การพังทลายของกลุ่มกู้ชาติ


การตัดตอนยึดอำนาจการปกครองมาจากรัฐบาลชั่วคราวไทยรักไทยที่ง่อยกระรอกเต็มทีในคราวนั้น นำผลมาสู่ปลายทางในวันนี้และ.. พรุ่งนี้ ที่จริง ผมควรจะได้เขียนบทความนี้ขึ้นภายหลังเวลา 16.30 น. ของวันที่ 24 มิถุนายน 2550 ซึ่งเป็นเวลานัดหมายการชุมนุม และในเวลาที่หนังสือพิมพ์ MT News ออกมาอยู่ในมือท่านนี้ ผมหวังว่าสิ่งที่กังวลเกี่ยวกับวันพรุ่งนี้ของผม จะเป็นเพียงแค่ความกังวลร้ายๆ

                                                                               

 นี่คือคืนวันที่ 23 มิถุนายน 2550 ผมไม่ได้อยู่หน้าจอโทรทัศน์ตลอดทั้งวัน ไม่ได้อ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์กระแสหลัก และสำหรับคนที่ทำงานอยู่ในแวดวงสื่อสารมวลชน วันนี้เป็นวันที่เศร้าของพวกเขาอีกวาระ เมื่อตัวเลขของกลุ่มผู้ไปร่วมชุมนุมต้านเผด็จการบริเวณท้องสนามหลวง ท่ามกลางบรรยากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝน โครมครืนด้วยเสียงฟ้าร้อง ซึ่งว่ากันว่ามีอยู่มากกว่าหลักแสนในการบอกเล่าของประชาชนที่ไปร่วมชุมนุม กลับถูก “สั่งการ” ให้สื่อสามารถนำเสนอตัวเลขได้ไม่เกินหลัก 2 พัน ถึงหลักหมื่นต้นๆ พร้อมกับด้วยฝนที่ตกลงมาด้วยนี้ ให้เป็นเหตุไปเหมือนทุกคราวว่า ที่สุดแล้ว การชุมนุมต้านเผด็จการ(เอ้อ.. รัฐบาลทหารเขาให้คำจำกัดความว่า “พวกม็อบรับจ้าง”) สลายตัวไปด้วยสายฝน

                ในรูปการเช่นนี้ ไม่ต่างอันใดเลยกับประวัติศาสตร์การปกครองโดยเผด็จการทหารที่ผ่านๆ มา เพราะเมื่ออำนาจได้ตกไปอยู่ในมือพวกเขา สิ่งที่ดำรงอยู่ต่อมากลับกลายเป็นการกำจัดศัตรู ปิดบัง ซ่อนเร้น อำพราง โดยเฉพาะการสร้างความชอบธรรมให้ตัวเองผ่านทางการบังคับให้สื่อมวลชนบิดเบือนการนำเสนอข่าวสาร ในคืนวันที่ 19 กันยายน 2549 เราจำได้ว่าสื่อโทรทัศน์ทุกช่องถูกระงับการออกอากาศรายการปรกติ ก่อนที่คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นพระประมุข(คปค.) จะประกาศยึดอำนาจการปกครอง พร้อมกับผลิตวลี “โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง” ขึ้นมาให้เราคนไทยได้สะทกสะท้านใจอีกวาระ

                การตัดตอนยึดอำนาจการปกครองมาจากรัฐบาลชั่วคราวไทยรักไทยที่ง่อยกระรอกเต็มทีในคราวนั้น นำผลมาสู่ปลายทางในวันนี้และ.. พรุ่งนี้ ที่จริง ผมควรจะได้เขียนบทความนี้ขึ้นภายหลังเวลา 16.30 น. ของวันที่ 24 มิถุนายน 2550 ซึ่งเป็นเวลานัดหมายการชุมนุม และในเวลาที่หนังสือพิมพ์ MT News ออกมาอยู่ในมือท่านนี้ ผมหวังว่าสิ่งที่กังวลเกี่ยวกับวันพรุ่งนี้ของผม จะเป็นเพียงแค่ความกังวลร้ายๆ

                ประเทศไทยเราในเวลานี้ ทุกด้านของการบริหารประเทศอยู่ในภาวะ “ตึง” ทั้งสิ้น ตึงก็คือพร้อมจะขาดสะบั้น อะไรทำให้เกิดปรากฏการณ์เช่นนี้ขึ้น เรามองรอบด้าน พบว่าล้วนแต่เกิดมาจากอวิชชา หรือ ความไม่รู้ ของกลุ่มเผด็จการทหารและรัฐบาลเฉพาะกาลที่เขาตั้งขึ้นนั่นแหละ เมื่อตั้งตัวเป็นผู้รับผิดชอบประเทศไทย ความเสียหายของประเทศในคราวนี้ ไม่โทษคุณแล้วจะโทษใคร?

                สถานการณ์รุนแรงในภาคใต้ ข้อนี้ตึงที่สุด แต่รัฐบาลพยายามทำให้ทุกสิ่งดูเบาลงกว่าที่เป็นไปมาก ไม่ใช่เฉพาะแต่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ แต่เมืองเศรษฐกิจในภูมิภาคอย่างหาดใหญ่ก็วิกฤตหนัก รายได้จากการค้าขายหดหายไป 80 เปอร์เซ็นต์ คุณภาพทางการศึกษาของเด็กใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ดิ่งเหว โรงเรียนถูกเผา สลับกับถูกสั่งปิด เพราะครูถูกฆ่า เมื่อเปิดเรียนมาก็ต้องยุบไปเรียนกับโรงเรียนอื่น บางแห่งต้องกางเต๊นท์เรียนกลางสนาม มีทหารคอยถือปืนคุ้มกัน บรรยากาศการเรียนแบบนี้ ผมบอกได้ว่ายิ่งกว่านักเรียนในเขตฉนวนกาซ่าเสียอีก

                เศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ นี่ก็ตึงเปรี๊ยะ เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมาแบบหาต้นสายปลายเหตุไม่เจอ แม้จะช่วยให้คนไม่บริโภคน้ำมันราคาแพงเกิน 30 บาทต่อลิตร(หากบาทอ่อนค่าตามสภาพจริง ผู้ใช้น้ำมันทั่วประเทศต้องน้ำตาไหลพรากออกไปร่วมขบวนชุมนุมขับไล่เผด็จการกันแน่แล้ว) กระนั้น ผลจากการแข็งค่าของเงินกลับทำให้คนส่วนน้อยแต่นำรายได้ส่วนใหญ่เข้าประเทศ คือกลุ่มผู้ส่งสินค้าออก ต้องเผชิญกับนรกของดอกเบี้ยและการขาดทุน

                มีการเรียกจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวอย่างเปิดเผย พวกนี้ไม่ใช่คนไทย ย่อมไม่มีผลต่อเสถียรภาพของอำนาจการปกครอง แต่ที่ต้องเรียกจดเวลานี้ เพราะพวกนี้มีอยู่มากในประเทศ ในแรงงานชั้นต่ำ แต่อัตราค่าจดทะเบียนคนหนึ่งก็ร่วมหลายพันบาท เป็นรายได้ทางหนึ่ง ชดเชยภาวะที่รัฐกำลังขาดแคลนรายได้

                รายได้อีกทางหนึ่ง เรียกเก็บคืนจากการตัดสิทธิ์เงินค่าชำนาญการของกลุ่มข้าราชการ ในการหารายได้แบบหลังนี้ อ้างว่าเป็นไปตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง แต่เชื่อเถิด ข้าราชการไม่เอาด้วยแน่ จากที่เคยเกียร์ว่าง ตอนนี้จะเข้าเกียร์เดินหน้า แต่จะเดินหน้าไปชนกับกลุ่มอำนาจใหม่ และลุกลามไปสู่การเรียกร้องสิทธิ์เก่าๆ คนเก่าๆ กลับคืนมา

                เพียงแค่การหารายได้พยุงตัวเองของรัฐจาก 2 แนวทางข้างต้น ก็ชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลนี้กำลังกระเป๋าแฟ่บขนาดไหน นั่นเพราะรัฐบาลเฉพาะกาลชุดนี้ไม่รู้จักวิธีหาเงิน พยายามกระทำตนเป็นฤาษี พยายามยกเลิกหวยบนดิน และพยายามยกเลิกอีกหลายสิ่งอย่างอันเป็นช่องทางหารายได้ของรัฐบาลชุดที่แล้ว ในขณะเดียวกัน พวกเขาลืมไปได้อย่างไรว่ารัฐบาลที่แล้วสร้างช่องทางรับรายได้ไว้มาก ก็เพราะมีรายจ่ายของนโยบายประชานิยมที่มาก ดังนั้น เมื่อรัฐบาลชุดปัจจุบันเข้ามาดำเนินนโยบายต่อ การขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศให้เดินหน้าไปได้ การแบกรับความคาดหวังของประชาชนให้สำเร็จลุล่วงไปได้ จำเป็นจะต้องรู้วิธีหาเงินและสวัสดิการ ซึ่งกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับประชาชนภายหลังยุคทักษิณ เมื่อเข้ามาล้มล้างรัฐบาลประชานิยม แล้วตอบสนองด้วยนโยบายเศรษฐกิจพอเพียง และความสมานฉันท์ ทั้งที่หาเงินไม่เป็น ความหมายของนโยบายที่รัฐบาลชุดนี้ตั้งเอาไว้จึงมีนักวิชาการบางราย คือ ศ.ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ นำไปแปลว่าเป็นนโยบาย “อย่าหือ”

                ผมไม่ได้ไปเห็นภาพการชุมนุมในวันนี้ด้วยตาตัวเอง ที่มีคนมาเล่าว่ามีผู้ไปร่วมชุมนุมเป็นหลักแสนอาจเป็นเรื่องโม้ของเขาก็ได้ แต่ในคำโม้นั้น ผมยังให้เปอร์เซ็นต์ใกล้เคียงตัวเลขจริงสูงกว่าตัวเลขที่ถูกนำเสนอผ่านสื่อ โดยเฉพาะตัวเลข 2,000 คน อันนี้น่าเกลียดมาก เจตนาไม่ดีมากๆ แค่ภาพถ่ายที่ผมเก็บมาจากเว็ปไซต์พันทิพย์ก็ดูเอาคร่าวๆ ได้ว่าน่าจะมีคนไปร่วมชุมนุมมากกว่านั้น และน่าจะมีด้ามปืนจ่ออยู่บนแป้นพิมพ์ของผู้รายงานข่าวแน่ๆ

                ไม่น่าละครับ ที่สื่อเสรีอย่างไอทีวีซึ่งเกิดมาจากเจตนารมณ์เพื่อการไม่ปิดหูตาประชาชนในคราวพฤษภาทมิฬ 2535 จึงมาถึงคราวทำนบแตกเอาในยุคเผด็จการวันนี้ เหตุการณ์มันท่าจะซ้ำรอยในไม่ช้านี่นา

                ผมเข้าใจในเจตนาอันดีของอดีต คปค. ว่าท่านเองก็รักชาติรักแผ่นดิน ดำเนินการไปทั้งด้วยใจสั่งมา และอาจถูกสั่งมาด้วย ท่านเคยบอกว่าถ้าท่านทำรัฐประหารไม่สำเร็จ ท่านอาจต้องโทษประหารชีวิตด้วยข้อหากบฏ ผมไม่เชื่อครับว่าท่านกลัวว่าท่านจะทำไม่สำเร็จ ในข้อที่ว่าหากมีคนสั่งท่านมาอีกต่อ ท่านย่อมเชื่อว่าเขาจะคุ้มครองท่านได้

                ปัญหาวันนี้ ไม่ได้อยู่เฉพาะการได้มาโดยระบอบการปกครองแบบเผด็จการ การให้อำนาจมากมายแก่ทหาร และการร่างรัฐธรรมนูญที่นำไปสู่ระบอบอำมาตยาธิปไตยดังเก่า แต่นอกเหนือจากนี้แล้ว มันอยู่ที่ท่านไปรับไม้ต่อมาในภาวะที่การเมืองไทยกำลังดำเนินอยู่ในช่วงสูงสุดอีกคราวหนึ่ง ทั้งในด้านเศรษฐกิจ และบทบาทผู้นำระดับภูมิภาค ทีนี้พอท่านรับต่อมาแล้วทำได้ไม่เท่าเขา มันก็อดไม่ได้ที่จะถูกเปรียบเทียบ ยิ่งมีชนักในเรื่องการได้มาซึ่งอำนาจอยู่แล้ว สถานการณ์ความไม่พอใจก็ยิ่ง go big ตอนนี้ สิ่งเดียวที่คนเห็นว่าท่านได้ทำบรรลุผลไปก็คือเล่นงานทักษิณและพวก แต่คนไม่เห็นเลยว่าในฐานะตัวแทนอำนาจรัฐ อำนาจบริหาร ท่านได้ทำอะไรให้ประชาชน ?

                เวลา 1 ปีอาจไม่นาน แต่วันนี้ท่านทำให้ประเทศทรุดหนักเกินไปในทุกด้าน นั่นจึงเป็นคำตอบที่ว่า ทำไมจึงมีคนมาร่วมเดินขบวนต่อต้านเผด็จการกันเป็นจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่สำคัญ มีข่าวร้ายสำหรับใครๆ ด้วยว่า ท่านอาจทำให้ทักษิณกลับมา ด้วยเหตุจากความกลัวของท่านเอง ที่ทำให้มัวงมอยู่แต่การกำจัดเขา ภายใต้หยาดเหงื่อและความทุกข์ของประชาชน

                ถ้าท่านผ่านจุดวิกฤตินี้ไปได้ อย่าลืมนะครับ ทำงานๆ ศัตรูฉกาจของท่านคือการทำงานไม่เป็นครับ
คำสำคัญ (Tags): #บทความ
หมายเลขบันทึก: 105786เขียนเมื่อ 24 มิถุนายน 2007 01:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน 2012 01:46 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท