พาลูกเข้าสู่โลกแห่งศิลปะด้วยคอมพิวเตอร์

ปัจจุบันคอมพิวเตอร์และเครือข่ายอินเตอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทอย่างมากในชีวิตประจำวันจนยากที่จะหลีกเลี่ยง เมื่อโลกได้เคลื่อนเข้าสู่ยุคแห่งเทคโนโลยี่แห่งการเรียนรู้ที่หลากหลาย 

นอกเหนือจากการเรียนรู้ในห้องเรียน ตำรา สิ่งแวดล้อม ธรรมชาติ และการเล่น ในโลกของไซเบอร์สเปซเด็กๆมีอิสระที่จะใช้คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือเพื่อการเรียนรู้ได้อีกทางหนึ่งโดยไม่จำกัดเวลาและสถานที่
เมื่อถึงวันนี้แล้วเชื่อว่าความรู้ ความเข้าใจและความสามารถในการใช้งานคอมพิวเตอร์ของพ่อแม่ 

ผู้ปกครองหรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับเด็กมีความจำเป็นและมีสำคัญต่อการเลี้ยงดูลูกให้มีคุณภาพไม่น้อยไปกว่าความรู้ด้านอื่นๆด้วยเช่นกัน มีเด็กจำนวนมากที่นิยมเล่นเกมคอมพิวเตอร์จนพ่อแม่เป็นทุกข์ โดยเฉพาะเมื่อมีข่าวการศึกษาวิจัยออกมาเนืองๆถึงผลร้ายที่เกิดจากการเล่นเกม เช่น ในกรณีที่เล่นเกมรุนแรงนั้นผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาศึกษาพบว่า การปล่อยให้เด็กเล่นเกมคอมพิวเตอร์ที่มีความรุนแรงจะทำให้เด็กมีพฤติกรรมก้าวร้าวและส่งผลต่อการเรียนให้ตกต่ำลง

ทั้งนี้จากงานวิจัยสองชิ้นคือ เคิร์ก เอ เอนเดอร์สัน จากมหาวิทยาลัยมิสซูรี่ โคลัมเบีย และ คาเรน อี ดิลล์ จาก ลีเนียร์ ไรน์ คอลเลจ ระบุว่า การเล่นเกมคอมพิวเตอร์หรือวิดีโอเกมที่มีความรุนแรง มีแนวโน้มที่จะทำให้ผู้เล่นมีความก้าวร้าวมากขึ้นแม้เพียงการเล่นในระยะสั้นก็อาจส่งผลในระยะยาวได้ โดยงานวิจัยทั้งสองชิ้นนี้ต่างก็อ้างอิงกรณีการสังหารหมู่ที่เคยเกิดขึ้นในโรงเรียนมัธยมของสหรัฐ 

ดังเช่นงานวิจัยชิ้นแรกได้เก็บข้อมูลจากนักเรียนในมหาวิทยาลัย 227 คนและพบว่ายิ่งเด็กกลุ่มนี้ได้มีโอกาสเล่นเกมที่มีความรุนแรงมากขึ้นเท่าไรก็ส่งผลต่อพฤติกรรมมากขึ้นเท่านั้นรวมทั้งระยะเวลาในการเล่นยังส่งผลต่อการเรียนด้วยคือยิ่งเล่นมากผลการเรียนยิ่งต่ำลง

ส่วนงานวิจัยชิ้นที่สอง ได้เก็บข้อมูลจากนักศึกษา 210 คน โดยจำนวนหนึ่งได้เล่นเกมที่มีความรุนแรงส่วนอีกกลุ่มหนึ่งเล่นเกมที่ไม่รุนแรงปรากฎว่าเมื่อให้ผู้ที่เล่นเกมออกมาทดสอบการจู่โจมหุ่นตรงข้ามด้วยอาวุธปรากฎว่ากลุ่มที่ได้เล่นเกมรุนแรงเลือกอาวุธและใช้กำลังรุนแรงกว่าอีกกลุ่มหนึ่ง 

 เด็กบางคนก็เข้าไปใช้โปรแกรมคุยเล่น (Chat)หรืออาจะเข้าไปในเวบไซค์ที่ไม่เหมาะกับวัยซึ่งเรื่องเหล่านี้ล้วนยากต่อการควบคุมทั้งสิ้น 

ดังนั้นหากพ่อแม่ผู้ปกครองหรือผู้เกี่ยวข้องกับเด็กได้เข้าใจว่าขณะนี้มีโปรแกรมช่วยสอนที่เป็นโปรแกรมสำเร็จรูปมากมายที่สามารถนำมาใช้เพื่อการเรียนรู้ในเชิงสร้างสรรค์ให้กับเด็กได้เป็นอย่างดีซึ่งหากผู้ใหญ่ได้มีโอกาสศึกษาและมีบทบาทในการสนับสนุนให้เด็กๆนำโปรแกรมเหล่านั้นมาใช้ก็น่าจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เราลองมาเริ่มต้นที่การนำเด็กๆเข้าสู่โลกศิลปะด้วยคอมพิวเตอร์ที่นอกจากจะเป็นการเปิดโลกจินตนาการ ได้ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ของเด็กแล้วยังเป็นการเสนออีกทางเลือกหนึ่งให้แก่เด็กๆในการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษาและความเพลิดเพลิน

โปรแกรมคอมพิวเตอร์สามารถสร้างงานศิลปะประดิษฐ์ได้อย่างมากมาย เช่น สมุดบันทึก ออกแบบสัญลักษณ์ประจำตัว ทำนามบัตร ออกแบบหัวกระดาษเขียนจดหมาย ที่ติดตู้เย็น บัตรเชิญ บัตรอวยพร บัตรอวยพรสามมิติ ฯลฯ 

โดยอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบด้วยเครื่องพีซีธรรมดาหนึ่งเครื่อง สแกนเนอร์ พริ้นเตอร์และโปรแกรมสำเร็จรูป ในที่นี้จะยกตัวอย่างการทำสติ๊กเกอร์ด้วยตนเองพอเป็นแนวทางให้คุณพ่อคุณแม่ได้นำมาเป็นกิจกรรมร่วมกันในครอบครัว

การทำสติกเกอร์จำเป็นต้องมีซอฟแวร์ ซึ่งปัจจุบันมีขายทั่วไป เช่น ห้างพันธุทิพย์ ซึ่งถือว่าเป็นตลาดไอทีที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง เมื่อหาซื้อโปแกรมมาแล้วก็นำมาติดตั้งลงบนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่บ้าน 

การใช้โปรแกรมทำได้ไม่ยากสามารถปฏิบัติตามขั้นตอนที่ขึ้นมาบนจอไปเรื่อยๆจนกระทั่งเสร็จกระบวนการและสั่งพริ้น

ผู้ปกครองต้องเป็นผู้ดูแลจัดหาอุปกรณ์ให้กับเด็กๆนั่นคือกระดาษสำหรับพริ้นสติกเกอร์ ใช้กระดาษสติกเกอร์สีขาวแบบด้าน ซึ่งสามารถหาซื้อได้ตามร้านเครื่องเขียนทั่วๆไป คุณภาพของกระดาษจะอยู่ที่ราคา หากว่างบน้อย และอยากให้เด็กๆได้ฝึกฝนทดลองใช้โปรแกรมกันอย่างสนุกสนาน สามารถใช้กระดาษสติกเกอร์แบบด้านโดยตามร้านเครื่องเขียนจะขายเป็นแบบแผ่นใหญ่เอามาตัดแบ่งเป็นขนาด เอ 4 ได้ 4 แผ่นและเหลือเศษเล็กน้อย แต่หากว่างบมาก ก็ซื้อกระดาษสติกเกอร์สำหรับพริ้นสติกเกอร์โดยตรงที่ขายในร้านอุปกรณ์เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ที่มีราคาค่อนข้างสูง แต่คุณภาพกระดาษจะดีกว่ามาก 

หากเด็กต้องการทำกิจกรรมอื่นๆอีก คุณพ่อ คุณแม่เองอาจต้องขยันในการเดินหาซอฟแวร์ดีๆที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา ซึ่งในห้องตลาดมีอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมทำการ์ด หัดตัดเสื้อผ้าตุ๊กตา ทำอาหาร ทำสติกเกอร์ตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น อยู่ที่วิจารณญาณของคุณพ่อ คุณแม่ว่าจัดคัดสรร สิ่งใดมาฝากเด็กๆในครอบครัว

[สา]

ดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ