ความรู้สึกที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในใจของผม และครอบครัว...
เหมือนต้นไมยราพที่แผ่กิ่งก้านเหยียดใบออกอย่างเต็มที่
แล้วจู่ๆ ก็เหมือนมีสิ่งของหนักๆ มากระทบ
ทำให้กิ่งก้านใบเหล่านั้นหุบตัวอย่างทันทีทันใด
ครอบครัวของผมทราบข่าวว่ายายทวดของทิมดาบ
ได้จากพวกเราไปเมื่อตอนสามทุ่มคืนวันศุกร์
ผมรีบขอร้องเพื่อนๆ น้องๆ มาอยู่เวรแทนให้
เพราะต้องออกเดินทางมากรุงเทพฯ เช้าวันเสาร์
ทั้งคืนของวันศุกร์พวกเราต่างนอนไม่หลับ
คิดถึงยายทวด และคุยโทรศัพท์ในการนัดหมายการเดินทาง
และทิมดาบก็ไม่สบายกำลังอยู่ในระหว่างทบทวนผลเลือดทุกวัน
เช้าวันเสาร์...ผมมาเจาะเลือดให้ทิมดาบที่โรงพยาบาล
เพราะทิมดาบขอร้องให้ผมเจาะให้...
ผมเหมือนใจร้ายจังเลยที่กล้าเจาะเลือดให้ลูก
แต่ลูกคงคุ้นมากกว่า เพราะตอนเด็กๆ ผมก็ฉีดวัคซีนให้ลูกทุกเข็ม
รวมถึงฉีดวัคซีนตอนปอหนึ่งด้วย
หลังจากเจาะเลือดก็นั่งรถตู้บึ่งมาถึงกรุงเทพฯ...ถึงตอนค่ำๆ
เพราะหลงทาง..และฝนตกระหว่างทาง
ระหว่างทางภรรยาก็โทรถามถึงผลเลือดของทิมดาบ
คุณหมอบอกว่า...ปลอดภัย...
แอบคิดว่า โชคดีจัง ถ้าผลไม่โอเคจะทำอย่างไงดี...เพราะไม่ได้วางแผนไว้เลย
มาถึงวัดบึงบัว...วัดใหญ่โต...สว่างไสว...ทางเข้าวัดก็มีตลาดนัด
และศาลาข้างเคียงก็เป็นงานบวช
ข้างบน...แหงนมองท้องฟ้า...เครื่องบินๆ ผ่านเหมือนฉิวเฉียดโบสถ์
ทิมดาบได้ยินเครื่องบินอย่างใกล้ตาหลายครั้งมาก
พวกเรามองว่า...ญาติของเราอยู่ศาลาไหน เพราะกลัวผิดงาน
แล้วญาติๆ ก็ออกมาต้อนรับ
เมื่อเห็นพวกเราก็มาโอบกอดพวกเรา และร้องไห้ พร้อมกับพูดภาษาอีสานบ้านผมว่า
"บักแตงไทย เมื่อมันสุก มันก็หล่นจากขลัว (ขั้ว)
บักอึ (ฟักทอง) เมื่อมันแก่หล่าย มันก็หล่นลงดิน"
ในใจของผมก็อยากร้องไห้นะ เพราะเห็นคนแก่ๆ แล้วร้องไห้
แต่มันร้องไห้ไม่ออก
หรือเป็นเพราะความรู้สึกที่ชาชินกับความตาย
หรือเป็นเพราะเตรียมใจไว้ล่วงหน้าไหม? เพราะยายทวดก็ชรามากแล้ว
หรือเป็นเพราะเราเข้าใจชีวิตและธรรมชาติ
ต้องกลับไปนั่งสนทนากับใจอีกครั้งแล้วกัน....
ขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ คุณหมอทิมดาบ ...