศึกษาฝึกสอนอยากขอคำปรึกษาเรื่องงานวิจัยในชั้นเรียนได้ไหมคะ
ถ้าได้ช่วยตอบในเมลนะคะ
ขอบคุณคะ
ยินดีมากที่จะให้คำปรึกษาเรื่องงานวิจัยในชั้นเรียนค่ะ
สวัสดีค่ะ คุณครูมณี
แวะมาทักทายและแสดงความชื่นชมคุณครูค่ะ ขอให้กำลังใจคุณครูต่อการปฏิบัติหน้าที่คุณครูและเป้าหมายสำคัญของคุณครูคือตัวนักเรียนนั่นเอง ยินดีให้การสนับสนุนทุกเรื่องที่จะทำเพื่อนักเรียนและโรงเรียนของเราค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจ