“จุ๋ยม่วย” : แม่ที่รอการแปลงสัญชาติเป็นไทยมาเกือบสิบปี (กรณีศึกษา :แปลงชาติ )


จุ๋ยม่วยได้ยื่นขอแปลงสัญชาติเป็นไทยตามกฎหมายไทยว่าด้วยสัญชาติแล้ว เพื่อที่แม้จะไม่มีสัญชาติไทยโดยการเกิด ก็ขอมีสัญชาติไทยภายหลังการเกิด

จุ๋ยม่วย : แม่ที่รอการแปลงสัญชาติเป็นไทยมาเกือบสิบปี (กรณีศึกษา :แปลงชาติ ) 

ประวัติของ แม่จุ๋ยม่วย

จุ๋ยม่วยเกิดที่เมืองไซแด มณฑลฮกเกี้ยนของประเทศจีนเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๔ แต่พออายุได้ ๔ ขวบบิดาและมารดาชาวจีนของจุ๋ยม่วยได้พาจุ๋ยม่วยเดินทางเข้ามาอาศัย อยู่ในประเทศไทยโดยได้โดยเดินทางมากับเรือสำเภา และ เข้ามาอาศัยอยู่ที่อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา   

ในการเข้าเมืองไทยครั้งนั้นทุกคนในครอบครัวรวมทั้งนางจุ๋ยม่วยได้รับบัตรประจำตัวคนต่างด้าวจากรัฐไทย และได้อาศัย ประกอบอาชีพค้าขายอยู่ในประเทศไทยจนจุ๋ยม่วยโต 

ต่อมา เมื่อครอบครัวย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพฯ จุ๋ยม่วยก็แต่งงานกับ ายไซเส้งคนเชื้อสายจีนที่เดินทางมาจากประเทศจีนและ ได้รับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวที่ออกให้โดยรัฐไทยเช่นกัน  จุ๋ยม่วยและไซเส้งอยู่กินกันจนมีบุตรเกิดในประเทศไทยรวมทั้งสิ้น ๙ คน โดยบุตรทุกคนได้รับสัญชาติไทย ดยการเกิดจากหลักดินแดนและไม่ตกอยู่ภายใต้ผลของประกาศคณะปฏิวัติที่ ๓๓๗  ลงวันที่ ๑๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๕

จุ๋ยม่วยอาศัยอยู่ในเมืองไทยมาโดยตลอดกับบุตรหลานที่มีสัญชาติไทยและได้ประกอบอาชีพสุจริตจนมีธุรกิจที่มั่นคงเป็นของตนเอง  และด้วยความขยันหมั่นเพียรทุกวันนี้จุ๋ยม่วยจึงยังไม่เคยหยุดที่จะยังคงเดินทางไปทำงาน ที่บริษัทซึ่งตนเองเป็นกรรมการอยู่ 

"ความหวัง" ในวันนี้ของจุ๋ยม่วย

บุตรหลานของจุ๋ยม่วยเล่าว่าตลอดเวลาที่ผ่านมางจุ๋ยม่วยประกอบแต่ คุณงามความดี ช่วยเหลือผู้อื่นและสังคม คอยทำนุบำรุงศาสนาเท่าที่มีโอกาสและไม่เคย มีประวัติอาชญากรรม  จุ๋ยม่วยสามารถฟังและพูดภาษาไทยได้เป็นอย่างดี มีความจงรักภักดี ในสถาบันพระมหากษัตริย์และแผ่นดินไทยเป็นอันมาก  

จุ๋ยม่วยรักประเทศไทย พราะถึงแม้ว่าจะไม่ได้เกิดในเมืองไทยแต่ก็เป็นแผ่นดินที่จุ๋ยม่วยได้อยู่อาศัยและเติบโต ประเทศไทยนับเป็นประเทศเดียวที่จุ๋ยม่วยรู้จัก

เนื่องจากถึงแม้จุ๋ยม่วย จะมีจุดเกาะเกี่ยวที่แท้จริงกับประเทศจีนอยู่ด้วยในอันที่อาจจะทำให้มีสัญชาติจีนได้นั้น แต่ปัจจุบันจุ๋ยม่วยไม่สามารถพิสูจน์จุดเกาะเกี่ยวต่างๆ นั้นได้แล้วเพราะจุ๋ยม่วย ไม่มีหลักฐานแสดงว่าตนเกิดในประเทศจีน อีกทั้งบิดาและมารดารวมถึงสามีของจุ๋ยม่วยได้เสียชีวิตไปหมดแล้ว  ตลอดจนพี่น้องร่วมบิดาและมารดาของจุ๋ยม่วยก็เสียชีวิตแล้วเช่นกัน 

 จุ๋ยม่วยเองก็ไม่รู้จักและไม่ได้รับการติดต่อจากญาติคนใดในประเทศจีน ทำให้ทุกวันนี้หากลูกหลานพาจุ๋ยม่วย เดินทางไปเที่ยวประเทศจีน จุ๋ยม่วยก็ยังต้องขอวีซ่าเดินทางเข้าประเทศจีนเช่นเดียวกับ บุคคลที่ไม่มีสัญชาติจีนจะต้องกระทำ 

แม้ว่าหลาย ๑๐ ปีที่ผ่านมานางจุ๋ยม่วยจะไม่เคยรู้ตัวเองเลยว่าตนตกอยู่ในสภาวะเป็น บุคคลไร้สัญชาติอันเนื่องมาจากไม่ปรากว่ามีสัญชาติจีนหรือสัญชาติอื่นใด 

และแม้ว่าหลาย ๑๐ ปี ที่ผ่านมา จุ๋ยม่วยจะสามารถจัดการกับความเดือดร้อนและภาระค่าใช้จ่ายในการต่ออายุ ใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวของตนในประเทศไทยมาได้โดยตลอดเช่นกัน แต่จุ๋ยม่วยก็คาดหวังมาโดยตลอดว่าจะได้รับสัญชาติไทยอันเป็นสัญชาติของประเทศที่ตนอยู่อาศัย ซึ่งเป็นประเทศเดียวที่ตนมีความรักและผูกพันอย่างแน่นแฟ้น 

จุ๋ยม่วยได้ยื่นขอแปลงสัญชาติเป็นไทยตามกฎหมายไทยว่าด้วยสัญชาติแล้ว เพื่อที่แม้จะไม่มีสัญชาติไทยโดยการเกิด ก็ขอมีสัญชาติไทยภายหลังการเกิด  

วันศุกร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2550 เป็นอีกครั้งที่จุ๋ยม่วยจะทำการพิสูจน์ตนว่าครบคุณสมบัติที่จะขอแปลงสัญชาติเป็นไทยได้หรือไม่ มาติดตามและให้กำลังใจ แม่จุ๋ยม่วย ให้สามารถมีสัญชาติไทยได้ในบั้นปลายของชีวิต

หมายเลขบันทึก: 107022เขียนเมื่อ 28 มิถุนายน 2007 16:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 พฤษภาคม 2012 10:35 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)
ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ แม้จะอ่อนล้าก็ สู้ๆนะค่ะ

ขอเป็นกำลังใจให้ครับ

รบกวนสอบถามหน่อยอะคะ ว่าคุณแม่จุ๊ยม่วยได้แปลงสัญชาติเรียบร้อยแล้วรึยังคะ

พอดีอยากทำให้คุณแม่ตั้งนานแล้ว แต่ไม่ทราบว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรอะคะ

คุณแม่มาจากมาเลเซียตอนอายุ 4 ขวบคะ ใช้ต่างด้าว ต้องเสียค่าธรรมเนียมคะ

ก็เลยอยากทำให้เพราะคุณแม่อยากมีบัตรประชาชนคนไทยเต็มตัวบ้าง

ยังไงรบกวนด้วยนะคะ

ขอบคุณล่วงหน้าคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท