[อ่าน : หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง จุดที่ 4]
ในการไปจัดเวทีเพื่อรวบรวมและจัดเก็บข้อมูล หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง จุดที่ 3 หมู่ที่ 1 ตำบลช้างใหญ่ อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2550 นั้น ได้จัดกระบวนการโดยเริ่มจาก
1. เล่าความเป็นมา ของงานที่พวกเราจะมาทำกับท่านนั้นเป็นเรื่องอะไรบ้าง? ต้องการให้เกิดอะไรบ้าง? และจะนำไปใช้ทำอะไร?
2. ชี้แจงประเด็น ที่จะรวบรวมและจัดเก็บข้อมูล ได้แก่ ความเป็นมา/ความเป็นอยู่ของหมู่บ้าน การนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ปฏิบัติ และการเชื่อมโยงสู่ 3 ห่วง 2 เงื่อน
3. ทำการประมวลผลข้อมูล เพื่อสรุปคำตอบ ได้แก่ 1) ความเป็นอยู่ของชาวบ้าน 2) ผลที่เกิดขึ้นจากการใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงโดยเทียบกับ 3 ห่วง 2 เงื่อน และ 3) ความเป็นรูปธรรมของ "พอเพียง"
4. สรุปผลและงานที่จะทำต่อไป สิ่งที่ทีมงานาช่วยทำก็คือ ช่วยจัดระบบข้อมูล นำถวายในหลวงในวันที่ 5 ธันวาคม 2550 และการจัดเก็บข้อมูลหลังจากนี้จะจัดเก็บเป็นรายครัวเรือน
ส่วนผลที่เกิดขึ้นจากการประมวลข้อมูลนั้นมีรายละเอียด คือ
1. กระบวนการสร้างชุมชน การเกิดขึ้นของชุมชนนั้นคนส่วนใหญ่ย้ายถิ่นฐานมาจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีอาชีพหลักคือทำนา แต่ราคาข้าวไม่ค่อยดีจึงปรับเปลี่ยนมาเป็นสวนมะม่วง แต่ก็ประสบปัญหาทางด้านราคา จึงหันกลับมาปลูกข้าวและทำแปลงเมล็ดพันธุ์ โดยมีทั้งที่ดินเป็นของตนเอง เช่าที่ดิน และบางส่วนที่ดินเป็นของตนเองและบางส่วนเช่า แล้วในปี 2525ได้รับพระราชทานที่ดิน จำนวน 35 ไร่ ให้เป็นพื้นที่ของ สปก. เพื่อนำมาจัดรูปที่ดินทำกินให้กับเกษตรกร โดยมีการปรับโครงสร้างพื้นฐาน ทำอาชีพเกษตรผสมผสาน แต่ละครัวเรือนมีทั้งอาชีพหลักและอาชีพเสริม เช่น เลี้ยงปลา ทำนา ทำสวน และอื่น ๆ ในปี 2536 ชาวบ้านส่วนใหญ่เริ่มปรับเปลี่ยนพื้นที่นามาเป็นสวนมะม่วง เพราะทำนาต้องอาศัยน้ำฝนเป็นหลัก ในปี 2546 มีการขยายอาชีพ คือ เลี้ยงปลา และปลูกผัก แล้วในปี 2548 เริ่มมีการนำปุ๋ยชีวภาพเข้ามาใช้ในการทำสวน (ประมาณ 10 %)
และมีกลุ่มเกษตรกรต่าง ๆ เกิดขึ้น โดยเฉพาะในปี 2550 มีกลุ่มเครื่องจักรกล ความเป็นอยู่ในชุมชนจะเป็นสังคมเครือญาติ มีการประกอบอาชีพกันเป็นกลุ่ม เช่น กลุ่มเลี้ยงวัว กลุ่มทำนา (เป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่เข้มแข็งและเป็นฐานในการพัฒนาของชุมชน) กลุ่มทำสวน กลุ่มเลี้ยงปลา กลุ่มเครื่องจักรกล และอื่น ๆ มีศูนย์เรียนรู้เมล็ดพันธุ์ดี (ข้าว) มีภูมิปัญญาหรือผู้นำด้านความรู้ ได้แก่ หมอดิน ปุ๋ยชีวภาพ ส่วนรายได้หลักและความเป็นอยู่มาจากลูกส่งมาให้ จากการทำอาชีพเกษตร (ทำสวน/ทำนา/เลี้ยงปลา/อื่น ๆ) และจากอาชีพเสริม
ส่วนเป้าหมายที่วางไว้ก็คือ
1) อีก 2 ปี สปก. จะส่งมอบชุมชนให้กับ อบต. เพื่อดูแลช่วยเหลือและสนับสนุน
2) ในปี 2551 เกษตรกรจะซื้อรถไถใช้เอง แต่ชุมชนจะอยู่ด้วยกันภายใต้กฎระเบียบและนโยบายของการจัดรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
2. กระบวนการเป็นหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง ความเป็นอยู่ของชุมชนดีขึ้นตั้งแต่ สปก. จัดรูปที่ดินให้ และมีหน่วยงานต่าง ๆ เข้ามาดูแลสนับสนุน ทางด้านอาชีพหลักคือ อาชีพการเกษตร และทำอาชีพเสริม คือ รับจ้าง เลี้ยงวัว เลี้ยงปลา จักรสาน ทำดอกไม้ และอื่น ๆ ที่เป็นรายได้ให้กับครอบครัวมาใช้จ่ายและรายได้ส่วนหนึ่งมาจากลูกส่งเสียให้ ส่วนรายจ่ายส่วนใหญ่มาจากในครอบครัว เช่น ซื้อข้าวสาร และรายจ่ายภาคการเกษตร มีการพึ่งพากันในการทำอาชีพและการ อยู่ร่วมกันอย่างมีระเบียบ ชาวบ้านจะมีเงินรายได้เป็นรายวัน มีการลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน โดยกินปลา กินผัก ที่ปลูกกันเอง จึงทำให้มีรายจ่าย ประมาณ 100 บาท/วัน
นอกจากนี้ยังมีเป้าหมายที่จะลดค่าใช้จ่ายด้านปัจจัยการผลิตในการประกอบอาชีพการเกษตร มีการช่วยเหลือกันด้านความรู้จากการแลกเปลี่ยนประชุมและปรึกษาหารือร่วมกัน จากการฝึกอบรม และจากการไปศึกษาดูงาน เช่น เรื่องปุ๋ยชีวภาพ และเรื่องพันธุ์ข้าวที่เหมาะกับฤดูกาล เป็นต้น ดังนั้น จึงสรุปเป็นหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง ได้ว่า
(1) ความพอประมาณ ได้แก่ มีการจัดรูปที่ดินทำกินในระดับครัวเรือน ลดรายจ่ายในครัวเรือน (ปลูกผัก/เลี้ยงปลากินเอง) ลงทุนทำอาชีพตามกำลังไม่เกินตัว มีแหล่งเรียนรู้ในอาชีพ มีอาชีพหลักและอาชีพเสริม เรียนรู้อาชีพจากการปฏิบัติและทดลองทำด้วยตนเอง โครงสร้างพื้นฐานของชุมชนดีขึ้น และมีฐานข้อมูลความเป็นอยู่ของคนในชุมชน
(2) ความมีเหตุมีผล ได้แก่ มีระบบการคิดเพื่อทำอาชีพและความเป็นอยู่ (ปลูกผัก/เลี้ยงปลากินเอง) มีนโยบายในการอยู่ร่วมกันของชุมชน มีการช่วยเหลือและพึ่งพากันในชุมชน มีการพัฒนาและปรับเปลี่ยน (โครงสร้างพื้นฐาน) และมีกลุ่มทำนาที่เข้าแข็งเป็นฐานให้กับชุมชน
(3) มีภูมิคุ้มกัน ได้แก่ มีกองทุน (กลุ่มออมทรัพย์) มีการทำอาชีพที่หลากหลายในครัวเรือน (เพื่อกินเอง/ขายเป็นรายได้) มีเงินเข้ากลุ่ม ชาวบ้านมีรายได้เข้ามาในครอบครัวเป็นรายวัน และมีการออมเงินเป็นของครัวเรือน
(4) มีความรู้ ได้แก่ ความรู้เกิดขึ้นเมื่อได้คุยกัน ได้รับการฝึกอบรมจากหน่วยงานต่าง ๆ (เมล็ดพันธุ์ดี/ปุ๋ยชีวภาพ) ครอบครัวอยู่ได้เพราะทำอาชีพหลากหลาย มีการสรุปความรู้จากการปฏิบัติ มีภูมิปัญญาชาวบ้าน (ด้านอาชีพการเกษตร/สัตว์ เช่น เรื่องดิน เรื่องปุ๋ยชีวภาพ เรื่องปลา เรื่องไก่ และอื่น ๆ)
(5) มีคุณธรรม ได้แก่ มีการช่วยเหลือและพึ่งพากันในชุมชน และอยู่ร่วมกันแบบเครือญาติ
ส่วนการสรุปความของคำว่า “เศรษฐกิจพอเพียง คือ ถ้าปลูกและทำไว้กินเองด้วยก็จะมีเหลือให้เก็บ ไม่เป็นเครื่องมือของนายทุน จึงทำเพื่อกินเหลือจากกินก็เอาไว้ขาย”
ก็เป็นอีกหมู่บ้านหนึ่งที่ดิฉันได้ไปดำเนินมาค่ะ.