คนดีที่เผลอตัวไป จนใครๆ อาจลืมไปว่าเขาก็คือลูก คือหลาน คือเพื่อนบ้านของเรา คนดีที่ว่านี้คือ “ผู้ป่วยยาเสพติด” เพราะเขาคือคนป่วยที่ต้องได้รับการดูแลรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพให้กลับมาดำรงชีวิตอย่างปกติสุข เจตคติตรงนี้สำคัญสำหรับสังคมในการดูแลผู้ป่วย เพราะถ้าเรามีทัศนคติที่ไม่ดีต่อผู้ป่วยเหล่านี้ ไม่ยอมรับเขากลับมาสู่สังคม ไม่ยอมรับความเป็นมนุษย์ของเขา ก็เท่ากับเราผลักไสให้เขาไปอยู่ในมุมมืดของสังคมตลอดไป
การยอมรับเขาสู่สังคมนั้นเป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจกัน เพราะหลายๆ คนยังมีความรู้สึกหวาดระแวง กลัวว่าเขาจะสร้างปัญหา ความวุ่นวาย ให้กับเรา ให้กับสังคม แต่ถ้าเราเข้าใจเขา และเข้าใจในกระบวนการบำบัดรักษาแล้ว เราจะรู้ว่าขั้นตอนสำคัญอันหนึ่งในการบำบัดรักษาคือการฟื้นฟูสมรรถภาพ นั่นคือการส่งเสริมอาชีพ การศึกษา และชีวิตความเป็นอยู่ ให้เขาสามารถกลับไปอยู่กับครอบครัว ชุมชน โรงเรียน ได้อย่างปกติสุข โดยที่ไม่มีใครรังเกียจเหยียดหยาม ดูหมิ่นดูแคลน
วันนี้ (19 มิถุนายน 2550) ผมได้มีโอกาสไปหน่วยงานด้านการพัฒนาอาชีพของจังหวัดเพื่อที่จะร่วมกันวางแผนการส่งเสริมอาชีพหลังการบำบัดรักษาให้กับผู้ป่วยตาม “โครงการ To Be Number One รณรงค์เลิกยาเสพติด 980 ชีวิต เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ในวโรกาส 5 ธันวามหามงคล เฉลิมพระชนม์ 80 พรรษา องค์ราชันย์” คำถามหนึ่งที่เจ้าหน้าที่สอบถามผม คือว่า แล้วจะมีเจ้าหน้าที่มาควบคุมเขาไหม ผมเลยรีบเล่าให้ฟังว่า “ในการบำบัดรักษาผู้ป่วยนั้น ขั้นตอนสุดท้ายคือการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วย ซึ่งตรงนี้สำคัญ ถ้าเราช่วยให้เขากลับไปอยู่ในสังคมได้อย่างปกติ มีงานทำ เขาก็จะไม่หวนกลับมาเสพยาอีก และผู้ป่วยที่ผ่านการบำบัดแล้วจะไม่มีปัญหาทางพฤติกรรมใดๆ ต่อสังคมเลย ขอเพียงเราเชื่อมั่นในตัวเขา ให้กำลังใจเขาเท่านั้น” เจ้าหน้าที่คนนั้นก็เริ่มเข้าใจและพร้อมยินดีที่จะช่วยกันพัฒนาส่งเสริมอาชีพเขาเหล่านั้น
เห็นไหมครับเรื่องเจตคติต่อผู้ติดยาเป็นเรื่องสำคัญ เราต้องช่วยกันบอกต่อ ขยายความออกไปให้มาก เพื่อเขาจะได้รู้ว่าสังคมให้โอกาสเขา และเขาจะได้ไม่หวนกลับไปใช้ยาเสพติดอีก
ไม่มีความเห็น