เมื่อแต่ละคู่ได้เล่าเรื่องราวชีวิตวัยเด็กของตนเองและสะท้อนสิ่งที่ได้ยินแล้ว ก็ให้รวมกับเพื่อนคู่ที่อยู่ใกล้ๆกัน รวมกันเป็น 4 คน
ในรอบนี้ ให้คนที่เป็นคนฟังของเราเป็นคนแนะนำตัวเรา ให้กับเพื่อนที่จับคู่ (เป็น 4 คน) ฟัง เป็นการทดสอบการฟังเมื่อสักครู่อีกรอบหนึ่ง รวมทั้งให้ทั้ง 4 คน ได้ทำความรู้จักซึ่งกันและกันด้วย (แต่ถ้าจำไม่ได้ก็ให้เจ้าตัวเพิ่มเติมได้)
หลังจากพูดคุยรอบ 4 คน จนครบทุกคนแล้ว ได้ให้แต่ละกลุ่มจับกลุ่มกับเพื่อนกลุ่มข้างๆ รวมเป็น 8 คน ในรอบนี้ได้เลือกใช้เทคนิค talking stone ร่วมด้วย กติกาคือคนที่จะพูด จะต้องถือหินอยู่ในมือ ถือแบบนิ่งๆ ไม่โยนไปมา ส่วนคนที่ไม่มีหิน ให้สมมติว่าโดนคำสาปพูดไม่ได้สะกดไว้
โจทย์ในรอบนี้คือ ให้เล่าประสบการณ์ชีวิตของแต่ละคน ว่า มีช่วงเวลาใดในชีวิตที่รู้สึกทุกข์ที่สุดหรือเครียดที่สุด อยากให้ถ่ายทอดเหตุการณ์หรือช่วงเวลานั้นๆให้เพื่อนฟัง ณ ขณะนั้นรู้สึกอย่างไร คิดอะไร แล้วผ่านเหตุการณ์นั้นมาได้อย่างไร หลังจากผ่านมาแล้วคิดหรือรู้สึกอย่างไร (ไม่มีรูปให้ดูครับ เนื่องจากผมปิดไฟทั้งหมด ไม่สามารถถ่ายภาพได้)
ที่ให้เล่าเรื่องทุกข์ให้เพื่อนฟัง เพราะอยากให้น้องใหม่ได้รู้จักตัวตนของเพื่อนให้มากยิ่งขึ้น (เพิ่มเติมจากชีวิตวัยเด็ก) ได้รู้ว่าเพื่อนของเรามีทุกข์อะไรที่เคยผ่านมา อยากให้มีความรู้สึกร่วมทุกข์ไปกับเพื่อนด้วย
เท่าที่สังเกต ทุกกลุ่มเสียน้ำตาให้กับเรื่องราวของเพื่อนๆ บางกลุ่มนั่งสุมหัวคุยกันน่ารักมาก (หัวชนกันทุกคน) บรรยากาศดีครับ ไม่รู้จะบรรยายยังไง
ได้ให้เวลาช่วงนี้นานพอสมควร ตอนจบ ปิ๊งขึ้นมาว่าน่าจะทำอะไรสักอย่าง เลยบอกให้แต่ละกลุ่มกอดกันเป็นวงกลมให้แน่นที่สุด แล้วกล่าวนำว่า ตั้งแต่วันนี้ อยากให้พวกเราไม่เพียงร่วมสุขเท่านั้น แต่อยากให้ร่วมทุกข์ด้วย พวกเราจะดูแลกันและกันตลอดระยะเวลา 6 ปีต่อจากนี้ (จริงๆมีมากกว่านี้ครับ แต่จำไม่ได้แล้ว)
ยังมีต่อครับ
เทคนิคดีมากครับ สามารถทำให้นักศึกษาใหม่เล่าเรื่องให้กับเพื่อนๆฟังได้ ทำได้ดีมากที่เดียว
อ่านแล้วขนลุกครับ
เห็นบรรยากาศ
ขอบคุณทุกๆคนครับ
ขอบคุณคุณผู้ปกครองนิสิต รุ่น 11 ครับ
ทำให้ผมมีกำลังใจที่จะทำต่อไปมากๆเลยครับ