ปาฏิหาริย์แห่งการวิ่ง (3) ลดน้ำหนัก และพ้นจากโรคเบาหวาน


ปาฏิหาริย์แห่งการวิ่ง (3) ลดน้ำหนัก และพ้นจากโรคเบาหวาน
ปาฏิหาริย์แห่งการวิ่ง (3) ลดน้ำหนัก และพ้นจากโรคเบาหวาน

               เมื่อตอนเด็กๆ รูปร่างผมก็ไม่ได้ใหญ่มากจน เมื่ออายุ 22 ปี ผมเริ่มทำงานนั่งโต๊ะ โดยงานส่วนใหญ่จะสั่งทางโทรศัพท์ สำนักงานก็อยู่ในบ้านเช้าตื่นนอนก็ทำงานได้เลย ไม่ต้องเดินทางไปไหน พอเที่ยงก็ทานอาหารที่บ้าน ตกเย็นเลิกงานก็ไม่ได้ออกไปไหน ส่วนมากก็ทานข้าวที่บ้านทุกวัน โดยไม่ได้ออกกำลังกายปาฏิหาริย์แห่งการวิ่ง (3) ลดน้ำหนัก และพ้นจากโรคเบาหวาน ปาฏิหาริย์การออกกำลังกาย              จากน้ำหนักตัว 61 ก.ก. ขึ้นไปอยู่ที่ 112 กิโลกรัม เมื่อตอนที่อายุ 32 ปี ผมได้ทำประกันชีวิต โดยไม่ต้องตรวจสุขภาพ แต่อีก 2 ปีต่อมา ผมได้ขอซื้อประกันเพิ่ม ทางบริษัทได้ให้ตัวแทนพาผมไปตรวจสุขภาพ ปรากฏว่าสุขภาพของผมไม่ผ่าน โดยตัวแทนก็ไม่ได้แจ้งให้ทราบว่าผมเป็นโรคอะไร             จนกระทั่ง ผมไม่สบายและเข้าไปรักษาที่โรงพยาบาล จนหายเป็นปกติ จึงได้ตามบริษัทประกันชีวิต มาจ่ายค่ารักษา ปรากฏว่าบริษัทเขาไม่ได้ให้ความคุ้มครองด้านสุขภาพ เขาคุ้มครองเฉพาะกรณีเสียชีวิตเท่านั้น พอผมออกจากโรงพยาบาลแล้ว ผมจึงติดต่อไปยังบริษัทประกันชีวิต สำนักงานใหญ่ที่กรุงเทพฯ บริษัทแจ้งว่า ผมเป็นโรคเบาหวานซึ่งผมไม่เคยทราบมาก่อนเลยปาฏิหาริย์แห่งการวิ่ง (3) ลดน้ำหนัก และพ้นจากโรคเบาหวาน ปาฏิหาริย์การออกกำลังกาย โรคเบาหวาน ทราบกันทั่วไปว่า ไม่สามารถรักษาได้ ซึ่งผมก็ได้ไปปรึกษาแพทย์และรักษาอยู่ 6 เดือน ปรากฏว่าน้ำตาลในเลือดก็ยังไม่ลดลง ผมกลุ้มใจมาก ไม่รู้ว่ารักษาให้หายได้อย่างไร ผมเป็นห่วงลูก ห่วงภรรยา จนกระทั่ง คุณรุ่งรัตน์ ชัยจิระธิกุล ได้โทรมาหาผม เขาบอกว่า ให้ผมไปออกกำลังกายดูบ้าง ทำงานเท่าไหร่ งานมันก็ไม่มีทางหมดหรอก เอาใจใส่สุขภาพของตัวเองบ้างผมจึงได้ไปวิ่งออกกำลังกาย โดยช่วงแรกๆ ก็ไปเดินอยู่ประมาณ 6 เดือน วันละ 2-3 กิโลเมตร ตอนนั้นผมวิ่งไม่ไหวหรอกครับเพราะอ้วนมาก และต่อมาจึงได้ไปที่สนามกีฬาจิระนครหาดใหญ่ โดยผมมีความคิดแน่วแน่ว่า ผมจะต้องวิ่งออกกำลังกายใหห้ได้มากกว่านี้ โดยตั้งใจว่าไปวิ่งทุกวัน โดยในวันแรก ผมวิ่งได้ประมาณ 200 เมตร ก็เหนื่อยแทบขาดใจ แต่ผมก็ไปวิ่งติดต่อกันหลายวัน ปรากฏว่า ผมมีอารการเจ็บที่หัวเข่า ผมจึงรีบไปพบหมอ หมอก็สั่งว่าให้ผมหยุดวิ่ง ผมก็เชื่อหมอและหยุดวิ่ง แต่ผมก็ยังไปสนามกีฬาทุกวัน โดยที่ไม่ได้วิ่ง แต่ไปเดินไปเล่นๆ ไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง คุณอุดม เรืองชัยปราการ เข้ามาทักทายผม แล้วถามผมว่าทำไมจึงหยุดวิ่ง? ผมก็บอกไปว่าหมอสั่งห้าม คุณอุดมบอกกับผมว่าไม่ต้องหยุดวิ่งหรอก และให้พยายามดื่มนมให้มากๆ โดยเฉพาะนมที่มีแคลเซี่ยมสูงเพื่อที่จะได้ไปบำรุงกระดูก ผมจึงได้วิ่งต่อ โดยไม่ได้วิ่งเร็วเหมือนนักวิ่งคนอื่นๆปาฏิหาริย์แห่งการวิ่ง (3) ลดน้ำหนัก และพ้นจากโรคเบาหวาน ปาฏิหาริย์การออกกำลังกาย ตอนแรกผมก็วิ่งวันละ 1 รอบสนามกีฬา หลังจากนั้นก็เพิ่มให้ได้ 2 รอบ พอช่วงเวลา 6 เดือนผมสามารถวิ่งได้ถึง 15 รอบต่อวัน 1 ปีต่อมาผมได้วิ่งวันละ 20 รอบ น้ำหนักผมลดลงไปประมาณ 12 กิโลกรัม ผมดีใจมาก จึงไปตรวจเลือดที่โรงพยาบาล ปรากฏว่า โรคเบาหวานที่เคยเป็นตรวจยังไงก็ไม่พบอีกเลย ทุกวันนี้ ผมจะซ้อมวิ่งวันละ 15 ถึง 16 ก.ม. จะหยุดซ้อม วิ่งเฉพาะวันเสาร์ และวันจันทร์ ส่วนวันอาทิตย์ ผมได้รับอนุญาติจากครอบครัว ให้เดินทางท่องเที่ยวไปร่วมวิ่งตามสนามวิ่งทั่วประเทศ บางครั้งก็เลยออกไปวิ่งในต่างประเทศด้วย ผมใช้เงินเป็นค่าเครื่องบินตระเวนไปทุกเสาร์อาทิตย์ครอบครัวผมไม่เคยว่าผมเลยในปี 44 วิ่งได้ถ้วยรางวัล 2 ใบ เป็นมาราธอนแรกของผม ผมใช้เวลา 3:51 ชั่วโมง น้ำหนักตัวตอนนี้ 66 ก.ก. สูง 169 ซม. ทุกวันนี้ผมมีความสุขกับการวิ่งมาก ตอนนี้กำลังฝึกให้ลูกชายคนโตวิ่งด้วย เพราะต้องการฝึกให้เด็กๆ สนใจการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ ดีกว่าไปมั่สุมกับพวกยาเสพติดครับ...  

ปาฏิหาริย์แห่งการวิ่ง (3) ลดน้ำหนัก และพ้นจากโรคเบาหวาน ปาฏิหาริย์การออกกำลังกายโดย คุณสุทธิโชค แซ่โง้ว       p       ที่มาข้อมูลจาก : หนังสือ ปาฏิหาริย์แห่งการวิ่ง เติมพลังให้แก่ชีวิต ด้วยการวิ่งเพื่อสุขภาพ : สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)ภาพประกอบ : www.thaihealth.or.th
หมายเลขบันทึก: 100071เขียนเมื่อ 1 มิถุนายน 2007 15:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 15:25 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท