อ่านไดอารี่พ่อจบก็ทำให้ฉันได้รู้ว่า การที่เราต้องเป็นพ่อเป็นแม่ใครสักคนไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
พ่อบันทึกไว้ว่าไม่ใช่เรื่องยากที่จะเลี้ยงดูลูก ๆ ให้มีร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ทั้งสองคน แต่ลูกบางคนเลี้ยงใจดูจะยากกว่า โดยเฉพาะเจ้าลูกคนเล็ก บทที่ไม่เอาอะไรกับใครก็ดูเหมือนว่าลูกจะนุ่มนิ่มเกินไปจนน่าเป็นห่วง แต่บทไม่ยอมใครมันก็มีเหตุมีผลจนคนเป็นพ่อคนต้องจำนนกับตาดำ ๆ คำถามซื่อ ๆ ของมัน [ อ้าว ๆ ไมพ่อจ๋าเขียนแบบนี้เนี่ย ^^" ]
พ่อว่าบางครั้งความเด็ดเดี่ยวของฉันทำให้พ่อกลัวใจอยู่หลายครั้ง " ในบันทึกของพ่อเขียนไว้ว่าเคยตั้งคำถามกับฉันเมื่อตอนแปดขวบว่าโตขึ้นเก๋อยากทำอะไร ลูกสาวคนเล็กตอบว่าอยากเป็นทหาร พ่อถามฉันว่าทำไม เจ้าลูกสาวคนเล็กตอบว่าไปช่วยเพิ่มรั้วให้ชาติ [ ขำตัวเองจริง ๆ เอ่อ ! แมนไป ๆ ] แล้วรู้ไหมว่ารั้วของชาติทำไมถึงหายไป ลูกสาวตอบเสียงหนักแน่น รู้ซิ รู้แล้วกลัวไหมเรา ลูกตอบผมว่าไม่กลัว เพราะใคร ๆ ก็ต้องตาย ขนาดลุงเบิ้มยังตายเลยไม่ใช่หรอคะพ่อ ลูกคนนี้ทำให้ผมอึ้ง [ ฮ่า ฮ่า...หนูมาอ่านตอนนี้ก็อึ้งค่ะพ่อ ]
จนมาตอนนี้ที่ลูกสาวคนนี้อายุ ๒๐ ปี ผมตั้งคำถามเดิมกับลูกว่าเรียนจบแล้วอยากจะทำอะไร ผมเห็นลูกฝึกงานช่วงปิดเทอมเพื่อเก็บชั่วโมงมาหลายเทอมแล้ว นึกอดสงสัยมันไม่ได้ว่าที่หาย ๆ ไปเก็บชั่วโมงฝึกงานแอบไปเถลไถลที่ไหนหรือเปล่า ตามประสาของคนเป็นพ่อหรือเพราะแม่มันกรอกหูผมหรือเปล่าก็ไม่รู้ [ โหย....พ่อจ๋าก็นะ ฮ่า...ฮ่า.. ] ลูกสาวผมมันมีความคิดแบบที่ผมก็ไม่คิดว่าลูกจะตอบผมแบบนี้ หนูอยากเป็นมัคคุเทศก์ค่ะพ่อ หนูทบทวนดูแล้วว่าหนูเหมาะกับมันที่สุด หนูไม่ชอบทำงานสบายค่ะพ่อจ๋า หนูจำได้ว่าเวลาที่พ่อพาหนูไปไหนต่อไหนตอนเด็ก ๆ พ่อมักจะมีเรื่องเล่าสนุก ๆ ให้หนูฟังเพลิน ๆ ไปด้วย หนูอยากพูดภาษาอังกฤษแบบพ่อจ๋าก็เพราะพ่อคือแรงบันดาลใจให้หนูไม่กลัวภาษาอังกฤษและเรียนมันได้อย่างสนุกก็เพราะพ่อ ลูกทำให้ผมอึ้งอีกครั้ง เจ้าลูกคนนี้หายไปจากอกพ่ออย่างผม ไปฝึกงานได้สักสามอาทิตย์กลับบ้านมาตัวดำเหนี่ยง นอนหลับเป็นตายน้ำท่ามันก็ไม่อาบ ผมจะไปปลุกก็กลัวโดนแม่มันว่า [ ฮ่า...ฮ่า..พ่อจ๋ากลัวเมียนะเนี่ย ] ได้แต่รอลูกว่าเมื่อไหร่ลูกจะตื่นมาเล่าให้ฟังว่าไปฝึกงานมาเป็นอย่างไร ผมเห็นซองสีขาวยาว ๆ จ่าหน้าซองถึงผมว่า ถึงพ่อจ๋า.....ผมเปิดออกดูมีเงินจำนวนหนึ่งพันสองร้อยบาทกับการ์ดใบเล็ก ๆ ที่ลูกสาวคนเล็กของผมเขียนไว้ว่า เงินจำนวนนี้หนูให้พ่อจ๋าค่ะ เป็นการสะสมเงินของหนูที่ไปฝึกงานกับพี่ ๆ ทีละเล็กทีละน้อย เป็นเงินก้อนน้อย ๆ ก้อนแรกของหนูที่ภูมิใจและอยากให้พ่อจ๋าค่ะ ห้ามแบ่งแม่นะคะ เพราะหนูให้แม่แล้ว เยอะกว่าพ่อร้อยนึง ( พ่ออย่าเสียใจนะคะที่ให้แม่จ๋าเยอะกว่า มันเป็นเทคนิคอย่างนึงที่ทำให้แม่จ๋าเลิกบ่นนะค่ะพ่อ ) และเทอมนี้หนูก็ไม่ต้องขอเงินพ่อจ๋าจ่ายค่าเทอมด้วยค่ะ ขอบคุณที่พ่อตามใจหนู ให้หนูได้ลองทำในสิ่งที่หนูไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะเป็นยังไงต่อไป รักพ่อจ๋าที่สุดค่ะ ลูกทำให้ผมอึ้งอีกครั้ง ผมคงต้องปล่อยเขาจากอกผมซะที ผมอยากบอกเขาว่า....เขาคือความภูมิใจของผม ถึงแม้ว่าแม่เขาอยากจะให้เขาดำเนินชีวิตตามกรอบเพียงใด แต่ผมเชื่อว่าความคิด ความรับผิดชอบ ความเป็นตัวของตัวเองของเขา เขาจะต้องดำเนินชีวิตต่อไปได้หากปราศจากผมและแม่เขา
ฉันอ่านซ้ำไปซ้ำมา...ระหว่างรอยยิ้มและคราบน้ำตาสลับกันไป อดนึกไม่ได้ว่าเงินก้อนนี้ที่ให้พ่อจ๋าจะเป็นเพียงก้อนน้อยก้อนเดียวที่ฉันให้กับพ่อได้ เสียดายที่ไม่มีโอกาสได้จูงมือพ่อเที่ยวตอนที่ฉันเป็นมัคคุเทศก์เหมือนที่พ่อพาฉันไปไหนต่อไหนเมื่อตอนเป็นเด็ก........
ฉันโชคดีมากที่ได้เกิดเป็นลูกของพ่อจ๋า ที่เลี้ยงฉันมาแบบนอกลู่นอกทางของแม่จ๋าบ้างในบางครั้ง
เก็บไว้เป็น "บันทึก" น่าจะขลังกว่านะครับ คุณครู ;)...
ความรู้สึกพ่อแม่ ต้องเก็บเป็นหลักฐานชิ้นโต ๆ เลย
เห็นด้วยกับอ.วัสค่ะ ว่าคุณครูน่าจะเอาไปเขียนเป็นบันทึกเก็บไว้ด้วยจะดีกว่า ใส่ใน "อนุทิน"เฉยๆค่ะ
(@^_______^@)
พี่ก็หมายความว่าคุณครูน่าจะเอาสิ่งที่เขียนใน อนุทินนี้ ไปเก็บไว้ในบันทึกที่บล็อก
(@^________^@)
คุณครูใช้เมนู"เพิ่มบันทึก"ที่ด้านบนน่ะค่ะ แล้วก็เลือกบล็อก "แรงบันดาลใจ"ที่คุณครูเขียนบันทึกไว้หลายบันทึกแล้ว นำสิ่งที่คุณครูได้จากไดอารี่คุณพ่อเขียนเป็นบันทึก แล้วก็ใส่คำสำคัญ ท้ายบันทึกเพื่อให้สามารถเชื่อมโยงไปถึงบันทึกได้ง่ายๆน่ะค่ะ อนุทินไม่ถูกลบหายไปไหนหรอกค่ะ แต่มันจะยากต่อการค้นหา เพราะมันไม่มีคำสำคัญ (keywords) ให้เราใส่น่ะค่ะ ไม่มีสารบัญ ไม่มีชื่อเรื่อง
ลองอ่าน คู่มือการใช้ GotoKnow (ฉบับย่อ) .pdf ดูนะคะ น่าจะทำให้เข้าใจระบบของ GotoKnow มากขึ้น สงสัยอะไรก็เขียนถามในอนุทินก็ได้ค่ะ พี่โอ๋และกัลยาณมิตรทั้งหลายใน GotoKnow ยินดีช่วยเหลือแน่นอนค่ะ
อ่านไปยิ้มใ่ปกับความรู้สึกดีๆระหว่างพ่อ-ลูกผูกพันค่ะ..
(@^_____^@)