วันนี้ตั้งใจจะเขียนเรื่องที่ทำการเครือข่้ายให้จบ แต่ก็ไม่รู้จะจบหรือเปล่า เพราะวันนี้ประมาณ 1 ทุ่มต้องออกไปรับคณะกรรมการประกันคุณภาพที่มาจากท่าพระจันทร์เพื่อมาตรวจ QA ของวิทยาลัยสหวิทยาการ มธ.ศูนย์ลำปางในวันพรุ่งนี้ นอกจากรับแล้วต้องพาไปเลี้ยงต้อนรับด้วย วันนี้ยุ่งทั้งวันอีกตามเคย ช่วงเช้ายุ่งอยู่กับการจัดเตรียมบอร์ดประชาสัมพันธ์ของวิทยาลัยที่จะต้องนำไปแสดงในงานฤดูหนาว เราได้รับมอบหมายให้เป็นผู้รับผิดชอบเสียด้วย ส่วนช่วงบ่ายสาละวนอยู่กับการจัดเตรียมเอกสารเพื่อการตรวจประกันคุณภาพในวันพรุ่งนี้ งานนี้เราก็หนักอีกตามเคย เพราะ เป็นกรรมการด้วยคนหนึ่ง แต่ก็คงหนักเป็นปีสุดท้าย เพราะ เขียนใบลาออกเอาไว้แล้ว ถ้าผ่านพรุ่งนี้ไปจะยื่นให้ผู้บังคับบัญชาอนุมัติทันที จะได้ฉลองปีใหม่อย่างมีความสุข
ว่ากันด้วยเรื่องที่ทำการเครือข่ายต่อนะคะว่าจากประเด็นปัญหาต่างๆที่เกิดจากการไม่มีที่ทำการเครือข่ายที่เป็นทางการ ดังนั้น ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมาผู้วิจัยจึงได้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นเรื่องหารือเรื่องหนึ่ง (ถ้าหากจำกันได้ เรื่องนี้เคยปรึกษากับประธานฯแล้ว ซึ่งประธานบอกว่าขอให้เอาเข้าที่ประชุม) ซึ่งเมื่อประชุมมาถึงเรื่องนี้คณะกรรมการเครือข่ายฯก็ยังน่ารักเหมือนเดิม ต่างแสดงความคิดเห็นกันหลากหลาย โดยพี่อุทัย ซึ่งเป็นรองประธานได้กล่าวว่า ตนเองไม่มีปัญหาอะไรหากว่าจะเอาโรงเรียนนาก่วมเป็นที่ทำการ แต่ก็อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าทางเครือข่ายฯ พยายามขอสถานที่นี้มาเป็นเวลากว่า 2 ปีแล้ว เรื่องก็ยังยืดเยื้อ และดูมีทีท่าว่าอาจไม่ได้ หากมีที่อื่นที่มีความเป็นไปได้ก็ควรที่จะไปที่อื่น
เมื่อมีผู้เปิดประเด็นผู้วิจัยจึงได้เสริมในเรื่องนี้ว่า เท่าที่ติดตามทราบว่าขณะนี้ทางเทศบาลนครลำปางให้เครือข่ายทำหนังสือเข้าไปอีกครั้ง เพราะ ที่ส่งไปครั้งก่อนๆมีปัญหา ซึ่งก็ไม่ทราบว่าปัญหาอะไร แต่จากการที่ผู้วิจัยได้มีโอกาสเรียนในเรื่องนี้กับท่านรองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง (ท่านเจริญสุข ชุมศรี) เมื่อสักประมาณ 3 เดือนที่ผ่านมา ท่านได้บอกว่าศาลากลางจังหวัดหลังเก่ายังว่าง น่าจะใช้เป็นที่ทำการได้ แต่ขณะนี้ทาง อบจ. ได้เข้ามาใช้พื้นที่หมดแล้ว (อบจ.เข้ามาได้ยังไม่ถึงเดือนเลย) เกรงว่าจะไม่มีห้องให้กับพวกเราแล้ว จากนั้นผู้วิจัยจึงได้โยนคำถามไปว่าหากเป็นที่ศาลากลางหลังเก่าทุกคนจะว่าอย่างไร มีคณะกรรมการแสดงความคิดเห็นว่า เคยเสนอเรื่องนี้เข้าที่ประชุมแล้ว แต่ประธานฯไม่เห็นด้วย เรื่องจึงตกไป ถ้าได้ศาลากลางหลังเก่าก็คงดี เครือข่ายฯไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เมื่อเสนอความเห็นจบผู้วิจัยสังเกตปฏิกิริยาของผู้เข้าร่วมประชุมเห็นว่าส่วนใหญ่มีปฏิกิริยาแสดงความเห็นด้วย ผู้วิจัยจึงเสนอว่าถ้าอย่างนั้นผู้วิจัยจะเป็นผู้ประสานงานในเรื่องนี้เอเง เพราะพรุ่งนี้ (วันจันทร์ที่ 19 ธ.ค.) ผู้วิจัยมีโอกาสเข้าพบท่านรองฯพอดี จะปรึกษาหารือกับท่านในเรื่องนี้ว่าจะได้หรือไม่ได้ (สาเหตุที่เสนอตัวเป็นผู้ประสานงานในเรื่องนี้ก็เพราะต้องการให้คณะกรรมการได้เรียนรู้ว่าการคิดจะทำอะไรสักอย่างหนึ่งนั้น คิดอย่างเดียวไม่ได้ ต้องหาผู้รับผิดชอบที่จะดำเนินการตามความคิดนั้นด้วย) มีคณะกรรมการอีกคนหนึ่งเสนอขึ้นมาว่าหากผู้วิจัยฯได้เข้าพบท่านรองฯแล้วปรึกษาเรื่องที่ทำการเครือข่ายฯ ถ้าไม่ได้ที่ศาลากลางหลังเดิม อยากจะให้ผู้วิจัยลองคุยกับท่านว่าท่านมีสถานที่อื่นที่คิดว่าเหมาะสมและมีความเป็นไปได้อีกหรือเปล่า ผู้วิจัยรีบรับคำทันที เพราะ เห็นว่าเป็นข้อเสนอที่ดีมาก เนื่องจากเป็นการหาทางออกในเรื่องที่ทำการที่ไม่ติดยึดกับที่ใดที่หนึ่ง
หลังจากนั้นมีคณะกรรมการเสนอต่อว่านอกจากศาลากลางหลังเก่าแล้วพวกเราน่าจะหาที่อื่นด้วย ติดต่อไว้หลายๆที่ ถ้าที่ไหนให้ก่อนก็เอาที่นั่น มีคนโยนคำถามไปที่ลุงคมสัน ซึ่งเป็นรองประธานว่า เคยได้ยินลุงคมสันบอกว่าโรงเรียนที่อยู่ใกล้ๆบ้านต้าตอนนี้เป็นโรงเรียนร้าง ถ้าจะติดต่อขอใช้สถานที่คิดว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ ลุงคมสันตอบว่าตอนนี้ไม่ได้แล้ว เพราะ มีหน่วยงานอื่นเข้ามาใช้แล้ว เป็นอันว่าข้อนี้ตกลง ต่อจากนั้นก็มีคณะกรรมการเสนอต่อว่าเคยได้ยินว่าที่บ้านหนองเจริญก็มีโรงเรียนร้างเหมือนกันจะใช้ได้หรือเปล่า ปรากฎว่าคณะกรรมการคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆบ้านหนองเจริญบอกว่าที่บ้านหนองเจริญไม่มีโรงเรียนร้าง ข้อนี้จึงตกไปอีก
เรื่องที่ทำการยังไม่จบแค่นี้ค่ะ ต่อจากนั้นสังเกตเห็นได้ชัดว่าคณะกรรมการต่างพยายามที่จะเสนอหรือคิดหาที่ทำการเครือข่ายฯกันอีกอย่างไม่ลดละ มีผู้โยนคำถามไปให้ลุงบุญเทียมซึ่งเป็นประธานกลุ่มสบตุ๋ยว่าเคยได้ยินว่าโรงเรียนสบตุ๋ยซึ่งเป็นโรงเรียนร้างเหมือนกันกำลังจะปรับปรุงหากจะขอเข้าไปใช้จะได้ไหม ลุงบุญเทียมตอบว่าขณะนี้กำลังหารือกันอยู่ว่าจะเอางบ SML มาใช้ในการปรับปรุงโรงเรียน ซึ่งลุงก็เป็นคณะกรรมการเรื่องนี้ด้วย หากสามารถเอางบมาปรับปรุงได้ ก็คงจะไม่มีปัญหา การขอห้องสัก 1 ห้องเพื่อเป็นที่ทำการเครือข่ายฯคิดว่าไม่ใช่เรื่องยาก ตอนบ่ายลุงก็จะไปประชุมเรื่องนี้ ผู้วิจัยจึงเสนอว่าถ้าอย่างนั้นขอให้ลุงบุญเทียมรับเป็นผู้ประสานงานในการติดต่อโรงเรียนสบตุ๋ยได้ไหม ลุงบุญเทียมรับปากว่าจะประสานงานให้ แต่ไม่รับปากว่าจะได้หรือไม่ ผู้วิจัยจึงบอกว่าจะได้หรือไม่ได้ก็ไม่เป็นอะไร ขอให้พยายามก่อน
ต่อจากนั้นมีผู้เสนอความคิดเห็นเพิ่มเติมว่าความจริงที่ทำการจะเป็นที่ไหนก็ได้ แต่ขอให้อยู่ในเมือง เพราะ อ.เมืองเป็นศูนย์กลาง อยู่ตรงกลาง ทุกกลุ่มจะได้สะดวก คณะกรรมการคนอื่นๆต่างแสดงความเห็นด้วย
ดังนั้น ก่อนที่จะจบในเรื่องที่ทำการเครือข่ายฯ ผู้วิจัยจึงสรุปให้คณะกรรมการฟังว่า ในเรื่องที่ทำการนั้นทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าจะเป็นที่ไหนก็ได้ แต่ขอให้อยู่ในอำเภอเมือง ในเบื้องต้นนี้จะมีผู้ประสานงานหลักอยู่ 3 คน คือ
1.อ.วิไลลักษณ์ (ผู้วิจัย) จะประสานกับท่านรองฯในเรื่องขอใช้สถานที่ทีศาลากลางหลังเก่า ถ้าหากไม่ได้จะปรึกษาท่านว่าพอที่จะมีที่อื่นแนะนำหรือไม่
2.ลุงบุญเทียม ประสานกับโรงเรียนสบตุ๋ย
3.คุณสามารถ ประสานกับเทศบาลนครลำปาง เพื่อขอใช้โรงเรียนนาก่วมใต้
ที่ประชุมเห็นด้วย และตกลงร่วมกันว่าผู้ประสานงานทั้ง 3 คนจะรายงานความคืบหน้าในเรื่องนี้ให้คณะกรรมการทราบในวันที่ 7 มกราคม 2549 (เป็นวันประชุมวาระพิเศษเพื่อเตรียมงานเรื่องตำบลละแสน)
เมื่อได้รับปากกับทางเครือข่ายแล้ววันรุ่งขึ้น ผู้วิจัยได้มีโอกาสพบกับท่านรองฯ ตอนประมาณบ่าย 3 โมง ท่านบอกว่าตอนนี้พวกเราช้าไปแล้ว เพราะ อบจ.เข้าไปใช้พื้นที่เต็มหมดแล้ว ผู้วิจัยจึงเรียนถามท่านว่าท่านพอที่จะมีที่อื่นเสนอแนะไหม ท่านบอกว่าถ้ารอได้อีก 2 ปี อบจ.สร้างที่ทำการเสร็จ ศาลากลางเก่าก็จะวง น่าจะใช้ได้น่าจะเป็นโรงเรียนร้าง หรืออีกที่หนึ่งก็คือ ศูนย์วัฒนธรรมใกล้ๆวัดพระเจ้าทันใจ
จบจากการสนทนาด้วยใจร้อนของผู้วิจัย จึงบอกให้อาจารย์พิมพ์ขับรถพาไปดูหน่อย พอไปถึงสถานที่รู้สึกประทับใจมากเพราะร่มรื่นมาก
ไม่มีความเห็น